อย่าว่าผมกัดติดเลยครับ เมื่อเราค้าน ก้ต้อง หาทางเลือกให้
ด้วย ไม่ใช่ค้านแบบ ไม่สร้างสรรค์ คนกันเองทั้งนั้น
ครับ โรงเรียนขนาดเล้ก ไม่ว่าไกล้หรือไกล จำวนนักเรียน มากหรือน้อย
ครู 1 คน หรือ 2 คน ครับ อย่าไปโทษ ว่าเขาอยากได้ ซี 8 เลยไม่อยากไป
กินน้ำไต้ศอก ใคร เรามีการกระจายอำนาจสู่ท้องถี่นมานาน มี อบต
อบจ หน่วยงานแบบนี้ งบประมาณ ตั้งแต่ 600 ล้าน ลงมา ถึง 15 ล้านบาท ต่อปี
รวมทั้ง เทศบาล ที่งบ มาก อย่างเทศบาลนคร ก็ ปาเข้าไป กว่า 600 ล้านเหมือนกัน
ในเทศบาล ใน อบจ และ อบต มี หน่วยย่อยที่รับผิดชอบ ด้านการศึกษา เราจะเห็นว่า
เทศบาล ทุกแห่ง รับผิดชอบ เรื่องการศึกษาในเขต ทั้งหมด อบต และ อบจ ก้เหมือนกัน
เพื่อเป้นการกระจาย บางแห่ง เขาก้มีการโอน โรงเรียน ไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ เข้าไปอยู่ใน อบต หรือ อบจ
เริ่ม ที่ อบต ที่มีกว่า 8 หมื่นแห่ง เอาโรงเรียน ขนาดเล้ก ทั้งหมด มาอยู่ในหน่วยงานนี้
อบจ จังหวัด เขา ก็มีหน่วยงานสนับสนุน โรงเรียน ในจังหวัด ทุกแห่ง ผมเคยคุยกับ นายก อบจ
เขาต้องการอย่างนี้ มาก แต่ทั้ง ครู และ สพฐ จังหวัดไม่ค่อยยอมร่วมมือด้วย ครู ไม่ยอม บอกว่า
เป็นการไปลดชั้น ต้องเป็น ลุกน้องนักการเมือง และบอกว่า อบต ไม่มีความรู้ในการพัฒนา เรื่อง
การศึกษา เดี๋ยวขออะไรไป ทำแผนอะไร ไป จะไม่รู้เรื่อง ไม่ทาบยว่าเป้นการไปตีตนก่อนใข้หรือยังไง
แล้ว ข้าราชการครู มักจะไม่ไว้ใจ นักการเมืองท้องถี่น บอกว่าโกงกินมาก
แต่บางแห่ง ที่โอนย้ายแล้ว จากโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็ก ไม่ถึง 60 คน อย่างที่ว่ากัน เดี๋ยวนี้ พัฒนา
ไปมีเด็กนิยมมาเรียน ผู้ปกครองส่งมาเรียนกันกว่า 200 คน ภายในเวลาไม่ถึง 5 ปี ลองมาดูที่บ้านกระเดียน
อำเภอตระการ ฯ ที่นี่ลูก สะไภ้ ผม เป็น ข้าราชการ อบต การเงิน อยู่ ครูที่โอนย้าย มามีโบนัส มากกว่า
อยู่ในกรอบ ของ ศธ มากมาย ก้อาจเป็นห่วงเรื่องวิทยฐานะ ก็ต้องตามไปแก้ระเบียบกันต่อไป แต่ ศธ ก้ยัง
ไม่กระดิกในเรื่องนี้ ผมถามเรื่องการพัฒนาโรงเรียน ตอนนี้มีครูเพิ่มจากเดิม เป็น 8 คน พอเพียงกับการสอน
มีอถุปกรณ์ การเรียน กีฬา ห้องสมุด ก็ครบ ครูจริง ๆมี 4 คน เป็นครูผู้ช่วย 4 คน งบประมาณ มาจาก อบต ทั้งหมด
ถามว่า อบต ได้งบมาจากไหน เขาก็ขอเพิ่มเติม จากรัฐบาล ถามว่า มันซ้ำซ้อนหรือไม่ การทำงานด้านการศึกษา
ที่ช่วยกันแบบนี้ มีแต่คุณกับ ท้องถี่น ๆ จะรู้ว่า เขาต้องการอะไร แค่ไหน เป็นการกระจายอำนาจ อย่างสมบูรณ์
ในการตรวจสอบคุณภาพ การเรียนการสอน ก็สามารถทำได้ เพราะ ศธ เองก้มีหน่วยงาน แบบนี้อยู่แล้ว
เพียงแต่ ตรวจแบบไหน เท่านั้น ไอ้แบบที่ มากินข้าวกับ ผู้บริหารแล้วก็กลับ ตรวจ แบบ ต้องมีเอกสารกันเป็นร้อยหน้า เลิกเถอะครับ
เช่นเดียวกับ การทำวิทยะฐานะ มีแต่เอกสารกับ เอกสาร ยี่งกว่า วิทยานิพนธ์ เสียอีก ส่วนปฏิบัติจริง ไม่เคยดู
ครับเรื่องราว ของ ศธ นี่ มีมาก เกินกว่าที่ จะบรรยาย ตอนผมทำ อ.3 ทำเอกสาร แค่ 80 หน้า พวกนี้ตีกลับ หาว่าน้อยไป
ผมต้องไปที่ กรม ฯ ไปถามตรง ๆว่า คุณจะตรวจเอกสารหรือเอาผลการเรียนการสอน ไอ้ที่ทำกันเป็นพันหน้านะ
นั่งเทียนกันหมด ต้องท้าให้มาดู ไม่ต้องบอกล่วงหน้า ครับต่อสู้มา 2 ปีถึงผ่าน มันก็เป็นแบบนี้แหละ
กลับมาดูท้องถี่นจะทำได้ ไม่ต้องกลัว ว่าคุณภาพการศึกษา อย่างที่เอา มาให้ดู 4 - 5 ข้อ เพียงแต่เราไม่มอง เท่านั้น
บ้านเมืองของผม ยังเต็มไปด้วย คนที่มีวิสัยทัศน์ ไม่กว้างไกล และใช้งาน หน่วยงานที่ แยกออกไปไม่เป็น
แถม มีการรวบอำนาจ ไว้ กลัวงบประมาณจะน้อยลง
การแก้ปัญหาแบบนี้ หลายคนคง แก้ว่า ทำไม่ได้ ไม่มีอำนาจ ครับ อะไร ที่มันติดขัด ก้แก้ใขเสีย ก.ม. ไหนไม่รองรับ
ก็แก้เสีย สมัย ท่านทักษิณ เป้นนายก ก้มีการแก้ระเบียบ ต่าง ๆมากมายเพื่อเอื้อให้ การทำงาน เร็วขึ้น ยกตัวอย่าง
เช่น การรักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าโรงแรม ที่ต้องมีใบเบิกกันเป้นหลายสิบแผ่น เดี๋ยวนี้ เหมาจ่ายกันไปตาม ความเป็นจริง
ก็จบไป การแก้ เรื่องโรงเรียน มันมีทาง หลายทางมากกว่า ที่คิดกันไว้
โรงเรียนเป็นสัญญลักษณ์ ของ ความเจริญ ท้องถี่น เป็นหน้าเป็นตาของท้องถี่น แม้ว่า ความเปลี่ยนแปลงเรื่องการเรียน
มันจะเปลี่ยนไปมาก แต่ การพัฒนา โรงเรียนของท้องถี่น ผมยังไม่เห็น เลย โยนทุกเรื่องให้ครู เท่านั้น ทำไมไม่โยนปัญหา
นี้ให้ท้องถี่นเขาแก้เองละครับ ไปคิดแทนชาวบ้าน
ใช้วิธีนี้ ดีไหมคุณพงศ์เทพ
ด้วย ไม่ใช่ค้านแบบ ไม่สร้างสรรค์ คนกันเองทั้งนั้น
ครับ โรงเรียนขนาดเล้ก ไม่ว่าไกล้หรือไกล จำวนนักเรียน มากหรือน้อย
ครู 1 คน หรือ 2 คน ครับ อย่าไปโทษ ว่าเขาอยากได้ ซี 8 เลยไม่อยากไป
กินน้ำไต้ศอก ใคร เรามีการกระจายอำนาจสู่ท้องถี่นมานาน มี อบต
อบจ หน่วยงานแบบนี้ งบประมาณ ตั้งแต่ 600 ล้าน ลงมา ถึง 15 ล้านบาท ต่อปี
รวมทั้ง เทศบาล ที่งบ มาก อย่างเทศบาลนคร ก็ ปาเข้าไป กว่า 600 ล้านเหมือนกัน
ในเทศบาล ใน อบจ และ อบต มี หน่วยย่อยที่รับผิดชอบ ด้านการศึกษา เราจะเห็นว่า
เทศบาล ทุกแห่ง รับผิดชอบ เรื่องการศึกษาในเขต ทั้งหมด อบต และ อบจ ก้เหมือนกัน
เพื่อเป้นการกระจาย บางแห่ง เขาก้มีการโอน โรงเรียน ไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ เข้าไปอยู่ใน อบต หรือ อบจ
เริ่ม ที่ อบต ที่มีกว่า 8 หมื่นแห่ง เอาโรงเรียน ขนาดเล้ก ทั้งหมด มาอยู่ในหน่วยงานนี้
อบจ จังหวัด เขา ก็มีหน่วยงานสนับสนุน โรงเรียน ในจังหวัด ทุกแห่ง ผมเคยคุยกับ นายก อบจ
เขาต้องการอย่างนี้ มาก แต่ทั้ง ครู และ สพฐ จังหวัดไม่ค่อยยอมร่วมมือด้วย ครู ไม่ยอม บอกว่า
เป็นการไปลดชั้น ต้องเป็น ลุกน้องนักการเมือง และบอกว่า อบต ไม่มีความรู้ในการพัฒนา เรื่อง
การศึกษา เดี๋ยวขออะไรไป ทำแผนอะไร ไป จะไม่รู้เรื่อง ไม่ทาบยว่าเป้นการไปตีตนก่อนใข้หรือยังไง
แล้ว ข้าราชการครู มักจะไม่ไว้ใจ นักการเมืองท้องถี่น บอกว่าโกงกินมาก
แต่บางแห่ง ที่โอนย้ายแล้ว จากโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็ก ไม่ถึง 60 คน อย่างที่ว่ากัน เดี๋ยวนี้ พัฒนา
ไปมีเด็กนิยมมาเรียน ผู้ปกครองส่งมาเรียนกันกว่า 200 คน ภายในเวลาไม่ถึง 5 ปี ลองมาดูที่บ้านกระเดียน
อำเภอตระการ ฯ ที่นี่ลูก สะไภ้ ผม เป็น ข้าราชการ อบต การเงิน อยู่ ครูที่โอนย้าย มามีโบนัส มากกว่า
อยู่ในกรอบ ของ ศธ มากมาย ก้อาจเป็นห่วงเรื่องวิทยฐานะ ก็ต้องตามไปแก้ระเบียบกันต่อไป แต่ ศธ ก้ยัง
ไม่กระดิกในเรื่องนี้ ผมถามเรื่องการพัฒนาโรงเรียน ตอนนี้มีครูเพิ่มจากเดิม เป็น 8 คน พอเพียงกับการสอน
มีอถุปกรณ์ การเรียน กีฬา ห้องสมุด ก็ครบ ครูจริง ๆมี 4 คน เป็นครูผู้ช่วย 4 คน งบประมาณ มาจาก อบต ทั้งหมด
ถามว่า อบต ได้งบมาจากไหน เขาก็ขอเพิ่มเติม จากรัฐบาล ถามว่า มันซ้ำซ้อนหรือไม่ การทำงานด้านการศึกษา
ที่ช่วยกันแบบนี้ มีแต่คุณกับ ท้องถี่น ๆ จะรู้ว่า เขาต้องการอะไร แค่ไหน เป็นการกระจายอำนาจ อย่างสมบูรณ์
ในการตรวจสอบคุณภาพ การเรียนการสอน ก็สามารถทำได้ เพราะ ศธ เองก้มีหน่วยงาน แบบนี้อยู่แล้ว
เพียงแต่ ตรวจแบบไหน เท่านั้น ไอ้แบบที่ มากินข้าวกับ ผู้บริหารแล้วก็กลับ ตรวจ แบบ ต้องมีเอกสารกันเป็นร้อยหน้า เลิกเถอะครับ
เช่นเดียวกับ การทำวิทยะฐานะ มีแต่เอกสารกับ เอกสาร ยี่งกว่า วิทยานิพนธ์ เสียอีก ส่วนปฏิบัติจริง ไม่เคยดู
ครับเรื่องราว ของ ศธ นี่ มีมาก เกินกว่าที่ จะบรรยาย ตอนผมทำ อ.3 ทำเอกสาร แค่ 80 หน้า พวกนี้ตีกลับ หาว่าน้อยไป
ผมต้องไปที่ กรม ฯ ไปถามตรง ๆว่า คุณจะตรวจเอกสารหรือเอาผลการเรียนการสอน ไอ้ที่ทำกันเป็นพันหน้านะ
นั่งเทียนกันหมด ต้องท้าให้มาดู ไม่ต้องบอกล่วงหน้า ครับต่อสู้มา 2 ปีถึงผ่าน มันก็เป็นแบบนี้แหละ
กลับมาดูท้องถี่นจะทำได้ ไม่ต้องกลัว ว่าคุณภาพการศึกษา อย่างที่เอา มาให้ดู 4 - 5 ข้อ เพียงแต่เราไม่มอง เท่านั้น
บ้านเมืองของผม ยังเต็มไปด้วย คนที่มีวิสัยทัศน์ ไม่กว้างไกล และใช้งาน หน่วยงานที่ แยกออกไปไม่เป็น
แถม มีการรวบอำนาจ ไว้ กลัวงบประมาณจะน้อยลง
การแก้ปัญหาแบบนี้ หลายคนคง แก้ว่า ทำไม่ได้ ไม่มีอำนาจ ครับ อะไร ที่มันติดขัด ก้แก้ใขเสีย ก.ม. ไหนไม่รองรับ
ก็แก้เสีย สมัย ท่านทักษิณ เป้นนายก ก้มีการแก้ระเบียบ ต่าง ๆมากมายเพื่อเอื้อให้ การทำงาน เร็วขึ้น ยกตัวอย่าง
เช่น การรักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าโรงแรม ที่ต้องมีใบเบิกกันเป้นหลายสิบแผ่น เดี๋ยวนี้ เหมาจ่ายกันไปตาม ความเป็นจริง
ก็จบไป การแก้ เรื่องโรงเรียน มันมีทาง หลายทางมากกว่า ที่คิดกันไว้
โรงเรียนเป็นสัญญลักษณ์ ของ ความเจริญ ท้องถี่น เป็นหน้าเป็นตาของท้องถี่น แม้ว่า ความเปลี่ยนแปลงเรื่องการเรียน
มันจะเปลี่ยนไปมาก แต่ การพัฒนา โรงเรียนของท้องถี่น ผมยังไม่เห็น เลย โยนทุกเรื่องให้ครู เท่านั้น ทำไมไม่โยนปัญหา
นี้ให้ท้องถี่นเขาแก้เองละครับ ไปคิดแทนชาวบ้าน