เห็น รมว.ศธ. บอกว่าต้องยุบ เพราะ ร.ร. เล็กๆ มีนักเรียนน้อย ครูก็น้อย ทำให้การสอนต้องสอนแบบคละชั้น เพราะถ้าสอนตามชั้น นักเรียนต่อชั้นจะน้อยมาก ( เฉลี่ยชั้นละ 4 คน )
แต่ผมดันเห็นตรงข้าม ผมว่านักเรียนน้อยๆ นี่แหละดี ถ้าได้คนที่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละวิชาพอสมควรมาสอน การที่มีนักเรียนน้อยๆ จะทำให้สามารถดูแลเรื่องพัฒนาการของเด็กแต่ละคนได้ง่ายกว่านักเรียนต่อชั้นมากๆ ด้วยซ้ำ ( เหมือนการศึกษาสมัยก่อน เ็ด็กผู้ชายที่มาอยู่วัดของแต่ละหมู่บ้าน คงมีไม่มาก ซึ่งพระหรือเจ้าอาวาสก็ดูแลได้ทั่วถึง หรือในหนังจีนกำลังภายใน ที่อาจารย์เก่งๆ จะมีลูกศิษย์ไม่กี่คน และสามารถเคี่ยวลูกศิษย์ที่มีไม่กี่คนนี่แหละให้เก่งได้ )
มีคนบอกว่าเราขาดแคลนครู ผมก็สงสัยว่าเราขาดแคลนจริงๆ หรือเปล่า? เพราะทั้งใน กทม. หรือในเขตเมืองของแต่ละ จว. เดี๋ยวนี้มี "ร.ร.กวดวิชา" ขนาดเล็กๆ ( คือใช้ตึกแถวคูหาเดียว ไม่ได้ใหญ่โตแบบพวกที่มี Brand ทั้งหลาย ) บอกว่าสอนโดยอดีต นศ.จาก ม.ดังๆ คณะโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด ( ยังไม่นับพวกติวเตอร์พเนจร ที่ไม่มีอาคารสำนักงานของตัวเอง แต่ใช้วิธีไปสอนกันตามร้านฟาสต์ฟู้ดในห้าง จนเคยเป็นข่าวว่าร้านพวกนี้ออกมาตรการห้ามมาแล้ว )
ส่วนใหญ่เท่าที่พบ คนพวกนี้มักจะจบ 1.วิศวะ 2.เภสัช 3.มนุษยฯ เอกภาษาต่างประเทศ ( ส่วนใหญ่จะเป็นอังกฤษ มีญี่ปุ่นกับจีนบ้างประปราย ) มันแสดงให้เห็นว่า มีคนที่เรียนคณะพวกนี้จนสำเร็จการศึกษา แต่ไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถไปในสายงานตามที่เรียนมา อาจจะสมัครงานสู้เขาไมไ่ด้บ้าง หรืออาจจะมองว่าติวเตอร์เป็นอาชีพอิสระบ้าง แน่นอนว่าคงมีไม่น้อยที่อยากเป็นครู แต่ไม่ได้จบศึกษาฯ - คุรุฯ มา และพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าสอนคนได้แน่ๆ ( ถ้าสอนไม่ไ้ด้คงไม่กล้าเปิดสำนักติวเตอร์เป็นของตัวเอง ) เพียงแต่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น
จึงเป็นความคิดที่ว่า เป็นไปได้หรือไม่? ที่จะรับสมัครคนเหล่านี้ คล้ายๆ กับอาสาสมัครทหารพราน หรือทหารรับจ้างชาวต่างชาติของฝรั่งเศส ( คือไ่ม่ใช่ทหารอาชีพ แต่มีสวัสดิการในระดับหนึ่ง ) เข้ามาสอบวัดความรู้พื้นฐานก่อน จากนั้นฝึกอบรมแล้วส่งไปตาม ร.ร. เล็กๆ เหล่านี้
1.เช่นถ้าคุณบอกว่าจะสอนคณิตศาสตร์ คุณต้องก็รู้และเข้าใจคณิตศาสตร์ตั้งแต่ ป.1 - ป.6 ( เพราะคุณอาจจะต้องสอนหลายๆ ช่วงชั้นปีเหมือนเดิม แต่ความห่างอาจจะลดลง เช่นจากที่ต้องสอนคนเดียว ป.1 - ป.6 อาจจะเป็นสอนแค่ ป.1 - ป.3 อะไรแบบนี้ แล้ว ป.4 - ป.6 อาจจะให้ครูแบบเดียวกันแต่เป็นท่านอื่นๆ รับหน้าที่ต่อไป ก็ไม่ต้องจับนักเรียนมาเรียนรวมกันในลักษณะที่ช่วงชั้นต่างกันมากๆ อีกต่อไป )
2.สอบวัดความรู้ในวิชาอื่นๆ นอกจากวิชาหลักที่เลือกไว้ด้วย เพราะใน ร.ร. เล็กๆ ครู 1 คน ควรสอนได้มากกว่า 1 วิชา ( แม้เจตนารมณ์จะไม่ได้อยากให้ครูคนเดียวสอนทุกวิชาก็ตาม แต่อาจจะให้แบ่งๆ รับกันไป คนละ 1 - 3 วิชา ไม่เกินจากนี้ และแต่ละคนไม่ควรสอนเกิน 3 ระดับชั้น ) ทั้งนี้เห็นบรรดาติวเตอร์ทั้งหลายก็ทำกันอยู่ เช่นจบวิศวะ แต่มาติวภาษาอังกฤษ เป็นต้น
3.ให้คนเหล่านี้ไปสอน มีเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงที่ถือว่า OK พอสมควรกับความยากลำบากในการเดินทางและอยู่อาศัย ( ผมว่าดีไม่ดี พอเปิดโครงการนี้ คนใน จว. นั้นแหละ ที่จะอาสาไปก่อน เพราะทุกวันนี้มีคน ตจว. จำนวนมากบ่นว่าไม่อยากอยู่ กทม. แ้ล้ว ถ้ามีงานที่รายได้ OK ในบ้านเกิดตัวเอง ก็พร้อมที่จะกลับไปทำ เพราะค่าครองชีพ ตจว. ยังต่ำกว่า กทม. พอสมควรถ้าไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือภูเก็ต )
4.ประเมินผลอย่างไร? ก็ประเมินเอาจากข้อสอบกลางแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้เนี่ยแหละ ไหนๆ บรรดาติวเตอร์เทพๆ เหล่านี้บอกว่าสอนให้ทำข้อสอบกลางได้ ( โฆษณากันเหลือเกิน ติว O - Net , Admission , GAT- PAT ) มาลองดูกันหน่อย ต่อ 1 ชั้นเรียนคนเรียนน้อยด้วย คุณสามารถเคี่ยวกับเด็กแต่ละคนได้เต็มที่ อีกอย่าง ร.ร.ในชนบท มักจะผูกพันกับชุมชน ถ้าคนเหล่านี้ืำทำผลงานดี ชุมชนก็พร้อมจะช่วยเหลือ ซึ่งถ้าชุมชนออกมาประท้วงไม่อยากให้ยุบ นั่นแสดงว่า ร.ร. นี้มันต้องมีดีแน่ๆ ชาวบ้านถึงยอมรับและพร้อมจะปกป้องมัน
---------------------------
อย่าลืมว่า 10 กิโลเมตรของ ตจว. กับ กทม. ไม่เหมือนกันนะครับ ( 10 กม. ของ กทม. มันเป็นเมือง แสงไฟและคนพลุกพล่าน จะเดินทางเวลาไหนก็ได้ แต่ 10 กม. ของชนบท เช้ามืดหรือเย็นๆ ค่ำๆ ก็เดินทางลำบากแล้วครับ )
บางคนบอกเปลืองงบหรืเปล่า? ผมว่ามันก็คุ้มอยู่ดี การศึกษาไม่มีคำว่าเปลืองงบหรอกครับ ถ้ามันใช้แล้วได้ผลดีจริง ลงทุนเท่าไรก็ต้องลงทุน ทั้งในเรื่องบุคลากรที่ผมลองเสนอเล่นๆ แบบนี้แล้ว ก็ทำควบคู่กับการพัฒนาด้าน IT ไปด้วย ( ไหนๆ ก็มี 3G แล้ว เน็ตความเร็วสูงแบบ Wireless หรือดาวเทียม ควรมุ่งไปที่ชนบทก่อนเลย เพราะในเมืองเราแทบจะลากสายไปได้ทุกที่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงมาก ) เพราะมันเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองในระยะยาว
เพราะถ้ายุบแล้วเดินทางไกลขึ้น ผมว่าพ่อแม่คงไม่อยากให้ลูกไปเรียนอะครับ เพราะครอบครัวรากหญ้า ยังไงก็ยังต้องการให้ลูกช่วยงานที่บ้านไปด้วยอยู่ดี ไม่ได้ให้เรียนอย่างเดียวอย่างเราๆ ท่านๆ ที่อยู่ในเมืองอะครับ
ปล.ลองเสนอเล่นๆ นะครับ รบกวนข้อเสนอแนะจากทุกท่านด้วย
ปล.2 ขอสาระนะครับ กรุณาถอดเสื้อสี เก็บ Logo พรรคไว้ก่อน
[ว่าด้วยการยุบโรงเรียน] ผมสงสัยว่า เราไม่ต้องยุบ แต่ใช้คนที่จบ ป.ตรี สายอื่นๆ ไปสอนเพิ่มได้ไหมครับ?
แต่ผมดันเห็นตรงข้าม ผมว่านักเรียนน้อยๆ นี่แหละดี ถ้าได้คนที่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละวิชาพอสมควรมาสอน การที่มีนักเรียนน้อยๆ จะทำให้สามารถดูแลเรื่องพัฒนาการของเด็กแต่ละคนได้ง่ายกว่านักเรียนต่อชั้นมากๆ ด้วยซ้ำ ( เหมือนการศึกษาสมัยก่อน เ็ด็กผู้ชายที่มาอยู่วัดของแต่ละหมู่บ้าน คงมีไม่มาก ซึ่งพระหรือเจ้าอาวาสก็ดูแลได้ทั่วถึง หรือในหนังจีนกำลังภายใน ที่อาจารย์เก่งๆ จะมีลูกศิษย์ไม่กี่คน และสามารถเคี่ยวลูกศิษย์ที่มีไม่กี่คนนี่แหละให้เก่งได้ )
มีคนบอกว่าเราขาดแคลนครู ผมก็สงสัยว่าเราขาดแคลนจริงๆ หรือเปล่า? เพราะทั้งใน กทม. หรือในเขตเมืองของแต่ละ จว. เดี๋ยวนี้มี "ร.ร.กวดวิชา" ขนาดเล็กๆ ( คือใช้ตึกแถวคูหาเดียว ไม่ได้ใหญ่โตแบบพวกที่มี Brand ทั้งหลาย ) บอกว่าสอนโดยอดีต นศ.จาก ม.ดังๆ คณะโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด ( ยังไม่นับพวกติวเตอร์พเนจร ที่ไม่มีอาคารสำนักงานของตัวเอง แต่ใช้วิธีไปสอนกันตามร้านฟาสต์ฟู้ดในห้าง จนเคยเป็นข่าวว่าร้านพวกนี้ออกมาตรการห้ามมาแล้ว )
ส่วนใหญ่เท่าที่พบ คนพวกนี้มักจะจบ 1.วิศวะ 2.เภสัช 3.มนุษยฯ เอกภาษาต่างประเทศ ( ส่วนใหญ่จะเป็นอังกฤษ มีญี่ปุ่นกับจีนบ้างประปราย ) มันแสดงให้เห็นว่า มีคนที่เรียนคณะพวกนี้จนสำเร็จการศึกษา แต่ไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถไปในสายงานตามที่เรียนมา อาจจะสมัครงานสู้เขาไมไ่ด้บ้าง หรืออาจจะมองว่าติวเตอร์เป็นอาชีพอิสระบ้าง แน่นอนว่าคงมีไม่น้อยที่อยากเป็นครู แต่ไม่ได้จบศึกษาฯ - คุรุฯ มา และพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าสอนคนได้แน่ๆ ( ถ้าสอนไม่ไ้ด้คงไม่กล้าเปิดสำนักติวเตอร์เป็นของตัวเอง ) เพียงแต่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น
จึงเป็นความคิดที่ว่า เป็นไปได้หรือไม่? ที่จะรับสมัครคนเหล่านี้ คล้ายๆ กับอาสาสมัครทหารพราน หรือทหารรับจ้างชาวต่างชาติของฝรั่งเศส ( คือไ่ม่ใช่ทหารอาชีพ แต่มีสวัสดิการในระดับหนึ่ง ) เข้ามาสอบวัดความรู้พื้นฐานก่อน จากนั้นฝึกอบรมแล้วส่งไปตาม ร.ร. เล็กๆ เหล่านี้
1.เช่นถ้าคุณบอกว่าจะสอนคณิตศาสตร์ คุณต้องก็รู้และเข้าใจคณิตศาสตร์ตั้งแต่ ป.1 - ป.6 ( เพราะคุณอาจจะต้องสอนหลายๆ ช่วงชั้นปีเหมือนเดิม แต่ความห่างอาจจะลดลง เช่นจากที่ต้องสอนคนเดียว ป.1 - ป.6 อาจจะเป็นสอนแค่ ป.1 - ป.3 อะไรแบบนี้ แล้ว ป.4 - ป.6 อาจจะให้ครูแบบเดียวกันแต่เป็นท่านอื่นๆ รับหน้าที่ต่อไป ก็ไม่ต้องจับนักเรียนมาเรียนรวมกันในลักษณะที่ช่วงชั้นต่างกันมากๆ อีกต่อไป )
2.สอบวัดความรู้ในวิชาอื่นๆ นอกจากวิชาหลักที่เลือกไว้ด้วย เพราะใน ร.ร. เล็กๆ ครู 1 คน ควรสอนได้มากกว่า 1 วิชา ( แม้เจตนารมณ์จะไม่ได้อยากให้ครูคนเดียวสอนทุกวิชาก็ตาม แต่อาจจะให้แบ่งๆ รับกันไป คนละ 1 - 3 วิชา ไม่เกินจากนี้ และแต่ละคนไม่ควรสอนเกิน 3 ระดับชั้น ) ทั้งนี้เห็นบรรดาติวเตอร์ทั้งหลายก็ทำกันอยู่ เช่นจบวิศวะ แต่มาติวภาษาอังกฤษ เป็นต้น
3.ให้คนเหล่านี้ไปสอน มีเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงที่ถือว่า OK พอสมควรกับความยากลำบากในการเดินทางและอยู่อาศัย ( ผมว่าดีไม่ดี พอเปิดโครงการนี้ คนใน จว. นั้นแหละ ที่จะอาสาไปก่อน เพราะทุกวันนี้มีคน ตจว. จำนวนมากบ่นว่าไม่อยากอยู่ กทม. แ้ล้ว ถ้ามีงานที่รายได้ OK ในบ้านเกิดตัวเอง ก็พร้อมที่จะกลับไปทำ เพราะค่าครองชีพ ตจว. ยังต่ำกว่า กทม. พอสมควรถ้าไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือภูเก็ต )
4.ประเมินผลอย่างไร? ก็ประเมินเอาจากข้อสอบกลางแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้เนี่ยแหละ ไหนๆ บรรดาติวเตอร์เทพๆ เหล่านี้บอกว่าสอนให้ทำข้อสอบกลางได้ ( โฆษณากันเหลือเกิน ติว O - Net , Admission , GAT- PAT ) มาลองดูกันหน่อย ต่อ 1 ชั้นเรียนคนเรียนน้อยด้วย คุณสามารถเคี่ยวกับเด็กแต่ละคนได้เต็มที่ อีกอย่าง ร.ร.ในชนบท มักจะผูกพันกับชุมชน ถ้าคนเหล่านี้ืำทำผลงานดี ชุมชนก็พร้อมจะช่วยเหลือ ซึ่งถ้าชุมชนออกมาประท้วงไม่อยากให้ยุบ นั่นแสดงว่า ร.ร. นี้มันต้องมีดีแน่ๆ ชาวบ้านถึงยอมรับและพร้อมจะปกป้องมัน
---------------------------
อย่าลืมว่า 10 กิโลเมตรของ ตจว. กับ กทม. ไม่เหมือนกันนะครับ ( 10 กม. ของ กทม. มันเป็นเมือง แสงไฟและคนพลุกพล่าน จะเดินทางเวลาไหนก็ได้ แต่ 10 กม. ของชนบท เช้ามืดหรือเย็นๆ ค่ำๆ ก็เดินทางลำบากแล้วครับ )
บางคนบอกเปลืองงบหรืเปล่า? ผมว่ามันก็คุ้มอยู่ดี การศึกษาไม่มีคำว่าเปลืองงบหรอกครับ ถ้ามันใช้แล้วได้ผลดีจริง ลงทุนเท่าไรก็ต้องลงทุน ทั้งในเรื่องบุคลากรที่ผมลองเสนอเล่นๆ แบบนี้แล้ว ก็ทำควบคู่กับการพัฒนาด้าน IT ไปด้วย ( ไหนๆ ก็มี 3G แล้ว เน็ตความเร็วสูงแบบ Wireless หรือดาวเทียม ควรมุ่งไปที่ชนบทก่อนเลย เพราะในเมืองเราแทบจะลากสายไปได้ทุกที่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงมาก ) เพราะมันเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองในระยะยาว
เพราะถ้ายุบแล้วเดินทางไกลขึ้น ผมว่าพ่อแม่คงไม่อยากให้ลูกไปเรียนอะครับ เพราะครอบครัวรากหญ้า ยังไงก็ยังต้องการให้ลูกช่วยงานที่บ้านไปด้วยอยู่ดี ไม่ได้ให้เรียนอย่างเดียวอย่างเราๆ ท่านๆ ที่อยู่ในเมืองอะครับ
ปล.ลองเสนอเล่นๆ นะครับ รบกวนข้อเสนอแนะจากทุกท่านด้วย
ปล.2 ขอสาระนะครับ กรุณาถอดเสื้อสี เก็บ Logo พรรคไว้ก่อน