เจ็บปวดกับการแก้ปัญหาของ SCB กรณีโดนแฮ็กบัตรเครดิต

กระทู้สนทนา
เนื่องจากเคยตั้งกระทู้ http://pantip.com/topic/30436209 เมื่อวันที่ 2 พค. คิดว่าเรื่องน่าจะจบไปด้วยดี แต่เมื่อเจอการแก้ปัญหาของ SCB แล้วไม่คิดว่าแบงค์จะปัดความรับผิดชอบขนาดนี้คะ เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟังคะ
1. เริ่มจากเราได้จองตั๋วเครื่องบินLowcast สายการบินยอดฮิตไป เมื่อวันที่ 30 เมษายน ไปค่าใช้จ่ายประมาณ 31,600 บาท วันนั้นตอนคีย์ข้อมูลบัตรขั้นตอนสุดท้ายมีการขอรหัส OTP ห้าตัว เราก็กดไปขอรหัสซึ่งได้ทำทั้งหมดไป 5 ครั้ง เพราะจากขั้นตอนสุดท้ายบอกว่า หากเกิน 1 นาทีให้กดใหม่ พอดีเรากดไป 3ครั้ง ได้รหัสมา 3 ครั้ง แต่ใช้รหัสจริงครั้งสุดท้ายไป ที่นี่ยอดขึ้นมา 3หมื่นสามครั้งรวด ทั้งๆที่เราใส่รหัสไปครั้งเดียว หลังจากนั้นมีsmsยอดแจ้งการใช้เงินจากSCBมาทั้งหมด 9หมื่นบาท อันนี้เราโทรไปrefundคืนกลับมา 6หมื่นเรียบร้อย
2.หลังจากนั้นในวันที่ 2 พค.เวลาประมาณ 8.24น. มีsmsการใช้เงิน3300 ยูโร(ประมาณ 130,000) เราก็งงเลยคุยกับแฟนว่ายอดจองตั๋วเครื่องบินหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นเป็นเรตยูโร เลยคิดว่าไม่น่าใช่ ไม่ถึง 10 นาที เลยโทรกลับไปcall center ว่าเราไม่ได้ใช้บัตรซื้ออะไรทำไม ถึงมีsmsว่าจ่ายเงินซื้อของ คิดว่าน่าจะโดนแฮ๊กข้อมูล จนท.จึงทำการอายัติบัตรทันที ระหว่างที่คุย มียอดสั่งซื้อเข้ามาอีกประมาณ 1000 ยูโร แต่อันนี้ไม่ผ่านคะ จนท.คนแรกบอกว่ายอดแสนกว่าบาท ยังไงคุณก็ต้องจ่าย เพราะได้มีการซื้อไปแล้ว เราก็งงว่าก็เราไม่ได้ใช้ทำไมต้องจ่าย แล้วจนท.ก็บอกว่าให้รอ 7วัน แล้วค่อยไปแจ้งความ
3.หลังจากคุยเสร็จสามีไปลงบันทึกประจำวัน แล้วโทรกลับไปccใหม่คราวนี้ ก็แจ้งความประสงค์ไม่ใช้เงินจำนวนนี้เพราะเราไม่ได้จ่าย และแจ้งว่าเราไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว จนท.คนที่ 2 บอกว่า จะทำการตรวจสอบ หากเราไม่ใช้จริง ก็จะตัดยอดไป ให้รอตรวจสอบ 10วัน ระหว่างนี้เครียดมากเลย กลุ้มมาก
4. ผ่านมาถึงวันนี้ 10พค.ได้รับใบแจ้งหนี้ ทั้งยอดจองตั๋วเครื่องบิน และรายการที่เราใช้จริง รวมทั้งที่น่าตกใจคือ ยอดเงินที่เราโทรแจ้งจนท.ว่าเราโดนแฮ๊กข้อมูลด้วย แฟนเลยโทรไปหาccคนที่ 3 คราวนี้คำตอบที่ได้มันทำให้เราอึ้งคะ เขาบอกว่า คุณได้ใช้จริง มีการซื้อขายจริง (ลืมบอกมันเป็นเวปขายพวกตั๋วบอล คอนเสริ์ต)
มีการมใช้รหัสOTP  พอถึงตรงนี้แฟนโมโหมากและบอกว่า คุณส่งรหัสมาที่เบอร์โทรศัพท์อะไร ผมไม่ได้รับ มีแต่smsการใช้จ่ายผ่านบัตรมายังโทรศัพท์  แล้วหลังจากที่เห็นsms ก็รีบโทรมาแจ้งว่าไม่ได้ใช้ ทำไมคุณไม่ตรวจสอบ ทำไมมาผลักภาระแบบนี้ คำตอบที่ได้คือ SCBเป็นคนกลาง คนที่เราต้องจ่ายเงินให้คือ visa ยังไงยอดนี้เราต้องจ่ายก่อน เดี๋ยวฝ่ายตรวจสอบจะใช้เวลาอีก 10วันในการตรวจสอบ แฟนเราก็บอกจะจ่ายเฉพาะยอดที่จ่ายจริง เท่านั้นเพราะได้แจ้งไปตั้งแต่แรกแล้วว่าการจ่ายเงินครั้งนี้มีบุคคลอื่นแฮ๊กข้อมูลไป
5.ตรงนี้อยากสอบถามผู้เกี่ยวข้องว่า ตลอดเวลาตั้งแต่วันที่ 2-10พค. พนง.ได้ตรวจสอบอย่างไร แค่พบว่ามีแค่การสั่งซื้อผ่านคอมแค่นั้นเหรอ ไม่สามารถตรวจได้เลยหรือว่าสั่งซื้อจากคอมเครื่องไหน สถานที่สั่ง บัตรที่สั่งส่งไปหาใคร ไม่มีจนท.ติดต่อมาเลยสักครั้งเดียว ในวันแรก  cc คนแรกบอกว่าไม่สามรถตรวจสอบที่มาการสั่งซื้อได้ ต้องรอแบงค์ทางนู้นเรียกเก็บ แล้วเมื่อแบงค์เรียกเก็บ ทำไม่คุณไม่holdการชำระเงินไปก่อน ทำการตรวจสอบให้ละเอียด ดิฉันเชื่อว่า ช่างเทคนิคSCB น่าจะมีการเชี่ยวชาญพอว่าดิฉันโกหกสั่งซื้อแล้วขอยกเลิก หรือมีคนมาแฮ๊กข้อมูลไป เพราะอย่างน้อยคุณน่าจะรู้ขนาดตอนโทรแจ้งว่าโดนแฮ๊ก มันยังย่ามใจเขามาซื้ออีก แต่ทางแบงค์กลับผลักภาระมาให้ลูกค้าบัตร กลับปล่อยให้คนขโมยข้อมูลเอาประโยชน์ไปฟรีๆ ส่วนตัวคิดว่ากรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรก แต่การแก้ไขของแต่ละแบงค์ไม่เหมือนกัน บางที่ถ้ามียอดแปลกๆ พนง. จะโทรกลับมาสอบถามก่อน แต่นี่กลับไม่มีเลย ยอดเงินไม่ใช่น้อยเลยนะคะ ดิฉันคิดว่าทางแบงค์ควรมีการแก้ไขปัญหาให้ดีกว่านี้อย่างมาก ตลอดมารู้สึกว่าพอใจกับการบริการของSCB มากนะคะ แต่พอเจอแบบนี้เข็ดคะ เข้าใจน้อง cc  นะคะว่าโดนเทรนมายังไง ตอบ 3คน 3 แบบ มันเรียกว่าปัดความรับผิดชอบไปวันๆ ดึงเรื่องไว้ทุก 10วัน
6.ส่วนตัวเรากับแฟนคงไม่ยอมคะ ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
7.ขอคำแนะนำจากเพื่อนๆด้วยคะ ว่าขั้นตอนต่อไปควรทำยังไง ฟ้องสคบ ได้เปล่าในกรณีนี้ แล้วถ้าอยากได้ข้อมูลของการสั่งซื้อครั้งนี้จากทางแบงค์ต้องทำยังไงคะ ขอบคุณคะ
4.

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ธนาคาร
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่