ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน จริงเหรอ?

กระทู้สนทนา
ยาวหน่อยนะคะ อาจต้องใช้ความอดทนอ่านสักนิด แต่ตอนนี้รู้สึกว่ากระทบกระเทือนสุขภาพจิตมาก เลยอยากขอคำปรึกษาค่ะ...เข้าเรื่องเลยนะคะ      
     ปัจจุบันเราอายุ 35 ค่ะ เคยมีแฟนคนแรกตอนอายุ 22-23 ตอนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ขอเล่าที่มาของแฟนคนแรกนี่หน่อยนะคะ เพราะเขาเป็นต้นเหตุให้เราต้องตั้งคำถามถามเพื่อนๆ ในครั้งนี้ แฟนคนแรกที่เราว่านั้น จริงๆ แล้วเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.ปลายมาด้วยกันน่ะค่ะ ครั้งหนึ่งเราไปทำงานพาทไทม์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วเจอเขาทำงานประจำอยู่ที่ห้างนั้น เราก็เลยได้คุยกัน ได้กลับบ้านพร้อมกันทุกวัน ตอนเรียน ม.ปลาย เราสนิทกับเขาพอสมควร พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ก็คุยสารทุกข์สุกดิบ มีอะไรก็ระบายใหักันฟังได้หมด เพราะไม่ค่อยมีเพื่อนคุยกันทั้งคู่ เรารู้แต่ว่าตอนนั้นเขามีคนที่คบอยู่ แต่เริ่มๆ จะมีปัญหากันเพราะครอบครัวเขาไม่ชอบฝั่งผู้หญิง ก็ได้แต่ให้คำแนะนำกันไป

      หลังจากสนิทกันอยู่พักใหญ่ เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบเพื่อนคนนี้ แต่ไม่กล้าบอก เพราะคิดว่าไม่ควร เนื่องจากเขามีแฟนอยู่ และเรากลัวจะเสียความเป็นเพื่อนไป นั่นคือความรู้สึกแอบรักครั้งแรกของชีวิต เศร้าๆ นอยด์ๆ สุขๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนึงเขาบอกว่า เลิกกับแฟนแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรเขาก็ไม่ค่อยบอกนะคะ เพราะเขาไม่ค่อยพูดอะไรในทางลบของแฟนเค้า แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าคบต่อไปยังไงก็เลิกกันอยู่ดี เพราะแม่เค้าไม่ชอบเลย (แฟนเค้าเป็นแม่ม่ายน่ะค่ะ อายุเยอะกว่ามากและมีลูกติด) จากนั้นไม่นานเพื่อนคนนี้เริ่มมีทีท่าที่แปลกไปกับเรา ถามเรื่องส่วนตัวเรามากขึ้น เอาใจมากขึ้น ห่วงมากขึ้น สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือนะคะ บ้านเราก็ไม่มีโทรศัพท์ เค้านั่งรอเราเลิกงานกลับบ้านด้วย นานหลายชั่วโมงก็รอ จนวันนึงเค้าก็บอกว่า ชอบเรา อยากคบเป็นแฟน เราจะโอเคมั้ย นาทีนั้นไม่ต้องถามหรอกค่ะ เพราะเราแอบชอบเค้ามาตั้งนานแล้ว

      ความรักครั้งแรกของเราเริ่มต้นด้วยความสุขมากมายมหาศาล เราไปที่บ้านเค้า เหมือนที่เคยไปตอนสมัยเป็นเพื่อนกัน แม่เค้าเคยเห็นเราตั้งแต่เด็กๆ แม่ก็ต้อนรับขับสู้ดี น่ารักกับเรามากๆ แต่คบกันเราไม่ได้บอกแม่ว่าเป็นแฟนกัน แม่เค้าก็คงเข้าใจว่าเรายังเป็นเพื่อนกัน แต่เพื่อนคนนี้ไปมาหาสู่บ่อยหน่อย ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เราคบแบบแฮปปี้ๆ อยู่ประมาณแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น แล้วฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง!!!

       ตอนนั้นแฟนถูกย้ายสาขาไปทำงานอีกห้างนึง ย้ายไปประมาณ 2 อาทิตย์ เราแอบทำเซอร์ไพรส์ไปหาที่ทำงาน แอบไปยืนรอ หวังว่าเค้าคงดีใจที่เจอหน้าเรา เพราะหลังจากเค้าย้ายไปก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เค้าติดต่อเราไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไม่มีโทรศัพท์ เราก็ได้แต่โทรหาเค้า แต่พอวันนั้นเค้าเจอหน้าเรา เค้างงเลย เหมือนไม่อยากเชื่อว่าเราจะมา และท่าทางตกใจ ไม่ค่อยจะคุยด้วย นั่งรถเมล์กลับมาด้วยกัน เค้าเงียบตลอดทาง และมีท่าทางร้อนรน เราก็เริ่มใจไม่ดีแล้วค่ะ ตอนนั้นเรายอมรับว่ารักเค้าหมดหัวใจ และยอมมีอะไรด้วย ไม่ได้คิดอะไรยาวเลย เค้าเป็นผู้ชายคนแรกและเป็นเพื่อนเรามาก่อน เราก็คิดว่าเค้ารักเรามากแน่ๆ แต่หลังจากวันที่เจอกันครั้งล่าสุดแค่ 2-3 วัน เราโทรไปเค้าไม่รับ จนกระทั่งวันหนึ่งเราไปหาที่บ้าน เค้าก็บอกเราว่า ‘เลิกกันเถอะ’
เราเอ๋อไปเลยอ่ะค่ะ งง และไม่คิดว่าเราจะถูกทิ้งเร็วขนาดนี้ เค้าย้ายไปทำงานที่ใหม่ เจอผู้หญิงคนใหม่ และทิ้งเรากลางอากาศเลย เราตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทสมัย ม.ปลาย ร้องห่มร้องไห้เหมือนคนบ้า เพื่อนเรางงเลยว่าไปคบกับผู้ชายคนนี้ได้ไง (เค้าอยู่หมู่บ้านเดียวกันค่ะ) เพราะแฟนเราเจ้าชู้ (ซึ่งเราไม่เคยรู้เลย) เพื่อนสนิทเราบอกว่าตั้งแต่เค้าทำงาน เค้าเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นเลย เจอทีก็เปลี่ยนแฟนที ออกแนวเป็นผู้ชายที่ชอบฟันแล้วทิ้งอ่ะค่ะ เพื่อนเราบอกว่า เรานี่ซวยแท้ แต่ผู้ชายก็ไม่น่าทำกันแบบนี้ เพราะถ้าคิดจะมีนิสัยฟันแล้วทิ้ง ก็ไม่น่ามาทำกับคนที่เป็นเพื่อนกันได้ลงคอ จากนั้นมันออกอุบายว่า ให้เราบอกไปเลยว่าท้อง ดูซิเค้าจะทำยังไง เราก็ทำตาม เพราะหวังลึกๆ ว่าเค้าคงกลับมาคบกับเราเหมือนเดิม แต่ผลคือไม่ค่ะ เค้าให้เงินเรามา 3,000 บอกว่าไปเอาเด็กออกนะ เค้าไม่พร้อมเป็นพ่อคน ส่วนเอาเด็กออกแล้วเราจะยังคบเค้าต่อหรือไม่ก็สุดแท้แต่เรา แต่เค้ามีแฟนใหม่แล้วนะ เค้ายังไงก็ได้ เพื่อนสนิทเราด่าผู้ชายซะสาดเสียเทเสีย ส่วนเราได้แต่นั่งร้องไห้ เสียใจมาก แต่เพื่อนก็บอกให้เอาเงินมา เอาไปทำบุญให้หมาให้แมว จะได้ไม่เจอกันอีกชาตินี้

.......แล้วเหตุการณ์นี้ก็ผ่านพ้นไปค่ะ ผ่านไปหลายปี ช่วงที่อกหัก เราทรมานมาก มันทั้งเจ็บ ทั้งอาย ทั้งกลัว เราเข็ดไม่คบกับใครอีกเลย รู้สึกตัวเองโง่และไม่มีคุณค่า และรู้สึกว่าเราไม่สามารถรักใครได้อีก จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 5 ปี เราเรียนจบและได้ทำงาน จนกระทั่งได้มาเจอกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าบังเอิญ หรืออะไรนะคะ......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่