ทุกวันนี้ เราหมกมุ่น กับงานมากเกินไปรึเปล่า?

เวลาทำงานหนักๆต่อเนื่องกันนานๆ
หรือเครียด มักจะมีคำถามผุดขึ้นมาในใจเสมอว่า
"เรากำลังทำอะไรอยู่...เราทำไปเพื่ออะไร..เราต้องการอะไร...เราทำเพื่อใคร...วิธีที่เราทำอยู่ มาถูกทางรึเปล่า"

แล้วเวลาว่างๆ โล่งๆ บางทีคำตอบของตัวเองก็จะค่อยๆผุดขึ้นมาในสมอง
"เรากำลังทำงานที่ได้เงิน...เราทำเพื่อไม่ให้ว่าง ให้ชีวิตมีคุณค่าที่เรามีงานทำ...ณ ตอนนี้เราต้องการเก็บเงิน เพื่อนำไปลงทุน เพื่อที่เราจะได้มีรายได้ ให้อุ่นใจ แล้วจะได้ไปทำงานอะไรก็ได้ที่อยากทำโดยไม่ต้องกดดันเรื่องรายรับ รายจ่าย...เราทำเพื่อครอบครัว เพื่อตนเอง..."
ถ้าว่างเว้นจากงาน ผมจะไม่เร่งรีบหางานมาสุมหัวต่อ
รีบกอบโกยเงินเป็นบ้าเป็นหลัง
(ยอมรับว่าเคยใข้ชีวิตอย่างนั้นมาแล้ว เห็นว่ามันไม่ค่อยจะเข้าท่าเลย)
ผมจะพักและทำในสิ่งที่อยากจะทำ
ในสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นพัฒนาขึ้น ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
ซึ่งผมถือว่า นี่คือ "งานของขีวิต"  แม้จะไม่ได้เงิน
แต่มันคือสิ่งที่ต้องทำอย่างยิ่ง
"งานที่ได้เงิน" ทำเพียงแค่หล่อเลี้ยงชีวิตเท่านั้น
แต่"งานของชีวิต" คือแก่นแท้ของชีวิต

แต่พอเจอคนรอบข้าง หลายๆคน พออายุเลย 30กลางๆ ขึ้นไป หลายๆคนจะหมกมุ่นกับการทำงานมากเกินไป
ใช้เวลา และสมาธิเกือบทั้งหมดจดจ่อไปกับงาน โดยละเลยสิ่งอื่นๆในชีวิต เช่น เรื่องครอบครัว , การพัฒนาตนเองด้านสังคม การพัฒนาจิตใจตนเอง , การดูแลสุขภาพกาย ใจให้สมบูรณ์ปกติสุข

บางคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพอย่างหนักพอสมควร
แต่ก็ผลัดก็อ้างที่จะดูแลตนเอง เรื่องการกินอยู่
ถึงเวลาก็แค่ไปหาหมอ เอาเงินไปให้หมอ ได้ยามากินแค่บรรเทาอาการ แล้วก็ป่วยซ้้ำแล้วซ้ำเล่า
ชีวิตอยู่ในวงจร  
"ทำงานหนัก หาเงิน กินอยู่ผิดธรรมชาติ  เจ็บป่วย --->ไปหาหมอ จ่ายเงิน รับยารักษาบรรเทาอาการ ---->กินยาแล้วหาย  แต่ยังกินอยู่ผิดธรรมชาติ ก็เจ็บป่วยสะสมอีก --->ไปหาหมออีก จ่ายเงิน รับยากินแล้วหายชั่วคราว--->มาทำแบบเดิมๆจนเจ็บป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ ขาดยาไม่ได้
จนเป็นโรคอื่นๆ ที่หนัก เช่น มะเร็ง "

บางทีแค่เราลองปรับเปลี่ยน พฤติกรรมประจำวัน
การกินอยู่ เราอาจจะไม่ต้องเจ็บป่วยบ่อยๆ
ทรมานกับอาการเรื้อรัง เช่น ญาติผมคนนึง
อาศัยในเมืองที่พักใกล้ทางด่วน เป็นภูมิแพ้
พอมาซื้อบ้านอยู่ชานเมือง เป็นบ้านสวนอากาศดี
ต้องเดินตากแดด ตากลมประจำ ก็เลยแข็งแรงไปโดยปริยาย ไม่ต้องไปหาหมอเลย

ผมเห็นว่า งานของคนในยุคปัจจุบันนี้ ใช้เวลามาก
เวลาทำงานเดินตาม เครื่องจักรกล ที่เดินเครื่องได้ตลอด 24 ชม. อาชีพบางอาชีพถึงทำงานตลอด24 ชม.
คนในยุคปัจจุบันจึงเหลือเวลาเพื่อทำกิจกรรมเพื่อชีวิตอย่างอื่นน้อยมาก กว่าจะทำงานเสร็จก็เหนื่อย

ผิดกับสมัยก่อน หรือคนที่อยู่ชนบท ในสมัยนี้ที่ทำอาชีพเกษตรกรรม
เวลาการทำงาน เดินตามฤดูกาลและเวลาตามธรรมชาติ
เช้าเย็นปกติ  เวลาทำงานก็เป็นไปตามเวลาตามธรรมชาติ
เวลาเลิกงานหรือว่างงานก็มีฤดูกาล  หลังฤดูเก็บเกี่ยว
คนสมัยก่อน หรือ เกษตรกรสมัยนี้จึงมีเวลาว่างเยอะ
เหลือที่จะทำกิจกรรมเพื่อชีวิตดีขึ้นอะไรก็ได้ เช่น เข้าวัดทำบุญ  ปฏิบัติธรรม บวช  แต่งงาน  ไปเที่ยว  หาทำอาขีพเสริม ไปเยี่ยมญาติสนิทมิตรสหาย เพราะว่างกันทีนึงหลายเดือน

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ช่วงอายุ 23-28 เคยบ้าทำงานสุด ๆ ครับ ทั้งงานประจำและอิสระที่รับมาทำเองที่บ้าน เรียกได้ว่าหายใจเข้า-ออกก็มีแต่งาน ๆๆ ไม่มีวันหยุด วันนึงนอนไม่เกิน 4 ชม. รายได้รวมทุกอย่างตกเดือนละ 5-7 หมื่นบาท พอผ่านไปสัก 4 ปีกว่า ๆ รู้สึกว่าสุขภาพแย่ ป่วยบ่อย ไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย คนรอบข้างเริ่มค่อย ๆ ห่างไปทีละคนสองคน รวมถึงแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนด้วย มองรอบข้างไม่เหลือใคร... จุดเปลี่ยนคือหน้ามืดครับเพราะพักผ่อนน้อย ไปนอนให้น้ำเกลือที่ รพ.คนเดียว 2 คืน มันเหงาอย่างบอกไม่ถูกครับความรู้สึกนั้น ได้โทรศัพท์หาแม่ที่อยู่อีกจังหวัดนึง แม่บอกว่าทำงานหนักไปรึเปล่า พักผ่อนบ้างก็ได้ลูก ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาแม่จะอยู่ยังไง วันนั้นผมน้ำตาไหลเลยครับ

หลังจากนั้นผมทิ้งทุกอย่าง หางานใหม่อยู่เดือนกว่า ๆ เลือกที่หยุดเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ทำงานแค่วันละ 8 ชม. แต่เงินเดือนก็ลดลงมาเกือบครึ่งเหลือ 36,000 แต่ก็คุ้มครับ แลกกับการมีเวลาออกกำลังกายทุกเย็น มีคนรักคนใหม่ที่เข้าใจกัน มีแม่ที่เป็นกำลังใจให้ตั้งแต่เด็กจนโต

ปัจจุบันอายุ 32 ทำงานเดิมแต่มีร้านขายนมสด น้ำปั่น และขนมปังเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง เที่ยวต่างจังหวัดปีละ 4-5 ครั้ง มีความสุขตามอัตภาพครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่