[30+] vs [18-] เค้าคิดมากไป หรือ เราคิดน้อยไปคะ

กระทู้ไม่ได้ดักนะคะ แต่อาจจะไม่ได้หวือหวา เหมือนกับที่ผู้อ่านคิด
เราเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชายมีอายุ 30+ ค่ะ ส่วนเค้าก็เป็นผู้ชายที่ชอบเด็กผู้หญิง 18-
ดูเหมือนความต้องการของเราทั้งคู่ก็สอดคล้องกันดี เรารู้จักกันมา 5 ปี และเริ่มคบกันจริงจังมา 2 ปีเศษ
แม้ว่ายังไม่เคยเอ่ยปากตกลงเป็นแฟนกัน แต่สำหรับเราเค้าเป็นยิ่งกว่าแฟน และเชื่อว่าเค้าก็คงคิดแบบเดียวกัน
เราก็ไปกันได้ดีมาตลอดจนมาถึงจุดหนึ่ง เป็นจุดที่เรากับเค้ายังไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
สำหรับเราไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาอะไรเลย แต่สำหรับเค้ามันเป็นปัญหาที่หนักหน่วงมาก
เลยอยากจะปรึกษาและขอความเห็นคุณๆ ผู้อ่านว่า เค้าคิดมากไป หรือเราที่คิดน้อยไปเองคะ

ขอเริ่มต้นด้วยแบ็คกราวน์ของเราก่อนนะคะ
เรา อายุ 22 ปี เรียนปีสุดท้ายมหาลัยรัฐแห่งหนึ่งแถวรังสิต ที่บ้านเรามีฐานะประมาณนึง
คุณพ่อรับราชการทหารในหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่ง ส่วนคุณแม่ซึ่งแยกกันอยู่กับคุณพ่อทำธุรกิจอยู่เมืองนอก
เราได้รับค่าใช้จ่ายจากทางบ้านเดือนละ 30K ถ้าไม่พอก็ขอเพิ่มได้ แต่เราก็ไม่เคยต้องขอเพิ่ม
เราไม่ค่อยซื้อของฟุ่มเฟือยบ่อยนัก แบรนด์บ้างนาน ๆ ที มือถือก็ใช้ซัมซุงเครื่องละ 6K ใช้มาหลายปีแล้ว
เงินส่วนใหญ่หมดไปกับค่ากินซึ่งเรายอมรับว่าอาจจะแพงไปซักหน่อย
ที่เหลือก็เก็บไว้ไปเที่ยวต่างจังหวัดเดือนละครั้ง และไปต่างประเทศปีละ 1-2 ครั้ง
เราเป็นลูกคนเดียว มีบ้านที่ใหญ่เกินกว่าจะอยู่กันแค่ 2 คน (กับพ่อ) ไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถให้
เราไม่คิดว่าชีวิตเราจะต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรเพิ่มอีก

ส่วนเค้า ....
อายุอยู่แถววัดเสมียนฯ (ใกล้หลักสี่) ขอเรียกว่าเป็นคนที่ล้มและลุกแล้ว กำลังจะวิ่งต่อละกันนะคะ
เกือบสิบปีก่อนเค้าเป็นคนที่ดูมีอนาคตไกลมาก ฉากหน้าทำงาน freelance ด้าน IT
และฉากหลังทำงานที่เดียวกับคุณพ่อเรา แต่คนละสายงานกัน
ตอนนั้นรายได้เฉลี่ยของเค้าราว 60K และบางเดือนก็เกิน 100K ตำแหน่งฐานะก็เทียบเท่าพันโททีเดียว
จนราว 7 ปีก่อน เป็นช่วงมรสุมชีวิตเข้า คุณแม่ของเค้าเข้า รพ. ต้องใช้เงินรักษาหลายล้าน
ช่วงนั้นก็เป็นช่วงการเมืองเปลี่ยน และเพราะขวางผลประโยชน์ของผู้มาใหม่จนโดนคุกคาม
เค้าก็เลยต้องออกจากงานมาพร้อมกับลบประวัติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
เหลือเพียงคนกลุ่มน้อยไม่กี่คนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเค้า ข้างหลังภาพ looser วัย 30 กว่าที่ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากหนี้
หลังจากคุณแม่เค้าเสียไปเค้าใช้เวลาแค่ 2 ปีล้างหนี้ที่เหลืออีกราว 3 ล้านด้วยงานสีเทาอ่อน ๆ
จากนั้นเค้าก็ออกมาพร้อมกับปฏิญาณว่าจะไม่กลับเข้าไปทำอีก พร้อมกับหยุดพักเลียแผลชีวิตอยู่พักนึง (คำพูดของเค้านะ)
ปัจจุบันเค้าเป็นอาจารย์สอนหนังสือ รายได้ไม่เยอะมากราว 40K แต่เค้ามีความสุขกับชีวิตของเค้าตอนนี้
มีบ้านอยู่เป็นส่วนกลางกับน้องสาว มีเงินเก็บเล็กน้อย ไม่มีรถ ไม่มีหนี้ และ .... ไม่มีความทะเยอทะยานอะไรเหลือเลย

(มีต่อค่ะ)

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 60
ตอนแรกกลับมาบ้านนึกว่าจะจบแล้ว  ที่ไหนได้ยาวโคด + ยังไม่จบอีก

จากที่อ่านถึงตอนนี้นะ ผมมองว่าแฟนจขกท.มีความคิดลึกซึ้ง + มีความละเอียดอ่อนมากทีเดียวครับ

เรื่องคำพูดนัย เฉือนเหลี่ยมเฉือนคม เอาจริงๆ ผู้ชายบางคนก็ไม่รู้นะครับ บุคคลที่ใช้บ่อย และสื่อกันได้แบบ 100 % คือกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ มีประสบการณ์ชีวิตหน่อยครับ  แฟนจขกท.ยังเก็บประเด็นได้หมดขณะที่จขกท.นั่งแบ๊วไม่รู้เรื่อง ถือว่าใช้ได้ครับ

ฟันธงแบบไม่ต้องฟันทิ้ง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความคิด  แต่อยู่ที่จขกท.ได้รับเงิน ใช้เงินแบบโอเวอร์มากครับ  สำหรับจขกท.อาจเป็นเรื่องธรรมดามั้ง  

แต่ผมว่าโดยปกติถ้ายังเรียนมหาลัย จะได้เงินเดือนละ เกิน 1 หมื่น  หลายคนยังได้แค่ฝัน  นี่ได้ตั้ง 30000 ขอเพิ่มได้อีก แม่จ้าววววววว   เม่าตกใจ  

นั่นหมายความว่าจขกท.จบไป จะยังเคยชินกับการใช้ชีวิตที่มีเงินมากขนาดนี้  แล้วจะยิ่งใช้เพิ่มขึ้นอีก ตอนถึงวัยทำงาน  แค่คิดก็หนาวแล้ว

ยังไงการเป็นอาจารย์อย่างเดียวก็ไม่มีทางอัพเงินเดือนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด  พอที่จะไล่ตามไลฟ์สไตล์จขกท.ตอนนี้แน่ๆ

หาอะไรใหม่ทำ ก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น  จะกลับไปธุรกิจสีเทา คงเป็นทางที่ง่ายที่สุด  แต่ผมว่าเค้าคงไม่ทำ  ไม่งั้นคงไม่ตัดใจเลิกทำได้  แสดงว่าเนื้อแท้เค้าพอใจชีวิตสุจริตมากกว่า

ถ้าเขาต้องกลับไปทำอะไรที่ต้องฝืนใจทำ เพื่อจขกท. แล้วจขกท.มองว่าโอเค  มันคือทางออก  ผมว่าจขกท. คิดน้อยไปจริงครับ  รักกันต้องมองถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย

คงต้องถามกลับมาที่จขกท.มากกว่า    ว่าจขกท.คิดว่าถ้าคบกันยาวๆ   เอาแบบแฟร์ๆ   เขาแบ่งเิงินเดือนมาให้จขกท.ครึ่งนึง  จขกท.อยู่ได้มั้ย  หรือเขาใจป้ำให้เงินเดือนทั้งหมดให้จขกท.ดูแล  

จขกท.จะใช้ชีวิตกับแฟนยังไงให้มีเงินเหลือเก็บบ้าง    

คือจขกท.ต้องปรับเข้าหาเค้า  เค้าเองก็ต้องปรับเข้าหาจขกท.ด้วย  มันถึงจะประคองกันไปได้   อย่าให้มันเป็นความสัมพันธ์ทางเดียว รับรองมันจะง่อนแง่นแน่

อย่าไปมองถึงเรื่องอดีตครับว่าตอนที่เคยทำงานได้เท่านั้นเท่านี้  อดีตคืออดีต  ปัจจุบัน+อนาคตต่างหากที่จะต้องเจอ
ความคิดเห็นที่ 51
สำนวนเหมือนอ่านนิยายอยู่เลยค่ะ แหะๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่