เทวทูตที่รัก บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=21-09-2012&group=24&gblog=1
บทที่ 10 จุมพิตเทวทุต
http://pantip.com/topic/30284724
บทที่ 11 หมอกมรณะ
แทนที่จะแวะเข้าไปในผับเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยก่อนเปิดร้านเหมือนทุกครั้งกฤตชัยกลับขับรถตรงไปยังที่พักซึ่งเป็นคอนโดหรูริมน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่ทำคือรินวิสกี้ลงแก้ว ชายหนุ่มกรอกน้ำสีอำพันลงคอติดต่อกันหลายครั้งด้วยความหงุดหงิด ยิ่งนึกถึงใบหน้างามของน้ำทิพย์ที่หลุดลอยไปจากมือโทสะที่คุกรุ่นก็เดือดพล่าน เขาเงื้อแก้วในมือขึ้นเตรียมจะขว้างเพื่อระบายอารมณ์แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงต่ำทุ้มกล่าวทัดทาน
“อย่าทำแบบนั้นจะดีกว่า”
กฤตชัยหันขวับไปทางเจ้าของเสียงและกระชากเสียงถามอย่างลืมตัว
“แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย”
ลูซิเฟอร์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมยิ้มอย่างใจเย็นต่างจากดวงตาที่กำลังทอแสงประกายลุกโชนเหมือนเปลวเพลิง
“ผมกลัวว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บ”
แก้วในมือปลิวหวือไปกระทบกับผนังห้องจนแตกกระจาย เศษคมกริบชิ้นหนึ่งกระดอนกลับมายังคนขว้างปาดแก้มจนเป็นรอยแผลยาว กฤตชัยร้องลั่นพร้อมกับยกมือขึ้นกุมใบหน้า จอมปิศาจมองเขาวิ่งวุ่นหาผ้ามาซับเลือดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้น
“ผมเตือนคุณแล้ว” เขาพูดเสียงต่ำพลางดึงผ้าออกและแตะบาดแผลด้วยปลายนิ้ว ลูซิเฟอร์จ้องเลือดที่กำลังไหลซึมออกมาแล้วอมยิ้มน้อยๆ “ถ้าไม่ระวังเรื่องความสะอาด แผลเล็กๆอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่”
พูดพลางกดนิ้วให้จมลงไปในแผล เล็บคมกริบยืดยาวฝังลงไปในเนื้อและเริ่มคว้านเป็นวง เศษเลือดเศษเนื้อร่วงพรูลงบนผืนพรมแต่จอมปิศาจไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขายังคงชอนไชนิ้วลึกเข้าไปจนถึงกระดูก การกระทำดังกล่าวทำให้กฤตชัยยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับเขยื้อน จนเมื่อความหวาดกลัวผสมกับความเจ็บปวดเพิ่มทวีรุนแรงขึ้นสุดจะทานทน เขาจึงส่งเสียงร้องโหยหวนดังลั่นและปัดมือข้างนั้นออกพร้อมกับขยับถอยหนี ช่วงที่เคลื่อนไหวกฤตชัยรู้สึกเหมือนมีลมพุ่งเข้ามาปะทะ เขาผงะหงายไปเล็กน้อยและขมวดคิ้วเมื่อเห็นลูซิเฟอร์ยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้นวม
“ทำไม” เขาพึมพำพร้อมกับก้มลงมองแก้วในมือ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง ชายหนุ่มจำได้แม่นว่าเพิ่งขว้างมันออกไปแต่ทำไมตอนนี้เขายังถือแก้วใบนั้นอยู่แถมในสภาพเรียบร้อยไม่มีแม้แต่รอยร้าว
“รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมผมถึงห้าม” จอมปิศาจพูด กฤตชัยถึงกับยืนตัวสั่น ขาทั้งสองข้างเกิดอาการอ่อนปวกเปียกขึ้นมาจนเขาต้องเกาะโต๊ะเอาไว้เพื่อพยุงไม่ให้ล้ม
“ท่านเล่นตลกอะไรกับผม” หลังจากพยายามรวบรวมสติอยู่นานในที่สุดเขาก็ปล่อยคำถามหลุดจากปากได้สำเร็จ ลูซิเฟอร์ทำหน้าผิดหวังน้อยๆ
“น่าเสียใจจริงที่คุณเห็นความห่วงใยของผมเป็นเรื่องตลก”
น้ำเสียงของจอมปิศาจทำให้กฤตชัยต้องรีบโบกมือเป็นพัลวัน
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เขาแก้ตัวจนลิ้นแทบพันกัน “อันที่จริงผมซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน ที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะผมยังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น”
“คุณหมายถึงความล้มเหลวในการลักพาตัวผู้หญิงคนนั้น” จอมปิศาจพูดและยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนกำหมัดแน่น “ถ้าจะให้พูดตามตรง คุณควรจะดีใจมากกว่าที่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
“หมายความว่ายังไง” กฤตชัยถามเสียงกระด้าง ลูซิเฟอร์ไม่ตอบในทันทีแต่กลับหงายมือข้างหนึ่งขึ้น แสงเรื่อเรืองสีทองอร่ามปะทุวาบเป็นรูปทรงกลม ถึงจะไม่เจิดจ้าแต่ความสุกสว่างของมันทำให้ชายหนุ่มต้องรีบยกแขนขึ้นป้องดวงตา จอมปิศาจมองท่าทางของเขาแล้วยิ้ม
“นี่เป็นแสงแบบเดียวกับที่คุณเห็นในมหาวิทยาลัย ไม่ร้อนจัดจนถึงขนาดเผาคนให้มอดไหม้ แต่ก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่แพ้กัน”
รอยยิ้มเชิงดูถูกดุจบอกเป็นนัยว่ากฤตชัยอ่อนแอเกินกว่าจะทนรับแสงอันน่ามหัศจรรย์นี้ได้ทำให้ชายหนุ่มขบกรามแน่นและรีบลดแขนข้างนั้นลง
“แค่แสงเท่านั้น” เขาเบ้ปาก “อีกอย่างถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่บางครั้งความเจ็บปวดจะช่วยให้คนเราแกร่งขึ้น”
“ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกมนุษย์กลัวจะต้องพบกับความเจ็บปวดอีกครั้งต่างหาก” ลูซิเฟอร์กล่าวแก้พลางดับแสงนั้นลงและประสานมือไว้บนตัก “คุณเองก็เช่นเดียวกัน”
ดวงตาสีเขียวเหลือบทองที่จ้องตรงมาให้ความรู้สึกเหมือนมันกำลังล้วงลึกเข้าไปในจิตใจ กฤตชัยแม้มปากแน่นเพราะจอมปิศาจพูดถูกต้องทุกอย่าง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาต้องพบกับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความแค้นที่ถูกแย่งชิงทรัพย์สมบัติหรือการถูกนักเลงอันธพาลรุมซ้อมตอนอยู่ในห้องขัง ความที่ไม่อยากเจอกับความทุกข์ทรมานแบบนั้นอีกครั้งเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อยืนอยู่เหนือคนอื่น
“อยากจะอยู่ตำแหน่งนั้นคุณต้องมีความอดทนมากกว่านี้” เสียงลูซิเฟอร์ดังขึ้นเหมือนล่วงรู้ทุกอย่างในความคิด กฤตชัยหันไปจ้องหน้า
“ถ้าไม่อดทนป่านนี้ผมฆ่าคนหมดมหาวิทยาลัยไปแล้ว”
“การฆ่าเป็นเรื่องง่าย การควบคุมต่างหากที่เป็นความสำเร็จอันแท้จริง” ลูซิเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงเนิบเย็นและยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของกฤตชัย “ผมรู้ว่าคุณอยากครอบครองทุกอย่างโดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะเธอมีผู้คุ้มครอง”
กฤตชัยหวนนึกถึงปีกสีขาวที่ปรากฏขึ้นด้านหลังน้ำทิพย์กับแสงประหลาดที่สามารถทำลายได้ทั้งปิศาจและอำนาจของยาเสพติด ความสุกสว่างที่ฉายออกมามีลักษณะเหมือนกับแสงที่ลูซิเฟอร์สร้างขึ้นทุกประการ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อเรื่องเทวดานางฟ้าหรือบรรดาสิ่งศักดิ์อะไรทั้งหลายเลยสักนิดแต่เรื่องที่ได้ยินจากจอมปิศาจทำให้ต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“มันเป็นใคร”
“อัครเทวทูต” ลูซิเฟอร์ตอบเสียงต่ำ ดวงตาทอประกายวาววับจนดูน่ากลัวก่อนจะจงใจเน้นชื่อของผู้ที่กำลังกล่าวถึงอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ราฟาเอล”
กฤตชัยอ้าปากค้าง หากมีใครพูดถึงชื่อนี้ก่อนพบกับลูซิเฟอร์เขาคงหัวเราะงอหายด้วยความขบขัน ถึงตอนนี้เองก็เถอะ
“หมายถึงเทวดาที่มีปีกเหมือนนกน่ะเหรอ” ช่างเป็นคำถามปัญญาอ่อนจนคนพูดนึกอยากจะตบปากตัวเองแต่ลูซิเฟอร์กลับผงกศีรษะ
“ใช่”
“แต่ราฟาเอลเป็นเทวดาฝรั่ง” ชายหนุ่มพึมพำ “แล้วเขามาทำอะไรที่เมืองไทย”
“เขาได้รับบาดเจ็บจนตกลงมาจากสวรรค์” จอมปิศาจตอบและโบกมือเป็นเชิงเลี่ยงคำอธิบายเมื่อเห็นสายตาอยากรู้ของอีกฝ่าย “เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย”
“หมายความว่าราฟาเอลแพ้ท่าน ที่เขายังอยู่บนโลกมนษย์เพราะยังไม่หายดี” กฤตชัยตั้งข้อสังเกต “แล้วทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสเก็บเขาล่ะ เทวดาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกปิศาจไม่ใช่หรือ”
“ถึงบาดเจ็บราฟาเอลก็ยังแข็งแกร่ง” ลูซิเฟอร์ตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจเท่าใดนัก “ที่ไม่ลงมือเพราะผมไม่ชอบการเอาเปรียบคู่ต่อสู้”
“งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม” กฤตชัยพูดและหยุดชะงักไว้แค่นั้นเมื่อจอมปิศาจมองด้วยดวงตาดุราวกับจะฉีกเขาให้เป็นชิ้น
“ราฟาเอลเป็นถึงอัครเทวทูต คิดหรือว่าอาวุธของพวกมนุษย์จะทำอะไรเขาได้”
“แต่ถ้าไม่ทำลงมือทำอะไรผมก็ไม่มีวันได้ตัวน้ำทิพย์” กฤตชัยแย้งและลดน้ำเสียงลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับนิ้วเหมือนไม่พอใจ “ท่านเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าราฟาเอลคุ้มครองเธออยู่”
“แต่ไม่ตลอดเวลา เขายังไม่กล้าออกมาข้างนอก” ลูซิเฟอร์มองชายหนุ่ม “ทั้งที่วันนี้คุณมีโอกาสแต่กลับปล่อยให้มันหลุดลอย”
“เพราะพวกเพื่อนบ้าๆกับแสงประหลาดที่ออกมาจากตัวน้ำทิพย์ต่างหาก” กฤตชัยรีบแก้ตัว “ท่านเองก็น่าจะบอกผมตั้งแต่แรกว่ามีเทวดาอยู่กับเธอ”
คำพูดเชิงตำหนิทำให้ลูซิเฟอร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะรับคล้ายยอมจำนน
“ผมยอมรับว่าประมาทไปนิด เพราะคิดว่าเขาจะใช้ขนนกคุ้มครองเธอเหมือนครั้งก่อน”
“หมายความว่ายังไง” กฤตชัยถามด้วยความสงสัย และรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นดวงตาของจอมปิศาจที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำดุจโลหิต “ขออภัยที่ผมปากพล่อยไปหน่อย ท่านไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้”
“ราฟาเอลส่งปราณเข้าไปในร่างของผู้หญิงคนนั้น ทำให้เขาสามารถช่วยเหลือเธอได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหนก็ตาม” ลูซิเฟอร์ลูบคางเบาๆขณะใช้ความคิด “จากการพบกันครั้งก่อน เขาอยู่ในสภาพอ่อนแอจนแทบจะรับมือข้าไม่ไหว แล้วทำไมจู่ๆถึงแข็งแกร่งขึ้นมาจนสร้างพลังที่ว่านี่ขึ้นมาได้”
ประโยคท้ายเหมือนเป็นการพูดกับตัวเอง กฤตชัยค่อยๆขยับตัวถอยหลังออกห่างและมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“อาจจะมีเทวดาอื่นลงมาช่วย”
เขารีบเสนอความคิดแต่ลูซิเฟอร์กลับสั่นศีรษะ
“ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่”
“เป็นไปได้ยังไงในเมื่อคุณยังรู้ เทวดาอื่นก็ต้องรู้ด้วยสิ”
ดวงตาที่กลับคืนสภาพเป็นสีเขียวปีกแมลงทับดังเดิมเหลือบมองกฤตชัย ร่างสูงใหญ่เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย
“เพราะมันเป็นความต้องการของราฟาเอล”
เทวทูตที่รัก บทที่ 11 หมอกมรณะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=21-09-2012&group=24&gblog=1
บทที่ 10 จุมพิตเทวทุต
http://pantip.com/topic/30284724
บทที่ 11 หมอกมรณะ
แทนที่จะแวะเข้าไปในผับเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยก่อนเปิดร้านเหมือนทุกครั้งกฤตชัยกลับขับรถตรงไปยังที่พักซึ่งเป็นคอนโดหรูริมน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่ทำคือรินวิสกี้ลงแก้ว ชายหนุ่มกรอกน้ำสีอำพันลงคอติดต่อกันหลายครั้งด้วยความหงุดหงิด ยิ่งนึกถึงใบหน้างามของน้ำทิพย์ที่หลุดลอยไปจากมือโทสะที่คุกรุ่นก็เดือดพล่าน เขาเงื้อแก้วในมือขึ้นเตรียมจะขว้างเพื่อระบายอารมณ์แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงต่ำทุ้มกล่าวทัดทาน
“อย่าทำแบบนั้นจะดีกว่า”
กฤตชัยหันขวับไปทางเจ้าของเสียงและกระชากเสียงถามอย่างลืมตัว
“แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย”
ลูซิเฟอร์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมยิ้มอย่างใจเย็นต่างจากดวงตาที่กำลังทอแสงประกายลุกโชนเหมือนเปลวเพลิง
“ผมกลัวว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บ”
แก้วในมือปลิวหวือไปกระทบกับผนังห้องจนแตกกระจาย เศษคมกริบชิ้นหนึ่งกระดอนกลับมายังคนขว้างปาดแก้มจนเป็นรอยแผลยาว กฤตชัยร้องลั่นพร้อมกับยกมือขึ้นกุมใบหน้า จอมปิศาจมองเขาวิ่งวุ่นหาผ้ามาซับเลือดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้น
“ผมเตือนคุณแล้ว” เขาพูดเสียงต่ำพลางดึงผ้าออกและแตะบาดแผลด้วยปลายนิ้ว ลูซิเฟอร์จ้องเลือดที่กำลังไหลซึมออกมาแล้วอมยิ้มน้อยๆ “ถ้าไม่ระวังเรื่องความสะอาด แผลเล็กๆอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่”
พูดพลางกดนิ้วให้จมลงไปในแผล เล็บคมกริบยืดยาวฝังลงไปในเนื้อและเริ่มคว้านเป็นวง เศษเลือดเศษเนื้อร่วงพรูลงบนผืนพรมแต่จอมปิศาจไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขายังคงชอนไชนิ้วลึกเข้าไปจนถึงกระดูก การกระทำดังกล่าวทำให้กฤตชัยยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับเขยื้อน จนเมื่อความหวาดกลัวผสมกับความเจ็บปวดเพิ่มทวีรุนแรงขึ้นสุดจะทานทน เขาจึงส่งเสียงร้องโหยหวนดังลั่นและปัดมือข้างนั้นออกพร้อมกับขยับถอยหนี ช่วงที่เคลื่อนไหวกฤตชัยรู้สึกเหมือนมีลมพุ่งเข้ามาปะทะ เขาผงะหงายไปเล็กน้อยและขมวดคิ้วเมื่อเห็นลูซิเฟอร์ยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้นวม
“ทำไม” เขาพึมพำพร้อมกับก้มลงมองแก้วในมือ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง ชายหนุ่มจำได้แม่นว่าเพิ่งขว้างมันออกไปแต่ทำไมตอนนี้เขายังถือแก้วใบนั้นอยู่แถมในสภาพเรียบร้อยไม่มีแม้แต่รอยร้าว
“รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมผมถึงห้าม” จอมปิศาจพูด กฤตชัยถึงกับยืนตัวสั่น ขาทั้งสองข้างเกิดอาการอ่อนปวกเปียกขึ้นมาจนเขาต้องเกาะโต๊ะเอาไว้เพื่อพยุงไม่ให้ล้ม
“ท่านเล่นตลกอะไรกับผม” หลังจากพยายามรวบรวมสติอยู่นานในที่สุดเขาก็ปล่อยคำถามหลุดจากปากได้สำเร็จ ลูซิเฟอร์ทำหน้าผิดหวังน้อยๆ
“น่าเสียใจจริงที่คุณเห็นความห่วงใยของผมเป็นเรื่องตลก”
น้ำเสียงของจอมปิศาจทำให้กฤตชัยต้องรีบโบกมือเป็นพัลวัน
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เขาแก้ตัวจนลิ้นแทบพันกัน “อันที่จริงผมซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน ที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะผมยังตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น”
“คุณหมายถึงความล้มเหลวในการลักพาตัวผู้หญิงคนนั้น” จอมปิศาจพูดและยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนกำหมัดแน่น “ถ้าจะให้พูดตามตรง คุณควรจะดีใจมากกว่าที่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
“หมายความว่ายังไง” กฤตชัยถามเสียงกระด้าง ลูซิเฟอร์ไม่ตอบในทันทีแต่กลับหงายมือข้างหนึ่งขึ้น แสงเรื่อเรืองสีทองอร่ามปะทุวาบเป็นรูปทรงกลม ถึงจะไม่เจิดจ้าแต่ความสุกสว่างของมันทำให้ชายหนุ่มต้องรีบยกแขนขึ้นป้องดวงตา จอมปิศาจมองท่าทางของเขาแล้วยิ้ม
“นี่เป็นแสงแบบเดียวกับที่คุณเห็นในมหาวิทยาลัย ไม่ร้อนจัดจนถึงขนาดเผาคนให้มอดไหม้ แต่ก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่แพ้กัน”
รอยยิ้มเชิงดูถูกดุจบอกเป็นนัยว่ากฤตชัยอ่อนแอเกินกว่าจะทนรับแสงอันน่ามหัศจรรย์นี้ได้ทำให้ชายหนุ่มขบกรามแน่นและรีบลดแขนข้างนั้นลง
“แค่แสงเท่านั้น” เขาเบ้ปาก “อีกอย่างถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่บางครั้งความเจ็บปวดจะช่วยให้คนเราแกร่งขึ้น”
“ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกมนุษย์กลัวจะต้องพบกับความเจ็บปวดอีกครั้งต่างหาก” ลูซิเฟอร์กล่าวแก้พลางดับแสงนั้นลงและประสานมือไว้บนตัก “คุณเองก็เช่นเดียวกัน”
ดวงตาสีเขียวเหลือบทองที่จ้องตรงมาให้ความรู้สึกเหมือนมันกำลังล้วงลึกเข้าไปในจิตใจ กฤตชัยแม้มปากแน่นเพราะจอมปิศาจพูดถูกต้องทุกอย่าง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาต้องพบกับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความแค้นที่ถูกแย่งชิงทรัพย์สมบัติหรือการถูกนักเลงอันธพาลรุมซ้อมตอนอยู่ในห้องขัง ความที่ไม่อยากเจอกับความทุกข์ทรมานแบบนั้นอีกครั้งเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อยืนอยู่เหนือคนอื่น
“อยากจะอยู่ตำแหน่งนั้นคุณต้องมีความอดทนมากกว่านี้” เสียงลูซิเฟอร์ดังขึ้นเหมือนล่วงรู้ทุกอย่างในความคิด กฤตชัยหันไปจ้องหน้า
“ถ้าไม่อดทนป่านนี้ผมฆ่าคนหมดมหาวิทยาลัยไปแล้ว”
“การฆ่าเป็นเรื่องง่าย การควบคุมต่างหากที่เป็นความสำเร็จอันแท้จริง” ลูซิเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงเนิบเย็นและยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของกฤตชัย “ผมรู้ว่าคุณอยากครอบครองทุกอย่างโดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะเธอมีผู้คุ้มครอง”
กฤตชัยหวนนึกถึงปีกสีขาวที่ปรากฏขึ้นด้านหลังน้ำทิพย์กับแสงประหลาดที่สามารถทำลายได้ทั้งปิศาจและอำนาจของยาเสพติด ความสุกสว่างที่ฉายออกมามีลักษณะเหมือนกับแสงที่ลูซิเฟอร์สร้างขึ้นทุกประการ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อเรื่องเทวดานางฟ้าหรือบรรดาสิ่งศักดิ์อะไรทั้งหลายเลยสักนิดแต่เรื่องที่ได้ยินจากจอมปิศาจทำให้ต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“มันเป็นใคร”
“อัครเทวทูต” ลูซิเฟอร์ตอบเสียงต่ำ ดวงตาทอประกายวาววับจนดูน่ากลัวก่อนจะจงใจเน้นชื่อของผู้ที่กำลังกล่าวถึงอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ราฟาเอล”
กฤตชัยอ้าปากค้าง หากมีใครพูดถึงชื่อนี้ก่อนพบกับลูซิเฟอร์เขาคงหัวเราะงอหายด้วยความขบขัน ถึงตอนนี้เองก็เถอะ
“หมายถึงเทวดาที่มีปีกเหมือนนกน่ะเหรอ” ช่างเป็นคำถามปัญญาอ่อนจนคนพูดนึกอยากจะตบปากตัวเองแต่ลูซิเฟอร์กลับผงกศีรษะ
“ใช่”
“แต่ราฟาเอลเป็นเทวดาฝรั่ง” ชายหนุ่มพึมพำ “แล้วเขามาทำอะไรที่เมืองไทย”
“เขาได้รับบาดเจ็บจนตกลงมาจากสวรรค์” จอมปิศาจตอบและโบกมือเป็นเชิงเลี่ยงคำอธิบายเมื่อเห็นสายตาอยากรู้ของอีกฝ่าย “เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย”
“หมายความว่าราฟาเอลแพ้ท่าน ที่เขายังอยู่บนโลกมนษย์เพราะยังไม่หายดี” กฤตชัยตั้งข้อสังเกต “แล้วทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสเก็บเขาล่ะ เทวดาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกปิศาจไม่ใช่หรือ”
“ถึงบาดเจ็บราฟาเอลก็ยังแข็งแกร่ง” ลูซิเฟอร์ตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจเท่าใดนัก “ที่ไม่ลงมือเพราะผมไม่ชอบการเอาเปรียบคู่ต่อสู้”
“งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม” กฤตชัยพูดและหยุดชะงักไว้แค่นั้นเมื่อจอมปิศาจมองด้วยดวงตาดุราวกับจะฉีกเขาให้เป็นชิ้น
“ราฟาเอลเป็นถึงอัครเทวทูต คิดหรือว่าอาวุธของพวกมนุษย์จะทำอะไรเขาได้”
“แต่ถ้าไม่ทำลงมือทำอะไรผมก็ไม่มีวันได้ตัวน้ำทิพย์” กฤตชัยแย้งและลดน้ำเสียงลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับนิ้วเหมือนไม่พอใจ “ท่านเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าราฟาเอลคุ้มครองเธออยู่”
“แต่ไม่ตลอดเวลา เขายังไม่กล้าออกมาข้างนอก” ลูซิเฟอร์มองชายหนุ่ม “ทั้งที่วันนี้คุณมีโอกาสแต่กลับปล่อยให้มันหลุดลอย”
“เพราะพวกเพื่อนบ้าๆกับแสงประหลาดที่ออกมาจากตัวน้ำทิพย์ต่างหาก” กฤตชัยรีบแก้ตัว “ท่านเองก็น่าจะบอกผมตั้งแต่แรกว่ามีเทวดาอยู่กับเธอ”
คำพูดเชิงตำหนิทำให้ลูซิเฟอร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะรับคล้ายยอมจำนน
“ผมยอมรับว่าประมาทไปนิด เพราะคิดว่าเขาจะใช้ขนนกคุ้มครองเธอเหมือนครั้งก่อน”
“หมายความว่ายังไง” กฤตชัยถามด้วยความสงสัย และรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นดวงตาของจอมปิศาจที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำดุจโลหิต “ขออภัยที่ผมปากพล่อยไปหน่อย ท่านไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้”
“ราฟาเอลส่งปราณเข้าไปในร่างของผู้หญิงคนนั้น ทำให้เขาสามารถช่วยเหลือเธอได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหนก็ตาม” ลูซิเฟอร์ลูบคางเบาๆขณะใช้ความคิด “จากการพบกันครั้งก่อน เขาอยู่ในสภาพอ่อนแอจนแทบจะรับมือข้าไม่ไหว แล้วทำไมจู่ๆถึงแข็งแกร่งขึ้นมาจนสร้างพลังที่ว่านี่ขึ้นมาได้”
ประโยคท้ายเหมือนเป็นการพูดกับตัวเอง กฤตชัยค่อยๆขยับตัวถอยหลังออกห่างและมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“อาจจะมีเทวดาอื่นลงมาช่วย”
เขารีบเสนอความคิดแต่ลูซิเฟอร์กลับสั่นศีรษะ
“ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่”
“เป็นไปได้ยังไงในเมื่อคุณยังรู้ เทวดาอื่นก็ต้องรู้ด้วยสิ”
ดวงตาที่กลับคืนสภาพเป็นสีเขียวปีกแมลงทับดังเดิมเหลือบมองกฤตชัย ร่างสูงใหญ่เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย
“เพราะมันเป็นความต้องการของราฟาเอล”