รถร่วมเบรกแตก พรบ. คนเจ็บ คนจน และปัญหาคาใจ

ค่ำวันศุกร์ที่ 30/04/56 ประมาณ 21:00 ได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อโดนรถชน เราเลยรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที



เกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ย้อนเวลากลับไปในวันนั้นซักประมาณ 20:30 ตึกแถวบริเวณท่าน้ำนนทบุรี ตรงแถวสามแยกที่สามารถเลี้ยวขวาไปคุกบางขวาง เป็นเวลาเดียวกับที่ปิดร้านเสร็จเรียบร้อย และเดินจะอ้อมไปหลังตึกแถว ระหว่างที่เดินอยู่มีรถเมล์ร่วมบริการพุ่งเสยขึ้นฟุตบาท เข้าชนตึกแถวห้องหัวมุม แล่นต่อไปพุ่งเชี่ยวชนเสาไฟฟ้า และแล่นต่อไปชนรถเมล์อีกคันที่วิ่งมา   เสียงไฟฟ้าระเบิดเพราะเสาไฟฟ้าเอนสายไฟฟ้าห้อยลงมาหมดเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

เสี้ยววินาทีนั้นพ่อตกใจถอยหลังได้ 2 ก้าว แล้วรู้สึกเจ็บที่หัว ทุกอย่างเร็วมาก เอามือจับหัว เลือดแดงไหลพุ่งออกมา แต่ยังมีสติ เดินไปหลังบ้าน แม่ซึ่งตกใจจากเสียงไฟฟ้าระเบิดยิ่งตกใจมากขึ้นที่พ่อมีเลือดออกจากหัวและเลือดเลอะเต็มเสื้อผ้า


รถฉุกเฉินมารับอย่างรวดเร็ว เพื่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด (ตอนนั้นไป ร.พ. รัฐ) เป็นเพราะโชคดี เคราะห์ดี หรือห้อยพระดี พ่อแค่หัวแตก ขาถลอกเป็นแผลเล็กน้อย ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าต้องออกเงินจ่ายเองไปก่อนสำหรับวันนี้ 500 กว่าบาท และให้มาทำแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหม ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายทุกวัน โดยให้ออกเงินไปก่อนเองทั้งหมด แล้วรวมบิลทั้งหมดไปทำเรื่องเบิกจ่าย พรบ. เอง  กรณีเดียวที่ไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลเบิกกับ พรบ. โดยตรงคือกรณีนอนโรงพยาบาล

เศร้าคำถามคาใจ:   ถ้าคนจน ไม่มีเงินออกไปก่อนจะทำอย่างไร ตอนนั้นคนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล คู่กรณีอยู่โรงพัก ผู้บาดเจ็บที่หมดให้กลับบ้านได้ จะต้องจ่ายเงินเอง การที่ให้ออกเงินไปก่อน รวมบิลทั้งหมด แล้วไปเบิกเอง ซึ่งนอกจากต้องสำรองเงินไปก่อน ยังต้องเดินทางและใช้เวลาเดินเรื่องเบิกจ่าย กว่าจะได้รับเงินที่จ่ายไป คนที่ไม่มีเงินทำอย่างไร จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายสำรองให้

พอพ่อออกจากโรงพยาบาลไปที่โรงพัก เจ้าทุกข์หลายราย คนขับรถเมล์ร่วมฯ อยู่ที่นั่น ผลสรุปออกมา เหตุผลยอดฮิต “เบรกแตก”

เศร้า คำถามคาใจ: เบรกแตกอีกแล้วหรือ สังคมไทยอยู่ยากขึ้นจริง ๆ เคยแต่ดูข่าว รถบรรทุกเบรกแตก รถคอนเทนเนอร์เบรกแตก รถเมล์เบรกแตก ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ที่เราดูในข่าวจะมาเกิดกับพ่อเรา คนใกล้ตัวเรา มาตรฐานความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มาตรฐานการตรวจสอบรถยนต์สาธารณะ โดยเฉพาะรถเมล์ รถร่วมอยู่ที่ไห

งานนี้โชคดีมีแต่คนเจ็บกับเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีคนตาย กับทรัพย์สินเสียหาย แต่ก็ทำให้ไฟฟ้าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีดับไปช่วงเวลาหนึ่ง จนการไฟฟ้ามาซ่อมให้ใช้งานได้ กับต้องปิดถนนเพื่อซ่อมแซมเสาไฟฟ้า และเคลียร์พื้นที่อีกข้ามวัน

กลับมาที่คนขับรถร่วม นอกจากเจ้าหน้าที่ประกันของรถเมล์ร่วมฯ จะให้ข้อมูลว่า เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งไปชนมาแล้ว สอบสวนกันไปมาปรากฏว่า “หูตึง” พูดอะไรด้วยไม่ค่อยได้ยิน แม่เจ้า

เศร้า คำถามคาใจ:  คนขับรถสาธารณะ อย่างรถเมล์ร่วม นี่ไก่กาอาราเล่อย่างไรก็มาขับได้ โดยไม่ต้องตรวจสอบความพร้อมของร่างกายเลยหรือ ความปลอดภัยผู้โดยสารอยู่ที่ไหน มีอะไรขึ้นมารถคันอื่นบีบแตร จะได้ยินไหม มาตรฐานในการคัดคนที่จะมาขับรถให้บริการประชาชนคนไทยอยู่ที่ไหน


ที่เล่าให้ฟังอาจจะแค่เหมือนบ่น แต่หากวันนั้นถ้าพ่อเดินเร็วกว่านั้นอีก 3 ก้าว เราคงไม่มีพ่อแล้ว ถ้าเราเป็นอะไรไป เราคงเสียใจมาก พ่อเราไม่คิดจะเรียกค่ารถค่าเดินทางค่าเสียเวลาหรืออะไร เอาแค่รวมบิลไปเบิกค่ารักษาที่ออกเงินไป ด้วยเหตุผลว่า ค่าใช้จ่ายพวกนี้ประกันไม่ได้จ่าย และคนขับคงไม่มีเงินมาจ่ายหรอก พร้อมกับคำพูดที่คนไทยชอบพูดกันจนติดปากว่า “ถือว่าฟาดเคราะห์” เศร้า

ป.ล. พอดีไม่ได้ถ่ายรูปรถเมล์ร่วมไว้คะ เพราะรีบไปโรงพยาบาล ตอนไปถ่ายคือหลังจากคุณพ่อกลับจากโรงพยาบาล มีการเคลื่อนย้ายรถออกแล้ว สำหรับว่าสายอะไรนั้น เราจำไม่ได้ ถ้าใครอยากรู้ เดียวเราไปถามน้องชาย เพราะน้องเราเขาถ่ายรูป และเก็บใบแจ้งความไว้คะ

เพิ่มเติม คคห ที่ 5 คะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่