การเสียน้ำตาของคนคนหนึ่งมันอาจมาจากสาเหตุหนักหนาอะไรหลายอย่างในชีวิต
ญาติเสีย อกหัก แฟนทิ้ง หมาตาย หวยกิน ล้มละลาย หรือจะอะไรก็แล้วแต่
แต่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลายคนคงไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ว่าวันนี้จะต้องมานั่งเสียน้ำตาเพียงเพราะมีชายแก่คนหนึ่งลาออกจากงาน!
อยู่ดีๆ ในวันพุธกลางสัปดาห์ที่โลกฟุตบอลสุดแสนจะเงียบเชียบน่าเบื่อ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เดินดุ่มเข้าไปในสนามซ้อมแคร์ริงตัน
แล้วประกาศกับนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และพนักงานทุกคนของสโมสร
ว่าเขากำลังจะลงจากเก้าอี้นายใหญ่แห่งโอลด์ แทรฟอร์ดในทันทีที่สิ้นสุดฤดูกาลนี้
เป็นการปิดฉากการคุมทีม 26 ปี 6 เดือน 13 วัน ด้วยจำนวนเกม 1500 นัดถ้วน
นับเป็นหนึ่งในช่วงการคุมทีมที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งของผู้จัดการทีมคนเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
แน่นอนว่าไม่เฉพาะแต่แฟนผี แต่แฟนบอลทุกคนทั่วโลกต่างช็อค ตกตะลึง นิ่งอึ้ง นะจังงัง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า “จอมคนเลือดสกอตต์” จะเลือกประกาศการปิดฉากเส้นทางชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมอันแสนรุ่งโรจน์ยาวนาน
อย่างกะทันหันโดยไม่ทันให้ใครต่อใครตั้งตัวแบบนี้
จริงอยู่ ใช่ว่าทุกคนจะไม่ได้คาดหมายไว้
ป๋าเฟอร์กี้เพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 71 ปีไปเมื่อ 31 ธันวาคมปลายปีที่ผ่านมา
และแฟนบอลทุกคนก็รู้ดีว่างานของป๋าเป็นงานที่แสนจะเคร่งเครียด กดดัน และบั่นทอนสุขภาพ ซึ่งไม่เหมาะกับคนวัย 71 เอาเสียเลย
เพียงแต่ใครเล่าจะคิดว่าการลาจากจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ช่วงเวลาที่ยูไนเต็ดเพิ่งจะได้ฉลองโทรฟี่แชมป์สูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20
ช่วงเวลาที่ป๋ายังตกเป็นข่าวซื้อนักเตะหน้าใหม่มากหน้าหลายตา
ช่วงเวลาที่ป๋ายังให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตที่สดใสของก๊วนนักเตะรุ่นเยาว์ในทีม
ช่วงเวลาที่ป๋ายังไม่ทันได้ทดลองใช้งานดาวรุ่งที่ตบตีแย่งชิงกับทีมอื่นแทบรากเลือดอย่างวิลฟรีด ซาฮาสักนัด
และช่วงเวลาที่ป๋ายังคงแสดงให้เห็นถึง passion ในเกมลูกหนังที่เข้มข้นไม่ต่างจากวันแรกที่เขามารับงานคุมทีมเช่นทุกวันนี้...
มันช่างรวดเร็วเกินจะทำใจ...
การลาออกแบบฟ้าผ่าของท่านเซอร์ในครั้งนี้ ไม่ใช่ข่าวร้ายเพียงข่าวเดียวของยูไนเต็ด
แต่เดวิด กิลล์ CEO ผู้กำหนดเส้นทางการดำเนินงานของสโมสรมาตลอด 16 ปี ก็ชิงประกาศลงจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้แล้ว
กล่าวได้ว่าปีศาจแดงกำลังเสียเสาหลักของสโมสรไปสองต้นพร้อมๆกัน
(และอาจจะเป็นสาม หรือสี่ ในกรณีที่พอล สโคลส์ และไรอัน กิ๊กส์ “Playing Legends” ทั้งสองเกิดแขวนสตั๊ดอำลาทีมตามป๋าไปด้วย)
แม้ทั้งเฟอร์กี้และกิลล์จะยังมีตำแหน่งในบอร์ดบริหารของสโมสร
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองได้ทิ้งภาระอันหนักอึ้งให้กับเอ็ด วูดเวิร์ด CEO คนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในฤดูกาลหน้า
กับงานที่แสนท้าทายในการพาให้ปีศาจแดงยังเดินหน้าต่อไปได้ในวันที่ทีมต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับ “ลมเปลี่ยนทิศ” เช่นนี้
งานแรกที่พลพรรคปีศาจแดงต้องทำหลังจากตั้งตัวกันติดแล้ว
ก็น่าจะเป็นการควานหาทายาทบัลลังก์ที่จะมานั่งเก้าอี้กุนซือของทีมต่อจากท่านเซอร์
แต่เก้าอี้ตัวนี้ไม่ใช่จะนั่งกันได้ง่ายๆ
นอกจากการมีผู้ท้าชิงมากมายแล้ว มันยังเป็นเก้าอี้ที่แม้ใครจะเอกอุในเชิงลูกหนังมาจากไหน
ก็ต้องแบกรับความกดดันอันมหาศาลที่จอมคนเลือดสกอตต์ผู้คว้าโทรฟี่แชมป์มาประดับสโมสรถึง 49 ใบได้ทิ้งเอาไว้ให้
ฉะนั้นแล้ว ไม่ใช่เพียงฝีมือ แต่ต้องรวมถึงบารมี และ passion ในตัวที่ไม่น้อยไปกว่าเฟอร์กี้เท่านั้น
ที่จะพากุนซือผีแดงคนใหม่ให้อยู่ตลอดรอดฝั่งในระยะยาวได้
ซึ่งขณะเขียนบทความนี้ ยอดทีมจากซัลฟอร์ดยังไม่ได้แต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่
ฉะนั้นสารพัดชื่อกุนซือชั้นนำทั้ง โฆเซ่ มูรินโญ่, เดวิด มอยส์, เจอร์เกน คลอปป์, จุปป์ ไฮยน์เกส,
คาร์โล อันเชลอตติ, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และอื่นๆอีกมากมาย ก็ต่างถูกโยงเข้ากับเก้าอี้ตัวนี้กันเป็นพัลวัน
ไม่ว่าหนึ่งในชื่อเหล่านี้ใครจะได้เป็นกุนซือแมนฯยูไนเต็ดคนต่อไปหรือไม่ แต่เชื่อว่าแฟนผีก็จะยังคงอาลัยรักท่านเซอร์อยู่ไม่เสื่อมคลาย
และเสียงเรียกร้องให้ดึงท่านเซอร์กลับมาเป็นผู้จัดการอีกก็จะดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ถ้าทีมในความดูแลของกุนซือคนใหม่เกิดพบความพ่ายแพ้ติดต่อกันสัก 2-3 นัด
การเข้ามาสานต่อระบบที่ท่านเซอร์ได้บรรจงประดิษฐ์สร้างขึ้นมาตลอดระยะเวลา 26 ปี 6 เดือน
แล้วจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จในระดับเดิมหรือสูงกว่าเดิมต่อไปได้เลยในทันทีนั้น
นับว่าเป็นเรื่องยากไม่ต่างจากการเชียร์ให้ทีมชาติไทยได้ไปบอลโลก
นั่นคือมันก็ยังพอเป็นไปได้ แต่ก็หินสุดๆ
ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งอันเป็นนิรันดร์ฉันใด ความตกต่ำเสื่อมถอยก็มีสถานะไม่ต่างกันฉันนั้น
มีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าในช่วงเปลี่ยนผ่าน ลมที่เปลี่ยนทิศนี้จะซัดใส่แมนฯยูไนเต็ดอย่างรุนแรงจนเกิดอาการ "เป๋"
แฟนๆเรดเดวิลส์อาจจะต้องทนเห็นทีมรักไม่ได้แชมป์ต่อเนื่องแทบทุกปีแบบที่เคยเห็นเป็นประจำ
และบางทีมันอาจต้องใช้เวลามากกว่าแค่หนึ่งหรือสองปีในการทวงตำแหน่งแชมป์กลับมา
ในช่วงนั้น แฟนพันทางหลายคนก็อาจจะหายหน้าไป
บางคนอาจจะหนีไปเชียร์ทีมอื่นที่ใช้เงินโปรยซื้อความสำเร็จได้แบบทันใจ
บางคนก็อาจจะหนีไปเชียร์ทีมคู่อริที่เคยเกลียดกันจะเป็นจะตายตอนที่ยังเรียกตัวเองว่า “แฟนผี” ก็ได้
ใครจะรู้?
ท่ามกลางสายลมที่เปลี่ยนทิศในวันนี้ ฝุ่นผงและเศษขยะบางชิ้นจะปลิวหายไป
แล้วมันก็จะพาให้น้ำตาที่ร่วงหล่นมาในวันนี้เหือดแห้งไปเช่นกัน
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันคงอยากให้แฟนผีเงยหน้าขึ้นท้าทายลมที่เปลี่ยนทิศครั้งนี้ด้วยความเข้มแข็ง
มากกว่าที่จะมัวมานั่งท้อใจกับการฝ่าแรงลมที่ซัดใส่
เพราะต่อให้ลมจะแรงกว่านี้อีกสักกี่เท่า แต่เราก็จะฝ่ามันไปได้ด้วยความเชื่อมั่นของเรา
Believe.
Picture credit : Devil Magazine Facebook Fanpage
ด้วยรัก เคารพ ศรัทธา และขอบคุณในทุกสิ่งตลอด 26 ปีที่ผ่านมา
ขอขอบคุณ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน...
> > > โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ลมเปลี่ยนทิศ < < <
ญาติเสีย อกหัก แฟนทิ้ง หมาตาย หวยกิน ล้มละลาย หรือจะอะไรก็แล้วแต่
แต่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลายคนคงไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ว่าวันนี้จะต้องมานั่งเสียน้ำตาเพียงเพราะมีชายแก่คนหนึ่งลาออกจากงาน!
อยู่ดีๆ ในวันพุธกลางสัปดาห์ที่โลกฟุตบอลสุดแสนจะเงียบเชียบน่าเบื่อ
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เดินดุ่มเข้าไปในสนามซ้อมแคร์ริงตัน
แล้วประกาศกับนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และพนักงานทุกคนของสโมสร
ว่าเขากำลังจะลงจากเก้าอี้นายใหญ่แห่งโอลด์ แทรฟอร์ดในทันทีที่สิ้นสุดฤดูกาลนี้
เป็นการปิดฉากการคุมทีม 26 ปี 6 เดือน 13 วัน ด้วยจำนวนเกม 1500 นัดถ้วน
นับเป็นหนึ่งในช่วงการคุมทีมที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งของผู้จัดการทีมคนเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
แน่นอนว่าไม่เฉพาะแต่แฟนผี แต่แฟนบอลทุกคนทั่วโลกต่างช็อค ตกตะลึง นิ่งอึ้ง นะจังงัง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า “จอมคนเลือดสกอตต์” จะเลือกประกาศการปิดฉากเส้นทางชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมอันแสนรุ่งโรจน์ยาวนาน
อย่างกะทันหันโดยไม่ทันให้ใครต่อใครตั้งตัวแบบนี้
จริงอยู่ ใช่ว่าทุกคนจะไม่ได้คาดหมายไว้
ป๋าเฟอร์กี้เพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 71 ปีไปเมื่อ 31 ธันวาคมปลายปีที่ผ่านมา
และแฟนบอลทุกคนก็รู้ดีว่างานของป๋าเป็นงานที่แสนจะเคร่งเครียด กดดัน และบั่นทอนสุขภาพ ซึ่งไม่เหมาะกับคนวัย 71 เอาเสียเลย
เพียงแต่ใครเล่าจะคิดว่าการลาจากจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ช่วงเวลาที่ยูไนเต็ดเพิ่งจะได้ฉลองโทรฟี่แชมป์สูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20
ช่วงเวลาที่ป๋ายังตกเป็นข่าวซื้อนักเตะหน้าใหม่มากหน้าหลายตา
ช่วงเวลาที่ป๋ายังให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตที่สดใสของก๊วนนักเตะรุ่นเยาว์ในทีม
ช่วงเวลาที่ป๋ายังไม่ทันได้ทดลองใช้งานดาวรุ่งที่ตบตีแย่งชิงกับทีมอื่นแทบรากเลือดอย่างวิลฟรีด ซาฮาสักนัด
และช่วงเวลาที่ป๋ายังคงแสดงให้เห็นถึง passion ในเกมลูกหนังที่เข้มข้นไม่ต่างจากวันแรกที่เขามารับงานคุมทีมเช่นทุกวันนี้...
มันช่างรวดเร็วเกินจะทำใจ...
การลาออกแบบฟ้าผ่าของท่านเซอร์ในครั้งนี้ ไม่ใช่ข่าวร้ายเพียงข่าวเดียวของยูไนเต็ด
แต่เดวิด กิลล์ CEO ผู้กำหนดเส้นทางการดำเนินงานของสโมสรมาตลอด 16 ปี ก็ชิงประกาศลงจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้แล้ว
กล่าวได้ว่าปีศาจแดงกำลังเสียเสาหลักของสโมสรไปสองต้นพร้อมๆกัน
(และอาจจะเป็นสาม หรือสี่ ในกรณีที่พอล สโคลส์ และไรอัน กิ๊กส์ “Playing Legends” ทั้งสองเกิดแขวนสตั๊ดอำลาทีมตามป๋าไปด้วย)
แม้ทั้งเฟอร์กี้และกิลล์จะยังมีตำแหน่งในบอร์ดบริหารของสโมสร
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองได้ทิ้งภาระอันหนักอึ้งให้กับเอ็ด วูดเวิร์ด CEO คนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในฤดูกาลหน้า
กับงานที่แสนท้าทายในการพาให้ปีศาจแดงยังเดินหน้าต่อไปได้ในวันที่ทีมต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับ “ลมเปลี่ยนทิศ” เช่นนี้
งานแรกที่พลพรรคปีศาจแดงต้องทำหลังจากตั้งตัวกันติดแล้ว
ก็น่าจะเป็นการควานหาทายาทบัลลังก์ที่จะมานั่งเก้าอี้กุนซือของทีมต่อจากท่านเซอร์
แต่เก้าอี้ตัวนี้ไม่ใช่จะนั่งกันได้ง่ายๆ
นอกจากการมีผู้ท้าชิงมากมายแล้ว มันยังเป็นเก้าอี้ที่แม้ใครจะเอกอุในเชิงลูกหนังมาจากไหน
ก็ต้องแบกรับความกดดันอันมหาศาลที่จอมคนเลือดสกอตต์ผู้คว้าโทรฟี่แชมป์มาประดับสโมสรถึง 49 ใบได้ทิ้งเอาไว้ให้
ฉะนั้นแล้ว ไม่ใช่เพียงฝีมือ แต่ต้องรวมถึงบารมี และ passion ในตัวที่ไม่น้อยไปกว่าเฟอร์กี้เท่านั้น
ที่จะพากุนซือผีแดงคนใหม่ให้อยู่ตลอดรอดฝั่งในระยะยาวได้
ซึ่งขณะเขียนบทความนี้ ยอดทีมจากซัลฟอร์ดยังไม่ได้แต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่
ฉะนั้นสารพัดชื่อกุนซือชั้นนำทั้ง โฆเซ่ มูรินโญ่, เดวิด มอยส์, เจอร์เกน คลอปป์, จุปป์ ไฮยน์เกส,
คาร์โล อันเชลอตติ, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และอื่นๆอีกมากมาย ก็ต่างถูกโยงเข้ากับเก้าอี้ตัวนี้กันเป็นพัลวัน
ไม่ว่าหนึ่งในชื่อเหล่านี้ใครจะได้เป็นกุนซือแมนฯยูไนเต็ดคนต่อไปหรือไม่ แต่เชื่อว่าแฟนผีก็จะยังคงอาลัยรักท่านเซอร์อยู่ไม่เสื่อมคลาย
และเสียงเรียกร้องให้ดึงท่านเซอร์กลับมาเป็นผู้จัดการอีกก็จะดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ถ้าทีมในความดูแลของกุนซือคนใหม่เกิดพบความพ่ายแพ้ติดต่อกันสัก 2-3 นัด
การเข้ามาสานต่อระบบที่ท่านเซอร์ได้บรรจงประดิษฐ์สร้างขึ้นมาตลอดระยะเวลา 26 ปี 6 เดือน
แล้วจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จในระดับเดิมหรือสูงกว่าเดิมต่อไปได้เลยในทันทีนั้น
นับว่าเป็นเรื่องยากไม่ต่างจากการเชียร์ให้ทีมชาติไทยได้ไปบอลโลก
นั่นคือมันก็ยังพอเป็นไปได้ แต่ก็หินสุดๆ
ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งอันเป็นนิรันดร์ฉันใด ความตกต่ำเสื่อมถอยก็มีสถานะไม่ต่างกันฉันนั้น
มีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าในช่วงเปลี่ยนผ่าน ลมที่เปลี่ยนทิศนี้จะซัดใส่แมนฯยูไนเต็ดอย่างรุนแรงจนเกิดอาการ "เป๋"
แฟนๆเรดเดวิลส์อาจจะต้องทนเห็นทีมรักไม่ได้แชมป์ต่อเนื่องแทบทุกปีแบบที่เคยเห็นเป็นประจำ
และบางทีมันอาจต้องใช้เวลามากกว่าแค่หนึ่งหรือสองปีในการทวงตำแหน่งแชมป์กลับมา
ในช่วงนั้น แฟนพันทางหลายคนก็อาจจะหายหน้าไป
บางคนอาจจะหนีไปเชียร์ทีมอื่นที่ใช้เงินโปรยซื้อความสำเร็จได้แบบทันใจ
บางคนก็อาจจะหนีไปเชียร์ทีมคู่อริที่เคยเกลียดกันจะเป็นจะตายตอนที่ยังเรียกตัวเองว่า “แฟนผี” ก็ได้
ใครจะรู้?
ท่ามกลางสายลมที่เปลี่ยนทิศในวันนี้ ฝุ่นผงและเศษขยะบางชิ้นจะปลิวหายไป
แล้วมันก็จะพาให้น้ำตาที่ร่วงหล่นมาในวันนี้เหือดแห้งไปเช่นกัน
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันคงอยากให้แฟนผีเงยหน้าขึ้นท้าทายลมที่เปลี่ยนทิศครั้งนี้ด้วยความเข้มแข็ง
มากกว่าที่จะมัวมานั่งท้อใจกับการฝ่าแรงลมที่ซัดใส่
เพราะต่อให้ลมจะแรงกว่านี้อีกสักกี่เท่า แต่เราก็จะฝ่ามันไปได้ด้วยความเชื่อมั่นของเรา
Believe.
Picture credit : Devil Magazine Facebook Fanpage
ด้วยรัก เคารพ ศรัทธา และขอบคุณในทุกสิ่งตลอด 26 ปีที่ผ่านมา
ขอขอบคุณ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน...