สวัสดีครับ
นอนไม่หลับ หยุด 3 วัน นอนเกือบเช้าทุกวัน
จากกระทู้โน้น ที่ผมรู้สึกว่า "ชีวิตมันก็ได้แค่เนี่ย"
ตอนนี้ผมหาจุดเปลี่ยน ก็มาหาในห้องสีลมเนี่ยแหละ
เพราะมีคนผ่านน้ำร้อน อยู่เยอะ บางคนก็ไหม้ บางคนก็พอง
tag ห้องสยามสักหน่อย เผื่อน้อง ๆ วัยรุ่น หรือคนที่จะจบมา
จะได้มีตัวอย่างแย่ ๆ ไว้ดูเป็นอุทาหรณ์
และก็ศาลาประชาคมด้วยครับ เพราะผมถือว่ามันคือ ปัญหาชีวิตตตตตต
ทำไมผมถึงอยากหาจุดเปลี่ยน (ที่ดี) !?
เรื่องมีอยู่ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดี๋ยวต้องมีคนมาบอกว่ากระทู้ยาวมาก...ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วครับ สู้ ๆ นะ
จากอ่านกระทู้แนะนำ น้องที่โดนไล่ออก
คือ เดี๋ยวนี้เด็กจบใหม่ start 12,000
แล้วผมทำอะไรอยู่เนี่ยทำงานมาเกือบ 10 ปี เงินเดือน 15,000
(เมื่อก่อนตอบกระทู้สีลมเกี่ยวกับเงินเดือนผมจะเลี่ยงตลอด
เพราะรู้สึกว่าทำไมเราแปลกกว่าชาวบ้าน ในหมู่เพื่อนผมก็แปลก)
ตอนนี้มานั่งคิด ถ้าผมยังอยู่แค่นี้
อนาคตผมอันตรายน่าดู ผมพยายาม
พยายามหาจุดเปลี่ยนของชีวิต
อะไรก็ได้ที่มัน จะทำให้ผม ไม่อยู่ไปวัน ๆ
เมื่อก่อนผมรอจุดเปลี่ยน รอหวังพึ่งโชคชะตา
หวังพึ่งกระดาษใบเดียว หวังพึ่งฝาขวดน้ำ
ช่วงหลัง ๆ ทำบัญชี ผมก็แทบไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว
ขอโม้หน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เงินเดือน 15000 ให้ทางบ้าน 5000 ใช้หนี้ 2000
จ่ายค่าโน้นค่าหนี้ประจำเดือน 500 เดือนเมษามีเหลือเก็บ 3600 (ภูมิใจสุด)
กลับเข้าเรื่องครับ เมื่อก่อนผมก็คิดนะ ว่ากรรมเก่า โทษฟ้า โทษดิน โทษนั้น โทษนี้
แต่เดี๋ยวนี้ขี้เกียจจะโทษอะไรแล้ว โทษตัวเองดีกว่า (แต่ไม่โทษจะดีกว่า)
คุณลองดู วิวัฒนาการเงินเดือนผมนะ ว่ามันแปลกไหม
ผมจบปริญญาตรี วิท-คอม
ทำงานที่แรก start 7,500 ทำกราฟฟิค 3D
ทำประมาณ 1 ปี ผมออก เงินเดือน 10,000
แต่อันนี้ยอมรับเลยว่า ผมผิดเอง ออกแบบเลว ๆ คือจะออก ก็ออกเดี๋ยวนั้นเลย
ทุกวันนี้ยังอยากจะขอโทษพวกพี่ ๆ เขาอยู่เลย (เสียดายอนาคตช่วงนั้นด้วย)
ขนาดผมออกแบบนั้น พี่เขายังพาไปเลี้ยงส่ง แถมยังออกไปรับรองงานให้ผมอีก
ตำแหน่งคือ "ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์" ซึ่งก็ช่วยจริง ๆ ทำ 3D , ซื้อกาแฟ ,
ปั่นจักรยานไปวางบิล , ซื้อข้าวเย็น , เบิกเงินเดือน (ปั่นจักรยานไปหิ้วเงินสด)
ตกงาน...อยู่หลายเดือน น่าจะ 6 เดือนขึ้น ได้งานแบบที่ไม่น่าได้
บริษัทใหญ่ ในสาขาสื่อสารมวลชน
ตอนไปสัมภาษณ์ เจอเด็กเส้นแบบพนักงานเดินมาคุยด้วย
ผมก็เข้าสัมภาษณ์แบบเขาถามอะไรก็ตอบ ตอบไปตรง ๆ ไม่สนใจอะไรแล้ว
สัมภาษณ์มาหลายที่จนชินชา ที่นี่ก็คิดว่าคงไม่ได้เหมือนเดิม
แต่กลับได้ทำงาน อยู่กองบรรณาธิการ เป็นกองที่ดีที่สุด แต่ตำแหน่งพนักงานธุรการ
ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ -----> พนักงานธุรการ
มาทำงานวันแรก พึ่งรู้ว่าทำลองงานได้วันละ 250 บาท หยุดไม่ได้ จากเงินเดือน 10000
ได้เดือนนึงยังไม่ถึง 7500 นั่งงง เขาไม่ได้อ่านที่เขียนไปหรือว่าเงินเดือนขอ 1 หมื่น เท่าที่เดิมเลยนะ
แต่ผมมันก็โง่เอง ไม่คุยเรื่องเงินเดือน แต่ถ้าคุยอาจจะไม่ได้งาน
เอา ๆ ดีกว่าอดตาย (อาศัยแม่มาหลายเดือนแล้ว)
บริษัทใหญ่ เดี๋ยวค่อย ๆ ไต่เอา พ้นโปรเงินเดือน 9200
ไม่เป็นไรโบนัส 6 เดือน (แต่กฎกว่าจะได้โบนัส 6 เดือนมันก็มีเงื่อนไข พอถึงเวลาที่ผมจะได้
6 เดือนเต็ม เขาก็ลดโบนัสลงแล้ว 555)
ทำเกือบ 5 ปี ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย มั่นใจว่าทำงานหนัก
แต่ออกแนวทำตัวเอง แบกมันไว้ทุกอย่าง รู้สึกว่าทำงานหนักแล้วรู้สึกมีค่า
บางครั้งก็ 24 ชั่วโมง หลับมันคาคอม เท่ดี แต่ตอนนั้นรู้เลยว่า วูบเป็นไง
แต่หลัง ๆ เริ่มไม่ไหว เครียดจน ออกอาการ เริ่มหงุดหงิดง่าย จนเพื่อนร่วมงานรู้สึก
เจ้าอารมณ์ ส่วนนึงมาจากคิดว่าตัวเองทำงานหนักสุด แล้วใครจะทำไม
ขนาดในที่ประชุม เจอแผนกนึงบอกว่า ทางเขาทำงานหนัก
ผมสวนกลับเลย เงียบกันทั้งประชุม ไม่มีใครเถียงกลับ
(อารมณ์ตอนนั้น EQ เป็น 0 จริง ๆ )
ผู้ใหญ่ก็บอกจะปรับตำแหน่งให้ผม ผมก็รอ รอ รอ
หลายคนอาจส่งสัยทำไมผมทำงานหนักอยู่คนเดียว โม้หรือเปล่า
ถ้าผมมองในมุมตอนนั้น ผมเป็นผู้ชายคนเดียวของแผนก
หัวหน้าจะสั่งงานมาทางผม ซึ่งเป็นงานที่ไม่อยู่ในคิวงานประจำ
สั่งปุ๊ปได้ปั๊ป คราวนี้ก็เอาใหญ่เลย สั่งมาทางผมคนเดียว
คงคิดว่าผมคงกระจายงานออก ผมไม่ได้กระจายงานออกเลย
ข้อแรกคือ ผมกระจายงานไม่เป็น และตำแหน่งเท่ากันหมด บางคนแก่กว่าผม
แล้วผมจะไปสั่งอะไรเขา
ข้อสอง คือ ผมเชื่อตัวเอง ทำงานคนเดียว สบายใจ และงานเสร็จเร็วกว่าเยอะ (อันนี้ก็ผิดเอง)
และอีกข้อที่ทำให้งานหนักขึ้นคือ เจ้าแห่งโครงการ ประชุมก็เสนอไป ผู้ใหญ่ชอบ
คนเสนอทำ บางเรื่องคือผมคิดแล้วว่า มันต้องเปลี่ยนระบบบางเรื่อง (จบวิทคอมมาก็เอาพื้นฐานมาใช้หน่อย)
แต่พอทำเข้าจริง มันมีความผกผันทางอุปกรณ์ จากที่คิดว่า เดี๋ยวผม set มันให้เข้าที่ ก็จะแบ่งงาน
ตามของแต่ละคน แต่กลายเป็นว่าเพราะอุุปกรณ์ แผนที่วางไว้ ผมทำได้คนเดียว ก็เลยบ้าทำอยู่คนเดียว
พอผมออก ได้ข่าวว่า โดยนายด่ากันเป็นแถบ แต่ผมก็สอนไปแล้วนะ แต่อาจจะยากไปหน่อย
(ขอโทษด้วยแล้วกัน ก็งบให้มาแค่นั้น)
จนวันนึง เหมือนสมองมันดับ วางแผนไว้หมดแล้วว่าต้องทำงานแบบตายไปข้าง (โอฟรีเพียบ)
ถึงจะเสร็จ แต่ก็เจองานแทรกอีก บอกตัวเองไม่เอาแล้ว บอกพี่ร่วมงาน
ผมลา พรุ่งนี้จะมาเขียนใบลาออก งอนตั้งแต่โดนเด็กข้ามหัว ไม่ได้ไปต่างประเทศแล้ว
อาวุโสกว่าผมไปกันหมดแล้ว ต่อไปก็ตาผมแล้ว ไม่ได้ไป ต่างประเทศสำหรับพวกผม
ไม่ใช่ไปดูงานนะ คือไปเที่ยว เที่ยว กินฟรี อยู่ฟรี บางทีก็ไปกับดาราสัก 90%
ตั้งแต่ผมออก ก็ได้ข่าวว่าอีกสักพัก ก็มีออกอีก 2 คน
ชีวิตพอ ๆ กัน คือมาแบกต่อจากผม แต่หลัง ๆ ได้ข่าวมาอีกแบบ
ว่าตอนนี้แผนกอยู่ตัว อยู่กันแบบมีความสุข เพราะมีพี่คนนึงมาดูแลแผนกช่วยหัวหน้า (ช่วยหยุดหัวหน้า 555)
เห็นน้อง ๆ มีความสุข ผมก็ดีใจด้วย
ออกมาเงินเดือนประมาณ 10000 นิด ๆ มามองย้อนในวันนั้น
เรื่อง EQ ยังติดใจผมอยู่ทุกวันนี้ แต่ความเครียดจากงานคราวนั้น
ก็ยังทำให้ผมต้องหาหมออยู่คนถึงวันนี้
และก็ลอยเคว้งเหมือนเดิม ได้เงินเก็บสะสมมาเกือบแสน
ตอนแรกก็วางแผนไว้ซะดิบดี สุดท้าย วัน ๆ นั่งเล่นแต่เกม
นอนเช้า ตื่นเย็น จนเงินหมด เพื่อนเรียกไปทำงานด้วย รอดตาย
คราวนี้เงินเดือน 18000 คุณดูไม่ผิดหรอก 10000 นิด ๆ (ยังไม่รวมโบนัส)
ขึ้นมา 18000 สุดยอดไหมละ มาดูแลโครงการหนึ่ง
แต่งานชิ้นนี้ก็ยังทำเงินกับบริษัทไม่ได้
เพื่อนขอให้ช่วยลดเงินหน่อย ตอนนั้นผมรู้สึกไร้ค่ามาก
จากคนที่เคยเป็นกำลังหลักจากอีกที่ มาเป็นตัวถ่วงอีกที่
ผมก็บอกว่า 15000 แล้วกัน จนถึงทุกวันนี้ ปี กับ 5 เดือนแล้ว
ผมก็ว่าผมทำงานได้เยอะขึ้น ประสบการณ์เพียบ งานอะไรไม่รู้ก็ถาม google เอา
งานอะไรที่ไม่มีคนทำ ผมทำได้ก็ทำ (ถ้าเขามาอ่าน ขอเงินเดือนเท่าเดิมสักทีนะ)
ณ ปัจจุบัน เรื่องคุมอารมณ์ ดีขึ้นเยอะ
ส่วนนึงก็เพราะผมกล้าจะไปพบจิตแพทย์ คือ จะไปหาแก้อาการอื่น
แต่คุยไปคุยมา กลายเป็น อารมณ์สองขั้ว คือ คึกก็คึกเป็นม้าเลย
ยามเศร้าก็เศร้าแบบ มีความคิดจะฆ่าตัวตาย (แต่รู้ว่าไม่ทำหรอก)
เดี๋ยวนี้ดีขึ้นครับ เหลือ ซึมเศร้าอย่างเดียว 5555 ไม่คึกแล้ว
เขียนมาซะยาว จริง ๆ ผมต้องการแค่จุดเปลี่ยน
และก็อยากบอกบางคนว่ายังมีคนที่แย่กว่าคุณ และก็มีคนที่แย่กว่าผม
แต่พวกเรา จะกลับขึ้นมายืนแบบผู้ชนะ 55555 (พิมพ์ปลุกใจกันหน่อย)
แต่พอมามองตัวเอง ก็พบว่า
ผมเป็นคนขี้เกียจ แต่ความรับผิดชอบสูง (ไม่ชอบถูกด่า)
พยายามเป็นพัก ๆ เวลาชินกับอะไรก็จะอยู่แบบนั้น
ก็สมัครงานใหม่บ้าง แต่ก็ไม่มีที่ไหนเรียกเลย ก็เฉย ๆ ชินชา
ผมทำไงดี ถึงจะมีกราฟขึ้นบ้าง
ขอบคุณครับ ที่อ่านถึงตอนนี้ ใครอ่านถึง ขอให้ร่ำรวย ชีวิตมีความสุข
แฟนไม่มีก็ขอให้มี แต่ถ้าสวยน่ารัก โสด นิสัยดี ก็ขอให้ได้ผมเป็นแฟน
ปล.ผมคิดเสมอว่า ผู้หญิงจะเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผม และก็จริงเปลี่ยนชีวิตผมให้ลงเหวทุกคน
ถ้าผมมีความรักที่สมหวังสักครั้งในชีวิต ผมก็อยากรู้ว่าจะเป็นไง
ปล.2 มีพี่ที่ผมเคารพ เจ้านายเก่าที่แรก เขาบอกกลับผมว่า ถ้าผมกินเหล้า เที่ยวเสียบ้าง (กลางคืน)
ชีวิตอาจจะดีกว่านี้
ปล.3 มนุษย์เงินเดือนฉบับอินดี้ จะกลับมาอาทิตย์หน้า ผมจะเปลี่ยนแนวทางเขียนใหม่นิดหน่อย
เพราะเริ่มสับสนเวลาในช่วงชีวิต และตอนนี้ติดภาระกิจที่เกาหลี (ติดซีรี่ย์เกาหลี)
ปล.4 ตอนนี้ผมคิดออกทางเดียว ผมมีเรื่องที่ผมคิดว่าทำได้ดีกว่าคนรอบตัว รอบข้างมาตลอดชีวิต คือ ร้องเพลง
ผมก็ว่าจะไป the voice เผื่อจะเจอจุดเปลี่ยนบ้าง (ปีที่แล้วเละ)
จุดเปลี่ยนในชีวิตคุณคืออะไร เจอมันตอนไหน แล้วผมจะเจอมันไหม
นอนไม่หลับ หยุด 3 วัน นอนเกือบเช้าทุกวัน
จากกระทู้โน้น ที่ผมรู้สึกว่า "ชีวิตมันก็ได้แค่เนี่ย"
ตอนนี้ผมหาจุดเปลี่ยน ก็มาหาในห้องสีลมเนี่ยแหละ
เพราะมีคนผ่านน้ำร้อน อยู่เยอะ บางคนก็ไหม้ บางคนก็พอง
tag ห้องสยามสักหน่อย เผื่อน้อง ๆ วัยรุ่น หรือคนที่จะจบมา
จะได้มีตัวอย่างแย่ ๆ ไว้ดูเป็นอุทาหรณ์
และก็ศาลาประชาคมด้วยครับ เพราะผมถือว่ามันคือ ปัญหาชีวิตตตตตต
ทำไมผมถึงอยากหาจุดเปลี่ยน (ที่ดี) !?
เรื่องมีอยู่ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากอ่านกระทู้แนะนำ น้องที่โดนไล่ออก
คือ เดี๋ยวนี้เด็กจบใหม่ start 12,000
แล้วผมทำอะไรอยู่เนี่ยทำงานมาเกือบ 10 ปี เงินเดือน 15,000
(เมื่อก่อนตอบกระทู้สีลมเกี่ยวกับเงินเดือนผมจะเลี่ยงตลอด
เพราะรู้สึกว่าทำไมเราแปลกกว่าชาวบ้าน ในหมู่เพื่อนผมก็แปลก)
ตอนนี้มานั่งคิด ถ้าผมยังอยู่แค่นี้
อนาคตผมอันตรายน่าดู ผมพยายาม
พยายามหาจุดเปลี่ยนของชีวิต
อะไรก็ได้ที่มัน จะทำให้ผม ไม่อยู่ไปวัน ๆ
เมื่อก่อนผมรอจุดเปลี่ยน รอหวังพึ่งโชคชะตา
หวังพึ่งกระดาษใบเดียว หวังพึ่งฝาขวดน้ำ
ช่วงหลัง ๆ ทำบัญชี ผมก็แทบไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว
ขอโม้หน่อย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กลับเข้าเรื่องครับ เมื่อก่อนผมก็คิดนะ ว่ากรรมเก่า โทษฟ้า โทษดิน โทษนั้น โทษนี้
แต่เดี๋ยวนี้ขี้เกียจจะโทษอะไรแล้ว โทษตัวเองดีกว่า (แต่ไม่โทษจะดีกว่า)
คุณลองดู วิวัฒนาการเงินเดือนผมนะ ว่ามันแปลกไหม
ผมจบปริญญาตรี วิท-คอม
ทำงานที่แรก start 7,500 ทำกราฟฟิค 3D
ทำประมาณ 1 ปี ผมออก เงินเดือน 10,000
แต่อันนี้ยอมรับเลยว่า ผมผิดเอง ออกแบบเลว ๆ คือจะออก ก็ออกเดี๋ยวนั้นเลย
ทุกวันนี้ยังอยากจะขอโทษพวกพี่ ๆ เขาอยู่เลย (เสียดายอนาคตช่วงนั้นด้วย)
ขนาดผมออกแบบนั้น พี่เขายังพาไปเลี้ยงส่ง แถมยังออกไปรับรองงานให้ผมอีก
ตำแหน่งคือ "ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์" ซึ่งก็ช่วยจริง ๆ ทำ 3D , ซื้อกาแฟ ,
ปั่นจักรยานไปวางบิล , ซื้อข้าวเย็น , เบิกเงินเดือน (ปั่นจักรยานไปหิ้วเงินสด)
ตกงาน...อยู่หลายเดือน น่าจะ 6 เดือนขึ้น ได้งานแบบที่ไม่น่าได้
บริษัทใหญ่ ในสาขาสื่อสารมวลชน
ตอนไปสัมภาษณ์ เจอเด็กเส้นแบบพนักงานเดินมาคุยด้วย
ผมก็เข้าสัมภาษณ์แบบเขาถามอะไรก็ตอบ ตอบไปตรง ๆ ไม่สนใจอะไรแล้ว
สัมภาษณ์มาหลายที่จนชินชา ที่นี่ก็คิดว่าคงไม่ได้เหมือนเดิม
แต่กลับได้ทำงาน อยู่กองบรรณาธิการ เป็นกองที่ดีที่สุด แต่ตำแหน่งพนักงานธุรการ
ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ -----> พนักงานธุรการ
มาทำงานวันแรก พึ่งรู้ว่าทำลองงานได้วันละ 250 บาท หยุดไม่ได้ จากเงินเดือน 10000
ได้เดือนนึงยังไม่ถึง 7500 นั่งงง เขาไม่ได้อ่านที่เขียนไปหรือว่าเงินเดือนขอ 1 หมื่น เท่าที่เดิมเลยนะ
แต่ผมมันก็โง่เอง ไม่คุยเรื่องเงินเดือน แต่ถ้าคุยอาจจะไม่ได้งาน
เอา ๆ ดีกว่าอดตาย (อาศัยแม่มาหลายเดือนแล้ว)
บริษัทใหญ่ เดี๋ยวค่อย ๆ ไต่เอา พ้นโปรเงินเดือน 9200
ไม่เป็นไรโบนัส 6 เดือน (แต่กฎกว่าจะได้โบนัส 6 เดือนมันก็มีเงื่อนไข พอถึงเวลาที่ผมจะได้
6 เดือนเต็ม เขาก็ลดโบนัสลงแล้ว 555)
ทำเกือบ 5 ปี ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย มั่นใจว่าทำงานหนัก
แต่ออกแนวทำตัวเอง แบกมันไว้ทุกอย่าง รู้สึกว่าทำงานหนักแล้วรู้สึกมีค่า
บางครั้งก็ 24 ชั่วโมง หลับมันคาคอม เท่ดี แต่ตอนนั้นรู้เลยว่า วูบเป็นไง
แต่หลัง ๆ เริ่มไม่ไหว เครียดจน ออกอาการ เริ่มหงุดหงิดง่าย จนเพื่อนร่วมงานรู้สึก
เจ้าอารมณ์ ส่วนนึงมาจากคิดว่าตัวเองทำงานหนักสุด แล้วใครจะทำไม
ขนาดในที่ประชุม เจอแผนกนึงบอกว่า ทางเขาทำงานหนัก
ผมสวนกลับเลย เงียบกันทั้งประชุม ไม่มีใครเถียงกลับ
(อารมณ์ตอนนั้น EQ เป็น 0 จริง ๆ )
ผู้ใหญ่ก็บอกจะปรับตำแหน่งให้ผม ผมก็รอ รอ รอ
หลายคนอาจส่งสัยทำไมผมทำงานหนักอยู่คนเดียว โม้หรือเปล่า
ถ้าผมมองในมุมตอนนั้น ผมเป็นผู้ชายคนเดียวของแผนก
หัวหน้าจะสั่งงานมาทางผม ซึ่งเป็นงานที่ไม่อยู่ในคิวงานประจำ
สั่งปุ๊ปได้ปั๊ป คราวนี้ก็เอาใหญ่เลย สั่งมาทางผมคนเดียว
คงคิดว่าผมคงกระจายงานออก ผมไม่ได้กระจายงานออกเลย
ข้อแรกคือ ผมกระจายงานไม่เป็น และตำแหน่งเท่ากันหมด บางคนแก่กว่าผม
แล้วผมจะไปสั่งอะไรเขา
ข้อสอง คือ ผมเชื่อตัวเอง ทำงานคนเดียว สบายใจ และงานเสร็จเร็วกว่าเยอะ (อันนี้ก็ผิดเอง)
และอีกข้อที่ทำให้งานหนักขึ้นคือ เจ้าแห่งโครงการ ประชุมก็เสนอไป ผู้ใหญ่ชอบ
คนเสนอทำ บางเรื่องคือผมคิดแล้วว่า มันต้องเปลี่ยนระบบบางเรื่อง (จบวิทคอมมาก็เอาพื้นฐานมาใช้หน่อย)
แต่พอทำเข้าจริง มันมีความผกผันทางอุปกรณ์ จากที่คิดว่า เดี๋ยวผม set มันให้เข้าที่ ก็จะแบ่งงาน
ตามของแต่ละคน แต่กลายเป็นว่าเพราะอุุปกรณ์ แผนที่วางไว้ ผมทำได้คนเดียว ก็เลยบ้าทำอยู่คนเดียว
พอผมออก ได้ข่าวว่า โดยนายด่ากันเป็นแถบ แต่ผมก็สอนไปแล้วนะ แต่อาจจะยากไปหน่อย
(ขอโทษด้วยแล้วกัน ก็งบให้มาแค่นั้น)
จนวันนึง เหมือนสมองมันดับ วางแผนไว้หมดแล้วว่าต้องทำงานแบบตายไปข้าง (โอฟรีเพียบ)
ถึงจะเสร็จ แต่ก็เจองานแทรกอีก บอกตัวเองไม่เอาแล้ว บอกพี่ร่วมงาน
ผมลา พรุ่งนี้จะมาเขียนใบลาออก งอนตั้งแต่โดนเด็กข้ามหัว ไม่ได้ไปต่างประเทศแล้ว
อาวุโสกว่าผมไปกันหมดแล้ว ต่อไปก็ตาผมแล้ว ไม่ได้ไป ต่างประเทศสำหรับพวกผม
ไม่ใช่ไปดูงานนะ คือไปเที่ยว เที่ยว กินฟรี อยู่ฟรี บางทีก็ไปกับดาราสัก 90%
ตั้งแต่ผมออก ก็ได้ข่าวว่าอีกสักพัก ก็มีออกอีก 2 คน
ชีวิตพอ ๆ กัน คือมาแบกต่อจากผม แต่หลัง ๆ ได้ข่าวมาอีกแบบ
ว่าตอนนี้แผนกอยู่ตัว อยู่กันแบบมีความสุข เพราะมีพี่คนนึงมาดูแลแผนกช่วยหัวหน้า (ช่วยหยุดหัวหน้า 555)
เห็นน้อง ๆ มีความสุข ผมก็ดีใจด้วย
ออกมาเงินเดือนประมาณ 10000 นิด ๆ มามองย้อนในวันนั้น
เรื่อง EQ ยังติดใจผมอยู่ทุกวันนี้ แต่ความเครียดจากงานคราวนั้น
ก็ยังทำให้ผมต้องหาหมออยู่คนถึงวันนี้
และก็ลอยเคว้งเหมือนเดิม ได้เงินเก็บสะสมมาเกือบแสน
ตอนแรกก็วางแผนไว้ซะดิบดี สุดท้าย วัน ๆ นั่งเล่นแต่เกม
นอนเช้า ตื่นเย็น จนเงินหมด เพื่อนเรียกไปทำงานด้วย รอดตาย
คราวนี้เงินเดือน 18000 คุณดูไม่ผิดหรอก 10000 นิด ๆ (ยังไม่รวมโบนัส)
ขึ้นมา 18000 สุดยอดไหมละ มาดูแลโครงการหนึ่ง
แต่งานชิ้นนี้ก็ยังทำเงินกับบริษัทไม่ได้
เพื่อนขอให้ช่วยลดเงินหน่อย ตอนนั้นผมรู้สึกไร้ค่ามาก
จากคนที่เคยเป็นกำลังหลักจากอีกที่ มาเป็นตัวถ่วงอีกที่
ผมก็บอกว่า 15000 แล้วกัน จนถึงทุกวันนี้ ปี กับ 5 เดือนแล้ว
ผมก็ว่าผมทำงานได้เยอะขึ้น ประสบการณ์เพียบ งานอะไรไม่รู้ก็ถาม google เอา
งานอะไรที่ไม่มีคนทำ ผมทำได้ก็ทำ (ถ้าเขามาอ่าน ขอเงินเดือนเท่าเดิมสักทีนะ)
ณ ปัจจุบัน เรื่องคุมอารมณ์ ดีขึ้นเยอะ
ส่วนนึงก็เพราะผมกล้าจะไปพบจิตแพทย์ คือ จะไปหาแก้อาการอื่น
แต่คุยไปคุยมา กลายเป็น อารมณ์สองขั้ว คือ คึกก็คึกเป็นม้าเลย
ยามเศร้าก็เศร้าแบบ มีความคิดจะฆ่าตัวตาย (แต่รู้ว่าไม่ทำหรอก)
เดี๋ยวนี้ดีขึ้นครับ เหลือ ซึมเศร้าอย่างเดียว 5555 ไม่คึกแล้ว
เขียนมาซะยาว จริง ๆ ผมต้องการแค่จุดเปลี่ยน
และก็อยากบอกบางคนว่ายังมีคนที่แย่กว่าคุณ และก็มีคนที่แย่กว่าผม
แต่พวกเรา จะกลับขึ้นมายืนแบบผู้ชนะ 55555 (พิมพ์ปลุกใจกันหน่อย)
แต่พอมามองตัวเอง ก็พบว่า
ผมเป็นคนขี้เกียจ แต่ความรับผิดชอบสูง (ไม่ชอบถูกด่า)
พยายามเป็นพัก ๆ เวลาชินกับอะไรก็จะอยู่แบบนั้น
ก็สมัครงานใหม่บ้าง แต่ก็ไม่มีที่ไหนเรียกเลย ก็เฉย ๆ ชินชา
ผมทำไงดี ถึงจะมีกราฟขึ้นบ้าง
ขอบคุณครับ ที่อ่านถึงตอนนี้ ใครอ่านถึง ขอให้ร่ำรวย ชีวิตมีความสุข
แฟนไม่มีก็ขอให้มี แต่ถ้าสวยน่ารัก โสด นิสัยดี ก็ขอให้ได้ผมเป็นแฟน
ปล.ผมคิดเสมอว่า ผู้หญิงจะเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผม และก็จริงเปลี่ยนชีวิตผมให้ลงเหวทุกคน
ถ้าผมมีความรักที่สมหวังสักครั้งในชีวิต ผมก็อยากรู้ว่าจะเป็นไง
ปล.2 มีพี่ที่ผมเคารพ เจ้านายเก่าที่แรก เขาบอกกลับผมว่า ถ้าผมกินเหล้า เที่ยวเสียบ้าง (กลางคืน)
ชีวิตอาจจะดีกว่านี้
ปล.3 มนุษย์เงินเดือนฉบับอินดี้ จะกลับมาอาทิตย์หน้า ผมจะเปลี่ยนแนวทางเขียนใหม่นิดหน่อย
เพราะเริ่มสับสนเวลาในช่วงชีวิต และตอนนี้ติดภาระกิจที่เกาหลี (ติดซีรี่ย์เกาหลี)
ปล.4 ตอนนี้ผมคิดออกทางเดียว ผมมีเรื่องที่ผมคิดว่าทำได้ดีกว่าคนรอบตัว รอบข้างมาตลอดชีวิต คือ ร้องเพลง
ผมก็ว่าจะไป the voice เผื่อจะเจอจุดเปลี่ยนบ้าง (ปีที่แล้วเละ)