เมื่อคนที่เรียกตัวเองว่าเพื่อนยืมตังค์แล้วไม่คืน ... ฝากถึงคนที่คิดจะยืมเงินเพื่อน และคนที่กำลังชักดาบทั้งหลาย

...ซึ่งในขณะนี้มีความพร้อมที่จะใช้หนี้ เงินต้น ปลอดดอกเบี้ย**
แต่กลับบอกว่า แกไม่ได้เดือดร้อน เงินแค่นี้เล็กน้อยสำหรับแก ผมจึงต้องจบบทสนทนา และคงต้องลาขาดความเป็นเพื่อนกันไป

ผมได้ทิ้งความในใจน้อย ๆ ผ่านตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดแทนความรู้สึกของผม ผ่านหน้า FB เผื่อว่าเค้าจะได้รับรู้และสำนึกได้บ้าง

ถ้าหากเราถามคน 10 คนว่ามีมุมมองอย่างไรต่อเงินหนึ่งบาท เชื่อว่าในแต่ละคนคงมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อเงินหนึ่งบาทนั้น

สมาชิกสินธร อาจมองว่าเงินหนึ่งบาทมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งหุ้นของ N-PARK

นักการธนาคาร อาจมองว่ามูลค่าของเงินหนึ่งบาทจะแปรผันตามอัตราเงินเฟ้อ

พนักงานแคชเชียร์ อาจมองเห็นค่าของเงินหนึ่งบาทเพียงแค่เงินเหรียญที่ไว้ทอนลูกค้า

คนหาเช้ากินค่ำ อาจมองเห็นคุณค่าของเงินหนึ่งบาทเป็นอาหารที่จะเลี้ยงครอบครัวให้อิ่มท้อง

สัปเหร่อ และคนใกล้ตาย อาจมองเห็นคุณค่าของเงินหนึ่งบาท เพียงแค่เอาไว้อมในปากเมื่อต้องลาจากโลกใบนี้ไป...

แต่สำหรับผมเงินเพียงหนึ่งบาทก็มีคุณค่าและความหมายต่อชีวิตของผม ผู้ที่ไม่ได้ร่ำรวย หรือคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแต่อย่างใด เพราะว่าผมเพียรแลกมันมาด้วยความรู้ แรงกาย และหยาดเหงื่อ (วิ่งราว ในซอยเปลี่ยว ><)

เมื่อวันหนึ่งในอนาคตผมฝันว่าเงินหนึ่งบาทของผมนั้นจะกลายเป็นหนึ่งในคำพูของ Albert Einstein ที่ว่า "The most powerful force in the universe is compound interest"

วันนี้หากเงินเพียงหนึ่งบาทของผมนั้นได้อยู่ที่คุณ โปรดระลึกว่าคุณได้เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่บั่นทอนความฝัน และแย่งชิงสิ่งที่ผมหามาด้วยความอุตสาหะ

หากคืนนี้คุณจะหลับตานอนอย่างสบายอารมณ์ในวันที่คุณได้ทำลายความฝันเล็ก ๆ ของใครคนหนึ่ง ... ผมขอตั้งจิตอธิฐานให้คุณนอนหลับฝันดี (อย่าได้ต้องลุกขึ้นมาฉี่ระหว่างคืน) และตื่นเช้าขึ้นมาพบเจอความสุขความเจริญของชีวิตที่เหลืออยู่

สวัสดีและราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่