เล่าประสบการณ์นิดหน่อยทำไมผมอยากเป็นหมอ
ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็จำได้เลยว่าแม่เป็นโรคเบาหวานกับโรคความดันสูง และมีหลายโรคอื่นๆด้วยกัน ตอนจบม.3 ผมเลือกสายวิทย์คณิตเป็นอันดับแรก ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.03 และช่วงนั้นแม่ผมก็มาเป็นโรคไต ช่วงนั้นแม่ได้แต่พูดว่าอยากสั่งเสีย เพราะคิดว่าโรคไตคงอยู่ได้ไม่นาน ผมจึงคิดว่าผมจะต้องเรียนเป็น"หมอ"ให้ได้!! แต่พอขึ้นม.4 ผมไม่ผ่านเกณฑ์ ด้วยความที่แม่สนิทกับ ผอ. เลยไปคุย ผอ.ก็หัวเราะแล้วบอกว่า "เรียนสายวิทย์คณิตน่ะมันจะต้อง3.5ขึ้น" ซึ่งตั้งแต่ผมได้ยินมาก็ไม่เคยได้ยินว่าต้อง3.5+นี่ ได้ยินว่าอย่างน้อย3.00+ก็โอเคแล้วนะ ผมก็เลยตกมาอยู่ห้อง ศิลป์-คำนวณแทน ผมได้แต่ซึมอยู๋สัปดาห์นึง ก็มีเพื่อนสมัยม.3เธออยู่สายวิทย์คณิตบอกว่า"เราว่าเราเรียนไม่ไหวเลยอะ งานเยอะมากๆ" ด้วยความอยากเรียนวิทย์คณิตมาก ผมเลยบอกเธอว่า"เอางี้ มาย้ายห้องกัน เราอยากเรียนมากเลย" จนตอนสุดท้ายอาจารย์ก็ยอมย้ายห้องให้ เกรดม.4เทอมแรกอยู่ที่ 2.42 ผมคิดในใจเลย กูคงเป็นหมอไม่ได้แล้ววะ ก็เศร้า เลยกลับบ้านมาเปิดหนังสือ แล้วก็หาที่เรียนพิเศษ พี่ๆแต่ละคนเรียนวิศวะกันมาหมด แล้วก็ปลูกฝังว่ารู้มั้ยวิศวะหาเงินได้เป็นหลักแสนโดยใช้เวลา 3-5ปี ผมก็เลยสนใจมาก ผมกลับมาบ้าน เขียนคำว่า"
I'm going to be ENGINEER"ตัวโตๆอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ จากนั้นผมได้แต่อ่านหนังสือตลอดๆๆ ทั้งวันทั้งคืน เชื่อมั้ย เกรดผมจาก 2.42 เป็น 3.2, 3.35, 3.31, 3.65, 3.75จนเกรดเฉลี่ยรวมของผมอยุ่ที่ "
3.25" จนเพื่อนแต่ละคนงงว่ามันเป็นไปได้ไง แต่ด้วยความที่สมองผมเต็มไปด้วยวิศวะ ผมคิดอย่างเดียว ผมจะดึงวิชาฟิสิกส์กับคณิตอย่างเดียว วิชาอื่นทิ้ง ก็เป็นไปตามแผน คณิตผมได้ 80 และA-netได้40 ถือว่าค่อนข้างเป้นไปตามคาด จนกระทั่งผมเข้ามาเรียนอยุ่ที่คณะวิศวะเครื่องกลที่ม.รัฐที่มีชื่อเสียงแห่งนึง ผมก็มีนิสัยจากมอปลายคือขยัน ปี1เลยเกรดค่อนข้างสูงเป็นที่พอใจ จากนั้นก็เริ่มมีการติดเพื่อน เที่ยว เล่นเกม ไปเรื่อยตามประสาวิศวะ เกรดผมตกลงมาแย่ที่สุดคือตอนปี2เทอม2ได้เกรด 2.00 พอดี ผมก็พยายามเรียนจนจบ ซึ่งจบเมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา เกรดรวมผมอยู่ที่ "
2.84"
วันสอบวันสุดท้าย บริษัทรถยนต์โทรมาหาผมว่าผมได้งานแล้ว ซึ่งปัจจุบันผมทำงานที่นี่ได้ 1เดือนนิดๆ ก็ทราบว่าทางบริษัทมีสวัสดิการรักษาสุขภาพฟันฟรี ผมได้ไปทำฟันที่ รพ.แห่งหนึ่ง (ซึ่งตอนเข้าปี1ผมต้องตรวจสุขภาพฟันทั้งหมด ซึ่งผุ8ซี่) แล้ว
ทพญ.โบว์ ก็ได้รักษาฟันผมไป4ซี่ ซึ่งผมชอบเธอมาก อยากจีบมากนะ แต่อายุห่างกันเกือบ9-10ปี (=_=") ผมกลับมามองตัวเอง ผมอยากมีแฟนที่เป็นหมอ เป็นหมอฟัน เป็นหมอยา แต่ถ้าคุณกลับย้อนไปดูอดีตของผม "ผมอยากเป็นหมอหรือเปล่านะ?" คำถามกลับมาที่ตัวผม แล้วอยากเป็นหมออะไรละ ผมดูแลชีวิตตัวเองยังจะไม่รอด เป้นทันตะดีมั้ยนะ (โดยนิสัยของผมน่ะ ไม่อยากได้แฟนฟิลเดียวกัน ผมเลยไม่ได้มองสาววิศวะเลย ในทางเดียวกัน ถ้าผมเป็นหมอหรือหมอฟัน ผมคงไม่อยากมีแฟนเป็นหมอ ผมคิดว่าถ้าอยากมีแฟนเป็นหมอแล้ว...ทำไมกูไม่เป็นหมอซะเองล่ะ) จนกระทั่งผมได้มาเจอกลุ่มที่เตรียมตัวสอบแพทย์ อ้าว!!อายุ22ก็ยังเป็นแพทย์ได้หรอ!?!? แล้วผมก็เริ่มเข้ากลุ่มคนที่เตรียมตัวสอบเพื่อเข้าศึกษาใน กสพท. ซึ่งผมก็กำลังจะเริ่ม ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่า งาน,หน้าที่ และความฝันมันต่างกัน งาน...ใช่ผมมีงานและหน้าที่แล้ว คือวิศวกรในบริษัทแห่งนึงไง แต่ความฝันละ ผมมีหลายความฝันมาก มีมากจนไม่รู้จะทำอะไรก่อน แต่เราเคยพูดกับตัวเองไว้ตอนม.4นิ ว่าเรารักเรียน เราชอบเรียน แล้วเราอยากช่วยคน.....
"หมอ"เป็นคำๆนึงที่เปร่งแสงออกมาจากสมองของผมเลยก็ว่าในช่วงนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงต่อไป ผมไม่รู้ว่าอีกนานมั้ยผมจะจับความฝันนี้ได้ นี่เป้นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ผมอายุ22มันอาจจะเสียเวลาไป4ปีฟรีๆ แต่ถ้าแลกกับความฝันแล้ว คุณจะเลือกอะไรหรอครับ ผม... เลือก... งาน,หน้าที่ และความฝัน ครับ ผมเชื่อว่ามันควรที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมๆกันได้ ทุกวันนี้แม้ว่าผมจะลืมเนื้อหาม.ปลายไปเยอะพอสมควร ผมก็เชื่อว่าผมยังสามารถดึงความรู้สึกนั้น, ความพยายามที่เสียแรงมาตอนนั้น, และเวลาที่เสียไปเหล่านั้น กลับคืนมาและดำเนินความฝันต่อไป ทุกวันนี้ถามว่าผมเสียดายเวลาที่เสียไป4ปีมั้ย ผมบอกได้คำเดียวเลยว่าเสียดาย แต่ในเมื่อมันย้อนเวลากลับมาไม่ได้ เราต้องเดินหน้าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และพยายามไขว่คว้าโอกาสของความฝันของเราถ้ามันผ่านมา ทุกวันนี้ถ้ามีโควต้าทันตะหรือหมอที่ไม่กำหนดคุณสมบัติในเรื่องการศึกษาหรืออายุนั้น ผมพร้อมที่จะเริ่มทุกเมื่อครับ
สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้ผมเตือนสติตัวเองกลับมาว่า "ฝัน" ของผมคืออะไร คือ ทพญ.โบว์ และสมองของผมในส่วนลึกๆสุดใจ ยังไงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ฝันอยากเป็นหมอ ขอให้มีความพยายามต่อไปครับ ผมเชื่อว่าบางคนไม่ได้อยากเป็นหมอเพราะเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง หรือเป็นเงินเดือนที่สูงเชียดฟ้า แต่เป็นเพราะว่าเรามีความฝันและจิตวิญญานที่พวกเราทุกคน... อยากเป็น"
หมอ"
ก็ขอขอบคุณหมอโบว์ และสมองของผมที่ยังเหลือความฝันอันเล็กนิดเดียวเตือนว่าความฝันของผมคืออะไร//
ช่วงนี้อยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบครับ ทำงานไปด้วย
ปล.โพสแบบบอกเล่าไม่ได้ เลยตั้งเป็นกระทู้คำถามแทนนะครับ
อยากเป็นหมอ ความฝันที่ไคว่คว้า/หมอ/ความฝัน และความหวัง
เล่าประสบการณ์นิดหน่อยทำไมผมอยากเป็นหมอ
ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็จำได้เลยว่าแม่เป็นโรคเบาหวานกับโรคความดันสูง และมีหลายโรคอื่นๆด้วยกัน ตอนจบม.3 ผมเลือกสายวิทย์คณิตเป็นอันดับแรก ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.03 และช่วงนั้นแม่ผมก็มาเป็นโรคไต ช่วงนั้นแม่ได้แต่พูดว่าอยากสั่งเสีย เพราะคิดว่าโรคไตคงอยู่ได้ไม่นาน ผมจึงคิดว่าผมจะต้องเรียนเป็น"หมอ"ให้ได้!! แต่พอขึ้นม.4 ผมไม่ผ่านเกณฑ์ ด้วยความที่แม่สนิทกับ ผอ. เลยไปคุย ผอ.ก็หัวเราะแล้วบอกว่า "เรียนสายวิทย์คณิตน่ะมันจะต้อง3.5ขึ้น" ซึ่งตั้งแต่ผมได้ยินมาก็ไม่เคยได้ยินว่าต้อง3.5+นี่ ได้ยินว่าอย่างน้อย3.00+ก็โอเคแล้วนะ ผมก็เลยตกมาอยู่ห้อง ศิลป์-คำนวณแทน ผมได้แต่ซึมอยู๋สัปดาห์นึง ก็มีเพื่อนสมัยม.3เธออยู่สายวิทย์คณิตบอกว่า"เราว่าเราเรียนไม่ไหวเลยอะ งานเยอะมากๆ" ด้วยความอยากเรียนวิทย์คณิตมาก ผมเลยบอกเธอว่า"เอางี้ มาย้ายห้องกัน เราอยากเรียนมากเลย" จนตอนสุดท้ายอาจารย์ก็ยอมย้ายห้องให้ เกรดม.4เทอมแรกอยู่ที่ 2.42 ผมคิดในใจเลย กูคงเป็นหมอไม่ได้แล้ววะ ก็เศร้า เลยกลับบ้านมาเปิดหนังสือ แล้วก็หาที่เรียนพิเศษ พี่ๆแต่ละคนเรียนวิศวะกันมาหมด แล้วก็ปลูกฝังว่ารู้มั้ยวิศวะหาเงินได้เป็นหลักแสนโดยใช้เวลา 3-5ปี ผมก็เลยสนใจมาก ผมกลับมาบ้าน เขียนคำว่า"I'm going to be ENGINEER"ตัวโตๆอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ จากนั้นผมได้แต่อ่านหนังสือตลอดๆๆ ทั้งวันทั้งคืน เชื่อมั้ย เกรดผมจาก 2.42 เป็น 3.2, 3.35, 3.31, 3.65, 3.75จนเกรดเฉลี่ยรวมของผมอยุ่ที่ "3.25" จนเพื่อนแต่ละคนงงว่ามันเป็นไปได้ไง แต่ด้วยความที่สมองผมเต็มไปด้วยวิศวะ ผมคิดอย่างเดียว ผมจะดึงวิชาฟิสิกส์กับคณิตอย่างเดียว วิชาอื่นทิ้ง ก็เป็นไปตามแผน คณิตผมได้ 80 และA-netได้40 ถือว่าค่อนข้างเป้นไปตามคาด จนกระทั่งผมเข้ามาเรียนอยุ่ที่คณะวิศวะเครื่องกลที่ม.รัฐที่มีชื่อเสียงแห่งนึง ผมก็มีนิสัยจากมอปลายคือขยัน ปี1เลยเกรดค่อนข้างสูงเป็นที่พอใจ จากนั้นก็เริ่มมีการติดเพื่อน เที่ยว เล่นเกม ไปเรื่อยตามประสาวิศวะ เกรดผมตกลงมาแย่ที่สุดคือตอนปี2เทอม2ได้เกรด 2.00 พอดี ผมก็พยายามเรียนจนจบ ซึ่งจบเมื่อเดือนมีนาที่ผ่านมา เกรดรวมผมอยู่ที่ "2.84"
วันสอบวันสุดท้าย บริษัทรถยนต์โทรมาหาผมว่าผมได้งานแล้ว ซึ่งปัจจุบันผมทำงานที่นี่ได้ 1เดือนนิดๆ ก็ทราบว่าทางบริษัทมีสวัสดิการรักษาสุขภาพฟันฟรี ผมได้ไปทำฟันที่ รพ.แห่งหนึ่ง (ซึ่งตอนเข้าปี1ผมต้องตรวจสุขภาพฟันทั้งหมด ซึ่งผุ8ซี่) แล้ว ทพญ.โบว์ ก็ได้รักษาฟันผมไป4ซี่ ซึ่งผมชอบเธอมาก อยากจีบมากนะ แต่อายุห่างกันเกือบ9-10ปี (=_=") ผมกลับมามองตัวเอง ผมอยากมีแฟนที่เป็นหมอ เป็นหมอฟัน เป็นหมอยา แต่ถ้าคุณกลับย้อนไปดูอดีตของผม "ผมอยากเป็นหมอหรือเปล่านะ?" คำถามกลับมาที่ตัวผม แล้วอยากเป็นหมออะไรละ ผมดูแลชีวิตตัวเองยังจะไม่รอด เป้นทันตะดีมั้ยนะ (โดยนิสัยของผมน่ะ ไม่อยากได้แฟนฟิลเดียวกัน ผมเลยไม่ได้มองสาววิศวะเลย ในทางเดียวกัน ถ้าผมเป็นหมอหรือหมอฟัน ผมคงไม่อยากมีแฟนเป็นหมอ ผมคิดว่าถ้าอยากมีแฟนเป็นหมอแล้ว...ทำไมกูไม่เป็นหมอซะเองล่ะ) จนกระทั่งผมได้มาเจอกลุ่มที่เตรียมตัวสอบแพทย์ อ้าว!!อายุ22ก็ยังเป็นแพทย์ได้หรอ!?!? แล้วผมก็เริ่มเข้ากลุ่มคนที่เตรียมตัวสอบเพื่อเข้าศึกษาใน กสพท. ซึ่งผมก็กำลังจะเริ่ม ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่า งาน,หน้าที่ และความฝันมันต่างกัน งาน...ใช่ผมมีงานและหน้าที่แล้ว คือวิศวกรในบริษัทแห่งนึงไง แต่ความฝันละ ผมมีหลายความฝันมาก มีมากจนไม่รู้จะทำอะไรก่อน แต่เราเคยพูดกับตัวเองไว้ตอนม.4นิ ว่าเรารักเรียน เราชอบเรียน แล้วเราอยากช่วยคน.....
"หมอ"เป็นคำๆนึงที่เปร่งแสงออกมาจากสมองของผมเลยก็ว่าในช่วงนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงต่อไป ผมไม่รู้ว่าอีกนานมั้ยผมจะจับความฝันนี้ได้ นี่เป้นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ผมอายุ22มันอาจจะเสียเวลาไป4ปีฟรีๆ แต่ถ้าแลกกับความฝันแล้ว คุณจะเลือกอะไรหรอครับ ผม... เลือก... งาน,หน้าที่ และความฝัน ครับ ผมเชื่อว่ามันควรที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมๆกันได้ ทุกวันนี้แม้ว่าผมจะลืมเนื้อหาม.ปลายไปเยอะพอสมควร ผมก็เชื่อว่าผมยังสามารถดึงความรู้สึกนั้น, ความพยายามที่เสียแรงมาตอนนั้น, และเวลาที่เสียไปเหล่านั้น กลับคืนมาและดำเนินความฝันต่อไป ทุกวันนี้ถามว่าผมเสียดายเวลาที่เสียไป4ปีมั้ย ผมบอกได้คำเดียวเลยว่าเสียดาย แต่ในเมื่อมันย้อนเวลากลับมาไม่ได้ เราต้องเดินหน้าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และพยายามไขว่คว้าโอกาสของความฝันของเราถ้ามันผ่านมา ทุกวันนี้ถ้ามีโควต้าทันตะหรือหมอที่ไม่กำหนดคุณสมบัติในเรื่องการศึกษาหรืออายุนั้น ผมพร้อมที่จะเริ่มทุกเมื่อครับ
สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้ผมเตือนสติตัวเองกลับมาว่า "ฝัน" ของผมคืออะไร คือ ทพญ.โบว์ และสมองของผมในส่วนลึกๆสุดใจ ยังไงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ฝันอยากเป็นหมอ ขอให้มีความพยายามต่อไปครับ ผมเชื่อว่าบางคนไม่ได้อยากเป็นหมอเพราะเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง หรือเป็นเงินเดือนที่สูงเชียดฟ้า แต่เป็นเพราะว่าเรามีความฝันและจิตวิญญานที่พวกเราทุกคน... อยากเป็น"หมอ"
ก็ขอขอบคุณหมอโบว์ และสมองของผมที่ยังเหลือความฝันอันเล็กนิดเดียวเตือนว่าความฝันของผมคืออะไร//ช่วงนี้อยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบครับ ทำงานไปด้วย
ปล.โพสแบบบอกเล่าไม่ได้ เลยตั้งเป็นกระทู้คำถามแทนนะครับ