ช่วงเมษาผมได้บวชอยู่ที่วัดที่บ้านเกิดแห่งหนึ่งใน อ.โนนสูง จ.นครราชสีมาครับ ผมไม่ได้กลับไปนานแล้ว ช่วงที่บวชผมพบเห็นสิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีในพระพุทธศาสนาเลย ผมจึงนำมาเล่าให้ฟังครับ
๑.สมภารเจ้าอาวาสวัดนี้ โยมไปนิมนต์มาจากอีกวัด อายุ ๓๓ ปี พรรษา๑ แต่เป็นพระครูปลัด
๒. ตลอดเวลาที่อยู่บวช ผมสังเกตุว่าสมภารองค์นี้ไม่เคยปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์เลย ไม่เคยบิณฑบาตร ไม่ลงอุโบสถ ไม่เคยทำวัตร ตื่น ๗ โมง ฉันอาหารเย็น อ้างว่าป่วย(เกือบทุกวัน)
๓. ตั้งตนเป็นร่างทรง เรียกตัวเองว่าครูบาเจ้า... แก้กรรม เพ่งกสินไฟ ทั้งวัดมีแต่สิ่งที่ไม่ช่พุทธศาสนา เทวรูป(แบบพวกเจ้าเข้าทรง) กุมารทอง ให้หวย
๔. จัดงานไหว้ครู เป็นเจ้าพิธีร้องรำทำเพลง(ชอบร้องรำทำเพลงแบบเจ้าพิธีในงานไหว้ครูองค์เทพต่างๆ)
๕. ไม่ว่าวัดจะมีกิจกรรมใดๆ มักจะพูดในเชิงขอเงินทองจากญาติโยมทุกอย่าง อาทิ ซื้ออาหารปลาถุงละ๑๐ บาท ทุกเช้าก่อนถวายภัตตาหาร ซื้อหญ้าปลูกสวน ฯลฯ
๖. เงินที่ได้จาดญาติโยม(คาดว่าจำนวนไม่น้อย) อ้างว่าไปบูรณะวัด สร้างวัด เช่น สร้างซุ้มประตูใหม่ ซ่อมพระอุโบสถ แต่ยังไม่เสร็จ ติดหนี้ผู้รับเหมาร่วมหลายแสน ยืมเงินโยมในหมู่บ้านร่วมหลายแสนเพื่อมาใช้จ่ายภาระหนี้ที่จัดงานไหว้ครูบูชาองค์เทพ
๗.ในทางตรงกันข้าม เขาอ้างว่า มีเงินส่วนตัวไปบริจาคสร้างโรงพยาบาลเป็นล้านบาท
๘.อุปนิสัยค่อนไปทางผู้หญิง จำวัดห้องเดียวกับพระอีกองค์ที่นิมนต์มาพร้อมกัน (โยมบางคนเล่าว่าเป็นคู่ขากัน) บ่อยครั้งที่มักจะกอดรัดแกล้งหยอกล้อกับสามเณรหรือเด็กหนุ่มหน้าตาดี
๙. ไม่รับกิจนิมนต์งานศพ ไม่ฉันงานศพ แต่พระลูกวัดที่ไปกิจนิมนต์งานต้องเอาซองปัจจัยกลับมาให้ด้วย(ทั้งๆที่ตนไม่ได้ไป)
นี่เป็นบางพฤติกรรมที่ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในวัดพบเห็น ผมคิดว่า ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยในพระพุทธศาสนา ชาวบ้านบางกลุ่มก็ไมเ็นด้วย แต่บางคลุ่มก็ลุ่มหลงงมงายแบบหนัก ไม่มีใครทำอะไรได้เลย พระอุปฌาย์เจ้าคณะตำบล ก็ไม่เห็นด้วย แต่ท่านก็ไม่รู้จะว่ายังไง นานเข้า ผมคิดว่า จะไปกันใหญ่ ควรทำยังไงดีครับ ช่วยร่วมแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ ขอบคุณครับ
พระสงฆ์กับทรงเจ้า
๑.สมภารเจ้าอาวาสวัดนี้ โยมไปนิมนต์มาจากอีกวัด อายุ ๓๓ ปี พรรษา๑ แต่เป็นพระครูปลัด
๒. ตลอดเวลาที่อยู่บวช ผมสังเกตุว่าสมภารองค์นี้ไม่เคยปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์เลย ไม่เคยบิณฑบาตร ไม่ลงอุโบสถ ไม่เคยทำวัตร ตื่น ๗ โมง ฉันอาหารเย็น อ้างว่าป่วย(เกือบทุกวัน)
๓. ตั้งตนเป็นร่างทรง เรียกตัวเองว่าครูบาเจ้า... แก้กรรม เพ่งกสินไฟ ทั้งวัดมีแต่สิ่งที่ไม่ช่พุทธศาสนา เทวรูป(แบบพวกเจ้าเข้าทรง) กุมารทอง ให้หวย
๔. จัดงานไหว้ครู เป็นเจ้าพิธีร้องรำทำเพลง(ชอบร้องรำทำเพลงแบบเจ้าพิธีในงานไหว้ครูองค์เทพต่างๆ)
๕. ไม่ว่าวัดจะมีกิจกรรมใดๆ มักจะพูดในเชิงขอเงินทองจากญาติโยมทุกอย่าง อาทิ ซื้ออาหารปลาถุงละ๑๐ บาท ทุกเช้าก่อนถวายภัตตาหาร ซื้อหญ้าปลูกสวน ฯลฯ
๖. เงินที่ได้จาดญาติโยม(คาดว่าจำนวนไม่น้อย) อ้างว่าไปบูรณะวัด สร้างวัด เช่น สร้างซุ้มประตูใหม่ ซ่อมพระอุโบสถ แต่ยังไม่เสร็จ ติดหนี้ผู้รับเหมาร่วมหลายแสน ยืมเงินโยมในหมู่บ้านร่วมหลายแสนเพื่อมาใช้จ่ายภาระหนี้ที่จัดงานไหว้ครูบูชาองค์เทพ
๗.ในทางตรงกันข้าม เขาอ้างว่า มีเงินส่วนตัวไปบริจาคสร้างโรงพยาบาลเป็นล้านบาท
๘.อุปนิสัยค่อนไปทางผู้หญิง จำวัดห้องเดียวกับพระอีกองค์ที่นิมนต์มาพร้อมกัน (โยมบางคนเล่าว่าเป็นคู่ขากัน) บ่อยครั้งที่มักจะกอดรัดแกล้งหยอกล้อกับสามเณรหรือเด็กหนุ่มหน้าตาดี
๙. ไม่รับกิจนิมนต์งานศพ ไม่ฉันงานศพ แต่พระลูกวัดที่ไปกิจนิมนต์งานต้องเอาซองปัจจัยกลับมาให้ด้วย(ทั้งๆที่ตนไม่ได้ไป)
นี่เป็นบางพฤติกรรมที่ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในวัดพบเห็น ผมคิดว่า ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยในพระพุทธศาสนา ชาวบ้านบางกลุ่มก็ไมเ็นด้วย แต่บางคลุ่มก็ลุ่มหลงงมงายแบบหนัก ไม่มีใครทำอะไรได้เลย พระอุปฌาย์เจ้าคณะตำบล ก็ไม่เห็นด้วย แต่ท่านก็ไม่รู้จะว่ายังไง นานเข้า ผมคิดว่า จะไปกันใหญ่ ควรทำยังไงดีครับ ช่วยร่วมแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ ขอบคุณครับ