ผมนั่งมอง “คน 10 คน นั่งดูโทรทัศน์ 1 เครื่อง” แล้วยิ้ม!!!

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมกลับเข้าไปบ้านในสวน ...
บ้านในสวนของผมอยู่กันหลายครอบครัว เราปลูกบ้านใกล้ๆกัน มีสมาชิกรวมกว่ายี่สิบคน

หลังจากกินข้าวเย็นร่วมกันเสร็จ แล้วก็มานั่งมุงกันที่หน้าโทรทัศน์ ...
ในขณะที่กำลังดูทีวีอยู่นั้น หนังสือตัววิ่งด้านล่าง วิ่งบอกว่า ...
ละคร “คุณชายพุฒิภัทร” วันนี้จะเล่นเร็วขึ้นเพราะจะมีถ่ายทอดสดฟุตบอล


คุณยาย คุณแม่ ภรรยาผม พี่สาว แตกฮือแยกย้ายกันไปอาบน้ำ
ผม กับ น้าชาย และ คนในครอบครัวอีกสามสี่คน ยังคงนั่งดูทีวีต่อ ...
ด้วยความที่วันนี้ละครมาเร็ว ... ทุกคนจึงกลับมารวมกันที่บ้านนี้รวมกันหน้าทีวีอีกครั้งเพื่อดูละคร
เด็กๆ ไปลากผ้าห่มมาห่อของตัวเองออกมาจากห้อง มานั่งจับจองที่พิเศษหน้าทีวี
นับสมาชิกได้ 10 คน ที่ร่วมกันนั่งมุงดูโทรทัศน์เครื่องนี้


ละครเริ่มเล่น ...


ปกติถึงแม้ว่าภรรยาผมจะดูตลอดเป็นแฟนละครขาประจำ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจดูมากนัก
ผมจึงเริ่มถามเรื่องราวความเป็นมาของเรื่อง ...

ภรรยาผมก็เริ่มเล่าความเดิมให้ฟัง ... คุณแม่เล่าเพิ่มเติม และเล่าถึงคุณชายคนก่อน ...
น้องสาวบอกว่าปลื้มคุณชายพุฒิภัทรคนนี้มาก น่ารักแป๊ะเว่อร์ คุณหมอสุดหล่อ ...
และเริ่มเล่าถึงครั้งเมื่อคุณชายมาออกรายการต่าง ... ภรรยาผมก็เล่าเสริม …
ดูทีวีไป แม่ก็แทรกขึ้น บอกว่าเรื่องจริง พยาบาลไม่ทำแบบนี้หรอก บลาๆ ...(คุณแม่ผมเคยเป็นพยาบาล)
หลังจากละครจบตอน น้าสาวบอกว่า คุณชายจะช่วย นางเอกยังไงเนี่ย ยังไม่เห็นหนทาง ...
พี่สาวแทรกขึ้นมาว่า “มารตี โทรฟ้องย่าเอียด แล้ว คุณชายคนนี้ ย่าเอียดออกโรงแล้ว” ...
ทุกคนก็หันกลับไปตั้งใจดูละครอีกพักหนึ่ง ... พักนึง ยายก็เอ็ดหลานเสียงดัง
“น้องเบญ!! ไปเล่นแมวทำไม อาบน้ำแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ!!”
คนอื่นก็สำทับไป “อ้าว ... โดน โดนแน่ โดนยายตีแน่”
เด็กก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ วิ่งเข้าไปกอดแม่เขา ... แม่เด็กก็กอดแล้วโอ๋ ...
แกล้งเด็กได้เลยเรียกเสียงหัวเราะได้ครืนใหญ่ …



ละครก็เล่นของมันไป ... อย่างที่มันเป็น ...


ผมนั่งมองดูครอบครัวผมที่นั่งรวมกันอยู่หน้าทีวีนี้ แล้วก็ยิ้มกับภาพตรงหน้าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ...
เสียงทีวีที่ดังแว่วๆ ... เสียงคนคุยกันดังกว่า ... เสียงหัวเราะ ... รอยยิ้ม ... น้ำตา(จากเด็ก) ...
มันเป็นความรู้สึกที่ยากบ่งบอก ... ไร้เรื่องงาน ... ไม่พูดเรื่องเงิน ... ลืมความกังวล ...

ดูทีวีช่องนี้ ดูที่ไหนๆก็ฉายเหมือนกัน เรื่องเดียวกัน  
แต่วันนี้การได้ดูทีวีมันทำให้ผมรู้สึกต่างออกไปไม่ใช่เพราะจากละคร พระเอก นางเอง หรือ ทีวี
มันเพราะ วันนี้ ผมนั่งดูทีวีที่ในที่ที่เรียกว่า “บ้าน”
และนั่งดูร่วมกับกลุ่มคนที่เราเรียกว่า “ครอบครัว”
การดูทีวีในบ้านกับคนครอบครัวแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึก “สุขใจ” อย่างบอกไม่ถูกจริงๆ



ความสุขบางทีเราไม่จำเป็นต้องแสวงหาไขว่คว้ามันให้ยุ่งยากมากความ
เพียงแค่เราขับรถมุ่งกลับบ้าน ได้เห็นหน้าครอบครัวเพียงเท่านี้ก็สุขแล้ว
หรือ บางทีเพียงแค่คิดว่าจะกลับบ้านเท่านี้ก็สุขจนยิ้มกริ่มแล้ว








ขอให้ความสุขสวัสดิ์จงมาสถิตแด่ท่าน


…[^_^]…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่