คำถามที่พบบ่อยๆอีกคำถามหนึ่ง จากการทำงานเป็นจิตแพทย์เด็ก คือ
“การตีลูก เป็นเรื่องที่สมควรทำไหมคะ?”
หลังจากลองให้พ่อแม่ท่านนั้นเล่าเรื่องราวที่ตีลูกคร่าวๆ
ผมมักจะตั้งคำถามกลับไปว่า
“
คุณเคยมีข้อตกลงกับลูกเรื่องการตี มาก่อนหรือไม่”
“
เมื่อตีลูก คุณตั้งใจว่ายังไง และลูกได้เรียนรู้ผลจากการตีอย่างไรบ้าง”
“
ตอนคุณตีลูก อารมณ์ช่วงนั้นของคุณเป็นอย่างไร โกรธ โมโหมากๆอยู่หรือไม่”
ประเด็นที่ผมตั้งคำถามนี้กลับไป
เพราะในความเห็นส่วนตัวของผม
การตีลูก ไม่ได้เป็นข้อห้าม
มีข้อดีตรงที่ช่วยหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของลูกได้เร็ว
ลูกเกิดความตระหนัก หรือหลาบจำได้นาน
แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
1. มีการตั้งกฎเกณฑ์ หรือข้อตกลงอย่างชัดเจน ว่าการลงโทษด้วยการตี
จะเกิดขึ้นเมื่อลูกละเมิดกฎในกรณีใดบ้าง อย่างไร
เช่น เล่นวัตถุอันตราย ออกไปนอกบ้านโดยไม่ขออนุญาต พูดคำหยาบในบ้าน เป็นต้น
2. พ่อแม่ ไม่ได้อยู่ภายใต้สภาวะอารมณ์โกรธ โมโห(มากๆ)
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตีลูกเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง
แทนจุดประสงค์เดิมที่เราตีลูกเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ผลของการกระทำผิดตามข้อตกลง
เรามีหน้าที่คุมกฎ ลงโทษไปตามกฎ เพื่อให้เกิดความเป็นระบบระเบียบเท่านั้น
อย่าลืมว่าลูกไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของเรา
3. หลังตีลูก เมื่อพ่อแม่ลูกเริ่มอารมณ์สงบ คุยกับลูกอีกครั้ง
เพื่อตอกย้ำในสิ่งที่ลูกควรจะได้เรียนรู้จากการลงโทษครั้งนี้ เช่น
“ลูกรู้ใช่ไหม ว่าเพราะอะไรที่แม่ตีลูกครั้งนี้”
เพื่อให้ลูกได้ทบทวนกฎ และการกระทำของตัวเอง
พร้อมกระตุ้นให้ลูกคิดวิธีแก้ไข จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก
ภายใต้คำแนะนำที่เป็นมิตรจากพ่อแม่
สิ่งที่ทำให้การลงโทษด้วยการตี เป็นปัญหาเพราะพ่อแม่ทำผิดเงื่อนไข
เช่นตีลูกโดยไม่เคยมีข้อตกลง ไม่ใช้เหตุผล
แต่ตีโดยใช้ความรุนแรงทั้งรุนแรงด้านอารมณ์ และรุนแรงด้านร่างกายกับลูก
ซึ่งมักเกิดจากพ่อแม่ขาดสติ คุมอารมณ์ไม่อยู่
ความรุนแรงเช่นนี้อาจสร้างบาดแผลในใจลูก
ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่มั่นคง ขาดความเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่
ยิ่งทำให้ลูกดื้อรั้นมากกว่าเดิมได้
ลูกที่ถูกตีเช่นนี้บ่อยๆ
อาจชาชินและซึมซับกับกระบวนการการใช้ความรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว
กลายเป็นเด็กก้าวร้าว และใช้กำลังตัดสินปัญหามากกว่าใช้เหตุผล
พ่อแม่หลายคนที่ตีลูกแบบใช้ความรุนแรง จะเกิดความรู้สึกผิดตามมา
หลังจากที่เริ่มมีสติและอารมณ์โกรธหายไป
จึงชดเชยกับลูกด้วยการตามใจเป็นพิเศษ หรือร้องไห้เสียใจกับลูกที่ตัวเองทำรุนแรงไป
จะยิ่งทำให้ลูกเกิดความสับสน ขาดความเชื่อมั่น กลายเป็นว่าลูกก็ไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่เราจะสอนจริงๆ
ฝากทิ้งท้ายเรื่องการตีคือ ควรจะเลือกวิธีนี้กับเรื่องที่สำคัญจริงๆ
และยังมีวิธีลงโทษแบบอื่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้การตี เช่น การตัดสิทธิ์บางอย่างถ้าละเมิดกฎ
ซึ่งถ้าคุมลูกได้ จะไม่ใช้วิธีการตีเลยก็ยิ่งดี
ควรหยุดวิธีการตี เมื่อลูกเข้าวัยรุ่น เพราะลูกเริ่มหวงแหนสิทธิส่วนบุคคล
การตีเหมือนกับเป็นการละเมิดด้านร่างกายกับลูก
....ลูกต้องการพ่อแม่ที่เป็นแบบอย่างในการควบคุมอารมณ์ พ่อแม่ต้องมีสติ
และก่อนตีลูก ลองตอบคำถามข้างต้นของบทความกับตัวเองให้ได้ก่อนทุกครั้งนะครับ...
credit ภาพ:
http://littlebeetle.net/did-you-know/do-you-know-how-to-punish-the-child-properly.htm
= = รักวัวให้ผูก...รักลูกให้ตี ?!=
“การตีลูก เป็นเรื่องที่สมควรทำไหมคะ?”
หลังจากลองให้พ่อแม่ท่านนั้นเล่าเรื่องราวที่ตีลูกคร่าวๆ
ผมมักจะตั้งคำถามกลับไปว่า
“คุณเคยมีข้อตกลงกับลูกเรื่องการตี มาก่อนหรือไม่”
“เมื่อตีลูก คุณตั้งใจว่ายังไง และลูกได้เรียนรู้ผลจากการตีอย่างไรบ้าง”
“ตอนคุณตีลูก อารมณ์ช่วงนั้นของคุณเป็นอย่างไร โกรธ โมโหมากๆอยู่หรือไม่”
ประเด็นที่ผมตั้งคำถามนี้กลับไป
เพราะในความเห็นส่วนตัวของผม
การตีลูก ไม่ได้เป็นข้อห้าม
มีข้อดีตรงที่ช่วยหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของลูกได้เร็ว
ลูกเกิดความตระหนัก หรือหลาบจำได้นาน
แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
1. มีการตั้งกฎเกณฑ์ หรือข้อตกลงอย่างชัดเจน ว่าการลงโทษด้วยการตี
จะเกิดขึ้นเมื่อลูกละเมิดกฎในกรณีใดบ้าง อย่างไร
เช่น เล่นวัตถุอันตราย ออกไปนอกบ้านโดยไม่ขออนุญาต พูดคำหยาบในบ้าน เป็นต้น
2. พ่อแม่ ไม่ได้อยู่ภายใต้สภาวะอารมณ์โกรธ โมโห(มากๆ)
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ตีลูกเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง
แทนจุดประสงค์เดิมที่เราตีลูกเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ผลของการกระทำผิดตามข้อตกลง
เรามีหน้าที่คุมกฎ ลงโทษไปตามกฎ เพื่อให้เกิดความเป็นระบบระเบียบเท่านั้น
อย่าลืมว่าลูกไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของเรา
3. หลังตีลูก เมื่อพ่อแม่ลูกเริ่มอารมณ์สงบ คุยกับลูกอีกครั้ง
เพื่อตอกย้ำในสิ่งที่ลูกควรจะได้เรียนรู้จากการลงโทษครั้งนี้ เช่น
“ลูกรู้ใช่ไหม ว่าเพราะอะไรที่แม่ตีลูกครั้งนี้”
เพื่อให้ลูกได้ทบทวนกฎ และการกระทำของตัวเอง
พร้อมกระตุ้นให้ลูกคิดวิธีแก้ไข จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก
ภายใต้คำแนะนำที่เป็นมิตรจากพ่อแม่
สิ่งที่ทำให้การลงโทษด้วยการตี เป็นปัญหาเพราะพ่อแม่ทำผิดเงื่อนไข
เช่นตีลูกโดยไม่เคยมีข้อตกลง ไม่ใช้เหตุผล
แต่ตีโดยใช้ความรุนแรงทั้งรุนแรงด้านอารมณ์ และรุนแรงด้านร่างกายกับลูก
ซึ่งมักเกิดจากพ่อแม่ขาดสติ คุมอารมณ์ไม่อยู่
ความรุนแรงเช่นนี้อาจสร้างบาดแผลในใจลูก
ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่มั่นคง ขาดความเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่
ยิ่งทำให้ลูกดื้อรั้นมากกว่าเดิมได้
ลูกที่ถูกตีเช่นนี้บ่อยๆ
อาจชาชินและซึมซับกับกระบวนการการใช้ความรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว
กลายเป็นเด็กก้าวร้าว และใช้กำลังตัดสินปัญหามากกว่าใช้เหตุผล
พ่อแม่หลายคนที่ตีลูกแบบใช้ความรุนแรง จะเกิดความรู้สึกผิดตามมา
หลังจากที่เริ่มมีสติและอารมณ์โกรธหายไป
จึงชดเชยกับลูกด้วยการตามใจเป็นพิเศษ หรือร้องไห้เสียใจกับลูกที่ตัวเองทำรุนแรงไป
จะยิ่งทำให้ลูกเกิดความสับสน ขาดความเชื่อมั่น กลายเป็นว่าลูกก็ไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่เราจะสอนจริงๆ
ฝากทิ้งท้ายเรื่องการตีคือ ควรจะเลือกวิธีนี้กับเรื่องที่สำคัญจริงๆ
และยังมีวิธีลงโทษแบบอื่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้การตี เช่น การตัดสิทธิ์บางอย่างถ้าละเมิดกฎ
ซึ่งถ้าคุมลูกได้ จะไม่ใช้วิธีการตีเลยก็ยิ่งดี
ควรหยุดวิธีการตี เมื่อลูกเข้าวัยรุ่น เพราะลูกเริ่มหวงแหนสิทธิส่วนบุคคล
การตีเหมือนกับเป็นการละเมิดด้านร่างกายกับลูก
....ลูกต้องการพ่อแม่ที่เป็นแบบอย่างในการควบคุมอารมณ์ พ่อแม่ต้องมีสติ
และก่อนตีลูก ลองตอบคำถามข้างต้นของบทความกับตัวเองให้ได้ก่อนทุกครั้งนะครับ...
credit ภาพ: http://littlebeetle.net/did-you-know/do-you-know-how-to-punish-the-child-properly.htm