ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ชุมนุมอันยาวนาน
ผมได้เห็นความมุ่งมั่น ความเชื่อในอุดมการณ์ของคนมากมาย
ที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน และทำในสิ่งเดียวกัน
มันคือสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งกว่าญาติเสียด้วยซ้ำ
นอนกลางดินกินกลางถนน น้ำแทบไม่ได้อาบ
ฟังแกนนำพูดตลอดทั้งวันทั้งคืน ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อในสมอง วันแล้ววันเล่า
จนไม่มีที่ว่างให้กับความเห็นที่แตกต่าง
มีอารมณ์ร่วมไปกับแกนนำบนเวที ตบมือให้อย่างชื่นชมพอใจจนมือบวม ต้องใช้มือตบพลาสติกมาตบแทน
เมื่อยามแกนนำสั่งให้ลุกเราก็ลุก แกนนำสั่งให้นั่งก็นั่ง
สั่งให้บุกก็บุก สั่งให้ล้อมก็ล้อม เพราะเราเชื่อมั่นและศรัทธาในแกนนำ
เชื่อว่าสิ่งที่ทำไป ชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว
เราไม่ละอายใจ เมื่อแกนนำชวนให้เราด่า ฝ่ายที่เราคิดว่าชั่ว ด้วยถ้อยคำหยาบคาย
เพราะเราเชื่อว่า มันสาสมแล้วกับสิ่งที่เขาทำกับบ้านเมือง หรือสิ่งที่เราเคารพเทิดทูน
แม้แต่ชวนเราไปเสียงคุก เสี่ยงตะราง แม้แต่เสี่ยงตาย เราก็เชื่อว่ามันคุ้มค่า
จนกระทั่ง เรามีความรู้สึกว่า คุณธรรมในใจเราเสื่อมถอยลงทุกวัน
เราเริ่มไม่ศรัทธาในตัวเอง เพราะเราทนความเห็นต่างไม่ได้
เราเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราเริ่มตัดสินว่า คนอื่นผิด มีเราถูกแต่เพียงผู้เดียว
และเมื่อผมสำนึกได้ ถอยออกมาอยู่ห่างๆ ผมจึงได้เห็นตัวเอง นอกจากจะอยู่ในเสื้อสีเหลืองแล้ว
ผมก็ยังอยู่ในเสื้อสีแดงด้วย....
นั่นจึงทำให้ผม เข้าใจความรู้สึกของคนที่ผ่านประสบการณ์เดียวกันอย่างลึกซึ้ง และให้อภัย
แม้นสิ่งใดๆเขาที่ได้กระทำต่อผม จะรุนแรงและเกินเลยไปอย่างไรก็ตาม.....
เพราะผมและเขา เราคือคน คนเดียวกัน.... ที่ชื่อ เหยื่อผู้ภักดี
เพราะผมเคยเป็นเหลือง ผมจึงเข้าใจความเป็นแดง
ผมได้เห็นความมุ่งมั่น ความเชื่อในอุดมการณ์ของคนมากมาย
ที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน และทำในสิ่งเดียวกัน
มันคือสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งกว่าญาติเสียด้วยซ้ำ
นอนกลางดินกินกลางถนน น้ำแทบไม่ได้อาบ
ฟังแกนนำพูดตลอดทั้งวันทั้งคืน ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อในสมอง วันแล้ววันเล่า
จนไม่มีที่ว่างให้กับความเห็นที่แตกต่าง
มีอารมณ์ร่วมไปกับแกนนำบนเวที ตบมือให้อย่างชื่นชมพอใจจนมือบวม ต้องใช้มือตบพลาสติกมาตบแทน
เมื่อยามแกนนำสั่งให้ลุกเราก็ลุก แกนนำสั่งให้นั่งก็นั่ง
สั่งให้บุกก็บุก สั่งให้ล้อมก็ล้อม เพราะเราเชื่อมั่นและศรัทธาในแกนนำ
เชื่อว่าสิ่งที่ทำไป ชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว
เราไม่ละอายใจ เมื่อแกนนำชวนให้เราด่า ฝ่ายที่เราคิดว่าชั่ว ด้วยถ้อยคำหยาบคาย
เพราะเราเชื่อว่า มันสาสมแล้วกับสิ่งที่เขาทำกับบ้านเมือง หรือสิ่งที่เราเคารพเทิดทูน
แม้แต่ชวนเราไปเสียงคุก เสี่ยงตะราง แม้แต่เสี่ยงตาย เราก็เชื่อว่ามันคุ้มค่า
จนกระทั่ง เรามีความรู้สึกว่า คุณธรรมในใจเราเสื่อมถอยลงทุกวัน
เราเริ่มไม่ศรัทธาในตัวเอง เพราะเราทนความเห็นต่างไม่ได้
เราเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราเริ่มตัดสินว่า คนอื่นผิด มีเราถูกแต่เพียงผู้เดียว
และเมื่อผมสำนึกได้ ถอยออกมาอยู่ห่างๆ ผมจึงได้เห็นตัวเอง นอกจากจะอยู่ในเสื้อสีเหลืองแล้ว
ผมก็ยังอยู่ในเสื้อสีแดงด้วย....
นั่นจึงทำให้ผม เข้าใจความรู้สึกของคนที่ผ่านประสบการณ์เดียวกันอย่างลึกซึ้ง และให้อภัย
แม้นสิ่งใดๆเขาที่ได้กระทำต่อผม จะรุนแรงและเกินเลยไปอย่างไรก็ตาม.....
เพราะผมและเขา เราคือคน คนเดียวกัน.... ที่ชื่อ เหยื่อผู้ภักดี