>>[บทความ]<< กาลครั้งหนึ่ง นั่งรถไฟไปรับตะวัน

กระทู้สนทนา
กาลครั้งหนึ่ง นั่งรถไฟไปรับตะวัน

“ดอกทานตะวัน”  เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น

ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว

ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารจากผู้ให้ว่า…

“แม้เธอจะเย่อหยิ่งเพียงไร แต่สักวันฉันจะชนะใจเธอ”

และยังหมายถึง

“รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ

ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์”


    
        ลมหนาวพัดมามือใหญ่กุมมือน้อยนุ่มๆเอาไว้ขณะที่เดินไปตามทาง เด็กหญิงเจ้าของมือน้อยนั้นมีหน้าตาและท่าทางตื่นเต้น

เมื่อได้พบกับผู้คนมากมาย ไม่นานเด็กหญิงก็เปลี่ยนจุดสนใจไปยังต้นเสียง ปุ๊น ปุ๊น รถไฟขบวนยาวกำลังจะเทียบชานชาลา

หลานสาวตัวเล็กเงยขึ้นมองเจ้าของมือใหญ่ที่เธอเรียกว่า “ปู่” พร้อมส่งยิ้มด้วยสายตาที่ดูจะตื่นเต้นกับทุกสถานการณ์

ของการเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรกของเธอ

        หลังจากตีตั๋วสองที่นั่งฉันและปู่เดินขึ้นรถไฟไปพร้อมๆกับหลายคนที่กำลังจับจองที่นั่ง ฉันเลือกที่นั่งริมหน้าต่างรับลมเบาๆ

ในตอนเช้า เมื่อถึงเวลาที่รถไฟต้องเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาของสถานีหัวลำโพงมุ่งหน้าสู่โลกกว้าง ระหว่างทางนั้นแต่ละสถานี

ที่รถไฟจอดเทียบชานชาลาจะมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของจำนวนมากซึ่งฉันไม่พลาดแน่นอนที่จะซื้อมากิน หลานสาวตัวน้อยกับคุณปู่

นั่งกินของที่ซื้อมาและแล้วก็เข้าสุภาษิตที่ว่าหนังท้องตึงหนังตาหย่อน ฉันคล้อยตัวลงหนุนตักปู่อย่างมีความสุข

            ก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวว่าถึงจุดหมายปลายทางเสียแล้วนั้น มือคู่เดิมเป็นคนสะกิดฉันให้ตื่นจากการหลับใหลฉันงัวเงียลุกขึ้น

มองออกไปนอกหน้าต่าง และภาพแรกที่ฉันเห็นทำให้ฉันหายจากอาการงัวเงียขึ้นมาทันใด ดอกทานตะวันสีเหลืองที่หันหน้ารับ

แสงแดดทอแสงระยิบระยับเต็มทุ่ง ฉันดึงมือปู่เดินตามคนอื่นที่กำลังลงจากรถไฟเพื่อไปชื่นชมความสวยงามของดอกทานตะวัน

ความรู้สึกของผู้คนเหล่านั้นคงไม่ต่างอะไรจากฉันมากนักหรอก

           เมื่อลงมาอยู่กลางทุ่งดอกทานตะวันนักท่องเที่ยวหลายคนรวมถึงตัวฉันอยู่ในท่าทางเดียวกันราวกับว่าเป็นท่าที่ทุกคนต้องทำ

เมื่อมาถึงที่นี้ ฉันเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆดอกทานตะวันที่สูงพอๆกับฉันและแน่นอนว่าปู่ก็ต้องเป็นคนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพให้กับฉัน

หลังจากปล่อยให้ทุกคนได้ชื่นชมและถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเคลื่อนตัวของรถไฟอีกครั้งมุ่งหน้าไปสะพานไม้ที่เก่าแก่

แต่ยังคงความสวยงามไว้อยู่
    
            ระหว่างที่รถไฟค่อยๆวิ่งไปตามทางเด็กน้อยก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง

โดยข้างๆเธอก็ยังคงมีคุณปู่คอยตอบเรื่องราวที่เธอสงสัยให้เธอได้ฟังตลอดทาง และไม่นานรถไฟก็เทียบชานชาลาสถานีเริ่มต้นอีกครั้ง

ฉันและปู่ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว

        เนื่องจากวันนี้ฉันสนุกมากไปหน่อยด้วยความเป็นเด็กฉันก็งอแงไม่อยากเดิน ปู่จึงให้ฉันขี่คอเดินไปตามทางออกของชานชาลา

แม้เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว แต่ภาพความทรงจำเหล่านี้ไม่เคยจางหายไปแม้แต่น้อย ทุกภาพทุกเรื่องราวฉันยังคงจดจำได้ดี

นี้แหละกาลครั้งหนึ่งของฉันในการเดินทางที่ไม่มีวันลืม


>>> ช่วยแนะนำ ติชม เรื่องสั้นครั้งแรกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ <<<
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่