เนื่องจากเป็นคนใช้บริการ MRT ทุกวัน รวมถึงเสาร์-อาทิตย์ด้วย รู้สึกถึงบริการ MRT ไทยที่แย่ลงทุกวัน จึงอยากจะขอเปรียบเทียบกับบริการ MRT ของประเทศสิงคโปร์ดูค่ะ เผื่อว่าประเทศไทยจะพัฒนาการให้บริการสาธารณะกับเค้าได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ สิ่งที่รู้สึกถึงความแตกต่างมีดังนี้
1. ภายในบริเวณชานชลาที่รอรถไฟฟ้าไม่ร้อน เพราะเค้าเปิดแอร์ตลอดเวลาแต่ไม่หนาวมาก เพราะเค้าเปิดแอร์ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ซึ่งเมืองไทยไม่เปิดแอร์บริเวณชานชลาที่ยืนรอรถ
2. ไม่มีการปิดบันไดเลื่อนทางลงรถไฟฟ้าให้เดินลงไปเอง ซึ่งเมืองไทยก็เห็นด้วยกับการปิดบันไดเลื่อนในวันหยุดนะ (เพื่อประหยัดพลังงาน) แต่ไม่ควรปิดบันไดเลื่อนที่ลงไปยาวมากเหมือนลงไป 2 ถึง... 3 ชั้น เพราะมันชันมากเกินไป หรืออย่างน้อยควรมีป้ายบอกว่าลิฟท์ไปทางไหน เพื่อให้คนสูงอายุเค้าไม่ต้องเดินลง
3. มีป้ายบอกว่ารถไฟฟ้าจะมาในอีกกี่นาทีตั้งแต่บริเวณทางลง MRT ไม่ใช่บอกบริเวณชานชลาอย่างเดียวเหมือนเมืองไทย
4. บริเวณชานชลามีเก้าอี้ให้นั่งบ้างเล็กน้อย เหมาะกับให้ผู้สูงอายุได้นั่งรอ
5. ภายในรถไฟฟ้ามีเก้าอี้ระบุไว้ว่าให้ผู้สูงอายุ เด็ก หรือหญิงมีครรภ์นั่ง โดยหากผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวเห็นผู้สูงอายุ เด็ก หรือหญิงมีครรภ์เข้ามาในรถไฟฟ้า จะลุกให้นั่งทันที ซึ่งต่างจากไทย ที่นอกจากจะไม่มีการกำหนดให้มีเก้าอี้สำหรับให้ผู้สูงอายุ เด็ก หรือหญิงมีครรภ์นั่งแล้ว ผู้ชายที่นั่งอยู่เมื่อเห็นจะรีบทำเป็นหลับหรือไม่สนใจจะลุกให้นั่งทันที (โดยส่วนใหญ่)
6. บันไดเลื่อนทางขึ้นเมื่อออกจะรถไฟฟ้าแล้ว หากใครไม่รีบจะยืนทางด้านซ้ายมือ ส่วนใครรีบจะเดินขึ้นบันไดเลื่อนทางด้านขวามือ ไม่ยืนบังไม่ให้คนรีบขึ้นไม่ได้ขึ้น ซึ่งเมืองไทยถ้าอยากจะรีบหรอ ก็ยืนรอไปสิ ตัวใครตัวมัน
7. สิงคโปร์มีนโยบายรณรงค์ให้ผู้คนไม่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง โดยในวันทำงานช่วงเช้าจะมีการลดค่าโดยสารลงเพื่อให้คนหันมาใช้บริการ MRT มากขึ้น ส่วนเมืองไทยหรอ นอกจากจะประหยัดพลังงานเพื่อให้กำไรตัวเองเยอะขึ้นแล้ว ยังจะขึ้นค่าโดยสารอีก รวมทั้งยังสนับสนุนให้คนซื้อรถเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพื่อให้รถในไทยติดมากขึ้น วันนึงคงอยู่ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับขั้นต่ำ 6 ชั่วโมงแน่นอนเลย
อยากให้ทุกท่านร่วมแชร์ความคิดเห็นนะคะ ทั้งที่เห็นตรงกันหรือเห็นต่างกัน เผื่อความคิดเห็นจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาค่ะ
ข้อดีของ MRT สิงคโปร์ที่ MRT เมืองไทยไม่มีและควรจะมีบ้าง
1. ภายในบริเวณชานชลาที่รอรถไฟฟ้าไม่ร้อน เพราะเค้าเปิดแอร์ตลอดเวลาแต่ไม่หนาวมาก เพราะเค้าเปิดแอร์ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ซึ่งเมืองไทยไม่เปิดแอร์บริเวณชานชลาที่ยืนรอรถ
2. ไม่มีการปิดบันไดเลื่อนทางลงรถไฟฟ้าให้เดินลงไปเอง ซึ่งเมืองไทยก็เห็นด้วยกับการปิดบันไดเลื่อนในวันหยุดนะ (เพื่อประหยัดพลังงาน) แต่ไม่ควรปิดบันไดเลื่อนที่ลงไปยาวมากเหมือนลงไป 2 ถึง... 3 ชั้น เพราะมันชันมากเกินไป หรืออย่างน้อยควรมีป้ายบอกว่าลิฟท์ไปทางไหน เพื่อให้คนสูงอายุเค้าไม่ต้องเดินลง
3. มีป้ายบอกว่ารถไฟฟ้าจะมาในอีกกี่นาทีตั้งแต่บริเวณทางลง MRT ไม่ใช่บอกบริเวณชานชลาอย่างเดียวเหมือนเมืองไทย
4. บริเวณชานชลามีเก้าอี้ให้นั่งบ้างเล็กน้อย เหมาะกับให้ผู้สูงอายุได้นั่งรอ
5. ภายในรถไฟฟ้ามีเก้าอี้ระบุไว้ว่าให้ผู้สูงอายุ เด็ก หรือหญิงมีครรภ์นั่ง โดยหากผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวเห็นผู้สูงอายุ เด็ก หรือหญิงมีครรภ์เข้ามาในรถไฟฟ้า จะลุกให้นั่งทันที ซึ่งต่างจากไทย ที่นอกจากจะไม่มีการกำหนดให้มีเก้าอี้สำหรับให้ผู้สูงอายุ เด็ก หรือหญิงมีครรภ์นั่งแล้ว ผู้ชายที่นั่งอยู่เมื่อเห็นจะรีบทำเป็นหลับหรือไม่สนใจจะลุกให้นั่งทันที (โดยส่วนใหญ่)
6. บันไดเลื่อนทางขึ้นเมื่อออกจะรถไฟฟ้าแล้ว หากใครไม่รีบจะยืนทางด้านซ้ายมือ ส่วนใครรีบจะเดินขึ้นบันไดเลื่อนทางด้านขวามือ ไม่ยืนบังไม่ให้คนรีบขึ้นไม่ได้ขึ้น ซึ่งเมืองไทยถ้าอยากจะรีบหรอ ก็ยืนรอไปสิ ตัวใครตัวมัน
7. สิงคโปร์มีนโยบายรณรงค์ให้ผู้คนไม่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง โดยในวันทำงานช่วงเช้าจะมีการลดค่าโดยสารลงเพื่อให้คนหันมาใช้บริการ MRT มากขึ้น ส่วนเมืองไทยหรอ นอกจากจะประหยัดพลังงานเพื่อให้กำไรตัวเองเยอะขึ้นแล้ว ยังจะขึ้นค่าโดยสารอีก รวมทั้งยังสนับสนุนให้คนซื้อรถเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพื่อให้รถในไทยติดมากขึ้น วันนึงคงอยู่ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับขั้นต่ำ 6 ชั่วโมงแน่นอนเลย
อยากให้ทุกท่านร่วมแชร์ความคิดเห็นนะคะ ทั้งที่เห็นตรงกันหรือเห็นต่างกัน เผื่อความคิดเห็นจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาค่ะ