โดนมาเรียบร้อยโรงเรียนตำรวจครับ เที่ยงวันนี้ ผมขับมอไซค์ฝ่าเปลวแดดแสนร้อนแรง เห็นบรรดาพี่ๆ ทำงานกันอย่างแข็งขันแถว ลำสาลี เรียกแต่กระบะจอดรายทางเป็นแถว ไม่รู้ผิดอะไร รู้แต่กระบะแทบไม่รอดสักคัน ผมขับต่อมาอย่างปลอดภัย เลี้ยวเข้าพระรามเก้า ต่อเข้าพญาไท มาถึงแยกพญาไทย ตรงนี้ใครเคยผ่านจะรู้ดีว่า ถ้าเลี้ยวซ้ายรถจะติดมาก แต่มีสะพานข้ามข้ามแยกเตี้ยๆ ที่แต่ก่อนผมมองว่าเป็นสะพานหากิน ติดป้ายห้ามมอไซค์ขึ้น ถ้าใครพลาดขึ้นไปโอกาสโดนสูงครับ ทั้งๆ ที่ซ้ายมือที่จะรอไฟเขียวนั้นรถติดมาก แต่มอไซค์ก็ต้องจำทน แม้ผมจะเห็นว่ามันไม่ถูก ก็ยมทนไม่ขึ้น
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ มีคำสั่งห้ามตั้งด่าน และป้ายห้ามมอไซค์ขึ้นสะพานแห่งนี้ก็ถูกลบไป ผมก็คิดว่าสะดวกดีละ สบายแล้ว โดยหารู้ไม่ว่านี่คือกับดักชิ้นใหม่
วันนี้ผมก็ขับขึ้นสะพานตามปกติ ด้วยความเคยชินที่เป็นคนขับชิดซ้ายมาตลอด ก็ขับมาตามทาง พอลงสะพาน ก็เจอด่านเล็กๆ ที่มีแค่กรวยยาง แต่ไม่มีป้ายบอก กำตำรวจ 3 -4 นาย คอยดักมอไซค์ แน่ละผมก็โดน และทีนใดนั่น เขาก็ขอใบขับขี่พร้อมแจ้งข้อหาผม
ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายนะ
เอาสิ ผมงงตึบ เกิดอาการ มันจะเล่นมุขไหนวะ
เลยถามไปว่า ผมไม่ชิดตรงไหนครับ ผมก็ขับมาซ้ายแล้วก็มี่านตรงนี้ จะเข้าซ้ายได้ใง (กรวยยาง อยู่ห่างจากตีนสะพานราวๆ 20 เมตรเท่านั้นเอง)
แต่ตำรวจก็ตอบมาเหมือนเดิมว่าวิ่งบนซะพานมา ก็เท่ากับวิ่งขวานั่นแหละ ยิ่งทำให้ผมงงใหญ่ ประมวลผลไม่ทันกันเลยทีเดียว แต่เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า ถึงกับต้องถอดหมวกระบายความร้อนกันเลยทีเดียว กะว่างานนี้ยังใงต้องคุยให้รู้เรื่อง
คุยกันานมาก ผมก็ถามว่าสะพานไม่มีป้ายห้ามขึ้น ทำใมผมขึ้นไม่ได้ ในเมื่อไม่มีป้ายห้าม
คุณพี่แกก็ตอบมายาวมาก เราก็เถียงไป ตามที่เรารู้ว่าสะพานไม่มีป้าย ห้ามขึ้น เลยสรุปใจความได้ว่า
ข้อหาไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ก็เพราะ
สะพานข้ามแยกมันอยู่ด้านขวา อยู่เลน 3 ( เลนข้างสะพาน 2 เลน สะพานเลน 3 4 เจอมุขนี้ไปผมอึ้งกันเลย) ดังนั้นเมื่อขึ้นสะพานปุ๊บ แม้จะวิ่งชิดซ้าย ก็เท่ากับวิ่ง เลน 3 อยู่ดี (???) จึงต้องโดนข้อหา ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย (อ้าว)
แล้วพี่แกก็ยกตัวอย่างสะพานราชปรารภ ว่ามันไม่มีคู่ขนานเลยขึ้นได้ (อ้าว) ส่วนสะพานข้ามแยกแถวๆ เพรชบุรี ก็ห้ามไม่ได้เห็นใหม
ตอนนั้น ผมคิดไม่ทันว่า แล้วทำใมสะพานข้ามแยก รามอินทรา ทำใม ข้ามได้ ตร ตั้งด่านเลยสะพานไป ก็ไม่เคยจับข้อหานี้กับคนที่ลงสะพานมาแล้วชิดซ้าย
สรุปแล้ว กฏหมายไทยนี่มันสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามใจท่านเลยสินะ เฮ้อ
ระวัง !!! ขับขึ้นสะพานลอยข้ามแยก เป็นการขับรถโดยไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย โดนมาแล้ว
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ มีคำสั่งห้ามตั้งด่าน และป้ายห้ามมอไซค์ขึ้นสะพานแห่งนี้ก็ถูกลบไป ผมก็คิดว่าสะดวกดีละ สบายแล้ว โดยหารู้ไม่ว่านี่คือกับดักชิ้นใหม่
วันนี้ผมก็ขับขึ้นสะพานตามปกติ ด้วยความเคยชินที่เป็นคนขับชิดซ้ายมาตลอด ก็ขับมาตามทาง พอลงสะพาน ก็เจอด่านเล็กๆ ที่มีแค่กรวยยาง แต่ไม่มีป้ายบอก กำตำรวจ 3 -4 นาย คอยดักมอไซค์ แน่ละผมก็โดน และทีนใดนั่น เขาก็ขอใบขับขี่พร้อมแจ้งข้อหาผม
ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายนะ
เอาสิ ผมงงตึบ เกิดอาการ มันจะเล่นมุขไหนวะ
เลยถามไปว่า ผมไม่ชิดตรงไหนครับ ผมก็ขับมาซ้ายแล้วก็มี่านตรงนี้ จะเข้าซ้ายได้ใง (กรวยยาง อยู่ห่างจากตีนสะพานราวๆ 20 เมตรเท่านั้นเอง)
แต่ตำรวจก็ตอบมาเหมือนเดิมว่าวิ่งบนซะพานมา ก็เท่ากับวิ่งขวานั่นแหละ ยิ่งทำให้ผมงงใหญ่ ประมวลผลไม่ทันกันเลยทีเดียว แต่เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า ถึงกับต้องถอดหมวกระบายความร้อนกันเลยทีเดียว กะว่างานนี้ยังใงต้องคุยให้รู้เรื่อง
คุยกันานมาก ผมก็ถามว่าสะพานไม่มีป้ายห้ามขึ้น ทำใมผมขึ้นไม่ได้ ในเมื่อไม่มีป้ายห้าม
คุณพี่แกก็ตอบมายาวมาก เราก็เถียงไป ตามที่เรารู้ว่าสะพานไม่มีป้าย ห้ามขึ้น เลยสรุปใจความได้ว่า
ข้อหาไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ก็เพราะ
สะพานข้ามแยกมันอยู่ด้านขวา อยู่เลน 3 ( เลนข้างสะพาน 2 เลน สะพานเลน 3 4 เจอมุขนี้ไปผมอึ้งกันเลย) ดังนั้นเมื่อขึ้นสะพานปุ๊บ แม้จะวิ่งชิดซ้าย ก็เท่ากับวิ่ง เลน 3 อยู่ดี (???) จึงต้องโดนข้อหา ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย (อ้าว)
แล้วพี่แกก็ยกตัวอย่างสะพานราชปรารภ ว่ามันไม่มีคู่ขนานเลยขึ้นได้ (อ้าว) ส่วนสะพานข้ามแยกแถวๆ เพรชบุรี ก็ห้ามไม่ได้เห็นใหม
ตอนนั้น ผมคิดไม่ทันว่า แล้วทำใมสะพานข้ามแยก รามอินทรา ทำใม ข้ามได้ ตร ตั้งด่านเลยสะพานไป ก็ไม่เคยจับข้อหานี้กับคนที่ลงสะพานมาแล้วชิดซ้าย
สรุปแล้ว กฏหมายไทยนี่มันสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามใจท่านเลยสินะ เฮ้อ