ผมเป็นคนหนึ่งที่รัก IRON MAN (ภาค 1) มากกกกกก
ยังชอบเอาคลิปตัวอย่างสั้นๆ ที่ขนมาโชว์ในงานคอมมิคคอน กลับมาดูอยู่เนืองๆ มาฟังเสียงกู้ร้อง เสียงปรบมือ ดูแล้วมันชวนปิติดีจริงๆ
ถ้าจะกล่าว ก็คงไม่ผิดที่ว่า IRON MAN 1 ในวันนั้นทำให้มี The Avengers ในวันนี้ เพราะ MARVEL ตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์ด้วยตัวของตัวเอง ไม่ขายลิขสิทธิ์ให้ผู้อื่นเอาไปทำ และการตัดสินใจนั้นก็ไม่ผิดพลาด ทุกอย่างที่ฉายออกมามันงดงามจริงๆ ตัวโรเบิร์ต ดาวนีย์ที่ตีบทกระจุย ความเท่ของชุดเกราะ + งานซีจีที่สมจริง อารมณ์ขันที่ยึดถือมาตลอด และบทที่มีมิติ ผสมการวิพากษ์สังคม การเมืองอย่างชาญฉลาด
ส่งผลให้ IRON MAN 1 เป็นภาพยนตร์ของ MARVEL ที่เฉิดฉายสุดๆ
รวมๆ แล้วก็น่าจะเกิน 20 รอบ ที่เอากลับมาดูแล้วดูอีก
ดังนั้น IRON MAN 2 จึงเป็นอะไรที่คนคาดหวังสุดๆ คาดหวังชนิดที่เรียกว่าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ นับวันรอที่จะได้ดูโทนี่ สตาร์กอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็เป็นมวยล้มต้มคนดู เสียใจจริง :'(
เมื่อวานหลังจากดู IRON MAN 3 มาก็พบว่าอย่างน้อยอารมณ์ขันก็ถือว่ายังดีกว่าภาค 2 อยู่มาก แต่องค์ประกอบทุกอย่างที่ภาค 1 ได้บรรจงสรรสร้างมามันพังทลายไปหมดแล้ว สตูดิโอเข็ดกับการเล่าที่จริงจัง เคร่งเครียด (แบบภาค 2) จึงอัดแต่มุขตลกไม่ยั้ง แถมกลัวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน ที่เปรียบเสมือนเป็นถุงเงินถุงทอง (แถมเอามีฉบับตัดต่อเฉพาะสำหรับจีนที่เดียวอีกแหนะ) ตัวร้ายชาวจีนนามแมนดารินสุดคลาสสิคจึงถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดี
มีหลายสิ่งที่ผมเสียดายมากๆ
สิ่งที่เห็นความตั้งใจของคนเขียนบทภาค 1 ที่วางเอาไว้ รวมทั้ง The Avengers ที่วางเอาไว้ แต่สุดท้าย IRON MAN 3 ก็ไม่ได้เอามาใช้เลย
นี่จึงเป็นกระทู้ระบายสิ่งที่ผมอยากเห็น แต่ไม่ได้เห็นใน IRON MAN 3
สรุปแล้ว การที่ภาค 3 หยิบเอาแมนดาริน คู่ปรับตลอดกาลของ IRON MAN มาเป็นตัวร้าย ก็น่าจะสมน้ำสมเนื้อ เช่นเดียวกับ โจ้กเกอร์ใน The Dark Knight แต่นี้กลับทำลายตัวละครนี้ไปเสียอย่างไร้ค่า ดูๆ แล้วก็น่าเสียดาย จึงมาเขียนระบายเป็นกระทู้นี้ครับ
กระทู้ระบาย IRON MAN 3 สิ่งที่เสียดายและสิ่งที่อยากเห็น (แต่ไม่ได้เห็น) [ SPOILER ALERT ]
ยังชอบเอาคลิปตัวอย่างสั้นๆ ที่ขนมาโชว์ในงานคอมมิคคอน กลับมาดูอยู่เนืองๆ มาฟังเสียงกู้ร้อง เสียงปรบมือ ดูแล้วมันชวนปิติดีจริงๆ
ถ้าจะกล่าว ก็คงไม่ผิดที่ว่า IRON MAN 1 ในวันนั้นทำให้มี The Avengers ในวันนี้ เพราะ MARVEL ตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์ด้วยตัวของตัวเอง ไม่ขายลิขสิทธิ์ให้ผู้อื่นเอาไปทำ และการตัดสินใจนั้นก็ไม่ผิดพลาด ทุกอย่างที่ฉายออกมามันงดงามจริงๆ ตัวโรเบิร์ต ดาวนีย์ที่ตีบทกระจุย ความเท่ของชุดเกราะ + งานซีจีที่สมจริง อารมณ์ขันที่ยึดถือมาตลอด และบทที่มีมิติ ผสมการวิพากษ์สังคม การเมืองอย่างชาญฉลาด
ส่งผลให้ IRON MAN 1 เป็นภาพยนตร์ของ MARVEL ที่เฉิดฉายสุดๆ
รวมๆ แล้วก็น่าจะเกิน 20 รอบ ที่เอากลับมาดูแล้วดูอีก
ดังนั้น IRON MAN 2 จึงเป็นอะไรที่คนคาดหวังสุดๆ คาดหวังชนิดที่เรียกว่าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ นับวันรอที่จะได้ดูโทนี่ สตาร์กอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็เป็นมวยล้มต้มคนดู เสียใจจริง :'(
เมื่อวานหลังจากดู IRON MAN 3 มาก็พบว่าอย่างน้อยอารมณ์ขันก็ถือว่ายังดีกว่าภาค 2 อยู่มาก แต่องค์ประกอบทุกอย่างที่ภาค 1 ได้บรรจงสรรสร้างมามันพังทลายไปหมดแล้ว สตูดิโอเข็ดกับการเล่าที่จริงจัง เคร่งเครียด (แบบภาค 2) จึงอัดแต่มุขตลกไม่ยั้ง แถมกลัวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน ที่เปรียบเสมือนเป็นถุงเงินถุงทอง (แถมเอามีฉบับตัดต่อเฉพาะสำหรับจีนที่เดียวอีกแหนะ) ตัวร้ายชาวจีนนามแมนดารินสุดคลาสสิคจึงถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดี
มีหลายสิ่งที่ผมเสียดายมากๆ
สิ่งที่เห็นความตั้งใจของคนเขียนบทภาค 1 ที่วางเอาไว้ รวมทั้ง The Avengers ที่วางเอาไว้ แต่สุดท้าย IRON MAN 3 ก็ไม่ได้เอามาใช้เลย
นี่จึงเป็นกระทู้ระบายสิ่งที่ผมอยากเห็น แต่ไม่ได้เห็นใน IRON MAN 3
1. ความสัมพันธ์ระหว่าง ยินเซ็น กับ โทนี่
หนังแย้มอดีตเล็กๆ เกี่ยวกับงานสัมมนาที่กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์ เพียงแต่มุ่งไปแค่ตัวร้ายคิลเลียน กับอดีตแฟนเก่า มายา
ยินเซ็น โพล่มานิดเดียวพอให้หายคิดถึง สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ คนที่เปลี่ยนชีวิตของโทนี่ สตาร์คตลอดกาล คนที่อยู่กินในถ้ำ และคนที่สั่งเสียโทนี่ว่าจงใจชีวิตให้คุ้มค่า จนโทนี่กลับมาปิดโรงงานผลิตอาวุธของตัวเอง ผมอยากเห็นบทสนทนาที่นานกว่านั้น อยากเห็นความตั้งใจในการเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของยินเซ็น มาปะทะกับสตาร์ค สมัยยังเป็นหนุ่มเพลย์บอยที่คิดถึงแต่ตัวเอง อีกครั้ง
2. ความสัมพันธ์ระหว่าง โทนี่ กับ จาร์วิช
ผมมองว่า จาร์วิช เปรียบดั่ง วิลสัน ลูกวอลเลย์บอลมีชีวิต(ในจินตนาการ) ที่ทอม แฮงค์ คุยยามเหงา
จาร์วิช ไม่มีตัวตนเช่นกัน เป็นเพียงซอฟแวร์ ที่โทนี่พูดคุยทุกอย่างตลอด 24 ชั่วโมง ฉลาดบ้าง โง่บ้าง เถรตรงไปบ้าง
ผมอยากเห็นวันที่โทนี่ไม่มีจาร์วิช ผมอยากเห็นโทนี่คิดถึงจาร์วิช
อันที่จริงผมอยากเห็นโทนี่ตอนเด็ก คุยกับจาร์วิชเป็นเพื่อน เพราะพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน ต้องทำงานและออกงานสังคมอยู่เสมอ
3. พลังงานในอนาคต
ใน The Avengers แง้มเล็กๆ ว่าโทนี่เปรียบเสมือนผู้บุกเบิกเรื่องพลังงานสะอาด ราคาถูก ผู้บริโภคมีไว้ครอบครองได้
พลังงานอาร์คที่มาแทนน้ำมันนั่นเอง ซึ่งเนี่ยแหละ มันจะกระทบต่อเสถียรภาพด้านพลังงานหมดเลย ทั้งตัวอเมริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงจีนที่เป็นเจ้าพ่อแห่งพลังงานถ่านหิน (ปูไปสู่แมนดาริน) ซึ่งจุดนี้ตัวหนังสามารถขยายไปสู่การวิพากษ์สังคมเกี่ยวกับพลังงาน ณ ปัจจุบันได้ ทำให้หนังมี Point ที่จับต้องได้ ไม่ใช่สารนาโน เอ็กซ์ทริมิซ
4. กลุ่ม 10 RINGS
ภาค 1 ที่ได้ปูทางไว้หน่อย กลับถูกขยี้อย่างไม่ใยดี จนถึงตอนนี้ยังงงอยู่เลยว่า กลุ่ม 10 Rings นี่มันมีตัวตนจริงหรือเปล่า เพราะแมนดาริน (จำอวด) เอามาใช้แปะก่อนถ่ายทอดสด
กลุ่ม 10 RINGS น่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่คอยชักใยเสถียรภาพของโลก (มีอเมริการ่วมอยุ่ด้วย) ปัญหาคือ โทนี่ สตาร์ก ซึ่งมีชุดเกราะ (อำนาจด้านความมั่นคง) และก้อนอาร์คจิ๋ว (อำนาจด้านพลังงาน) เสร็จสรรพ เสถียรภาพทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่โทนี่คนเดียว บอสใหญ่อย่างแมนดาริน จึงต้องออกโรง
5. แหวนเวทย์
เมื่อแมนดารินเป็นของเก๊ แน่นอนว่าแหวนจึงต้องเก๊ตาม แต่ตาม Commic แหวนของแมนดารินสามารถปล่อยเวทย์มนต์ได้
สิ่งที่ผมอยากเห็นคน แหวนของแมนดารินแท้จริงคือ Anti-Arc ที่มีอำนาจดูพลัง Arc ทั้งหมดให้สลายไป คล้าย EMP
คราวนี้ในเมื่อบ้านทุกบ้าน รถทุกคันของคนเกือบทั่วโลกใช้ Arc จิ๋วหมด การทำลายพลังเพียงครั้งเดียวจบ จึงสามารถทำได้
แมนดาริน ทำลายพลังงานทังหมดของ โทนี่ (รวมถึงเกราะด้วย) การโดนยำชุดใหญ่จึงเริ่มขึ้น โทนี่ต้องลี้ภัย (คล้ายกับภาคนี้) ประชาชนเริ่มคิดได้ว่า แท้จริงแล้วโทนี่เนี่ยแหละที่เป็นตัวปัญหา (ทำให้ประเทศตกเป็นเป้าโจมตี รวมถึงจุดอ่อนด้านพลังงาน)
การเปิดโปงกลุ่ม 10 Rings และกำจัดแมนดาริน เป็นทางออกเดียวที่จะกอบกู้ทุกสิ่งทุกอย่าง (รวมถึงประชาชนที่เคยเชื่อมั่น)
ซึ่งจำเป็นต้องสร้างชุดเกราะใหม่ หาเพื่อนใหม่ (อื่นๆ อีกมากมาย)
สรุปแล้ว การที่ภาค 3 หยิบเอาแมนดาริน คู่ปรับตลอดกาลของ IRON MAN มาเป็นตัวร้าย ก็น่าจะสมน้ำสมเนื้อ เช่นเดียวกับ โจ้กเกอร์ใน The Dark Knight แต่นี้กลับทำลายตัวละครนี้ไปเสียอย่างไร้ค่า ดูๆ แล้วก็น่าเสียดาย จึงมาเขียนระบายเป็นกระทู้นี้ครับ
ปล. ขออภัยถ้าหากอ่านดูแล้ว มันออกจะเว้นเว้อไปบ้างนะครับ