เพิ่งมีการปรับเรทเงินเดือนประจำปีค่ะ
ทำงานมา 3 ปี ก็ปรับประมาณนี้ เป็นเรททั้งบริษัท
ปีนี้ก็ได้เท่าเดิม เต็มเรท(ในความคิดของเราและคนส่วนใหญ่)
ซึ่งก่อนหน้านี้จะปรับตามเกรด การทำงานในปีที่ผ่านๆมา
และมีการตัดโดยหัวหน้าประจำหน่วย แล้วให้หัวหน้าแผนกตัดสินใจอีกที
แต่ปีนี้หัวหน้าหน่วยไม่ได้ประเมิน เป็นหัวหน้าแผนกประเมินโดยตรง
ล่าสุด ทราบมาว่ามี 2 คนที่ปรับขึ้นมากประมาณ 10% โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟัง
ส่วนคนอื่นๆ ได้แค่เรทเดิม คนแรกที่เล่าให้เราฟัง เราไม่แปลกใจที่ปรับได้เยอะ
เพราะพี่เค้าเก่งถึงเก่งมาก นำความรู้ความสามารถจากที่ทำงานเดิมมาแก้ไขปัญหาในบ.ได้
ละกำลังถูกโอนตัวไปช่วยงานเพิ่ม งานเดิมที่ทำกันอยู่ก็เยอะ แต่เพราะความสามารถ ทำให้ได้รับมอบหมายงานเพิ่ม
คนนี้เราไม่แปลกใจเลยที่ปรับ สมควรแกความสามารถ
แต่อีกคนเป็นรุ่นน้อง เข้ามาทีหลังเรา 1 ปี คนนี้ความสามารถการทำงาน ไม่ได้โดดเด่นจากคนอื่นๆเลย
เพื่อนร่วมสายงานเค้าทำงานเยอะกว่า แต่ก็ไม่ได้ปรับเท่าเค้า เพียงแต่อีกคนค่อนข้างคิดต่างจากหัวหน้า
เลยอาจจะทำให้ขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ความคิดต่างนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับแผนก
แต่จากที่คุยกะผู้ใหญ่ เค้ามองว่าที่ปรับให้คนนี้เยอะเนื่องจากว่า สายงานนั้น มีคนเป็นงานจริงๆแค่ 2 คน(อยู่แผนกเดียวกัน แต่คนละสายงาน แต่ลักษณะงานทำเหมือนกันกะเรา)
ที่เหลือก็เด็กใหม่ที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะออกไหม พี่อีกคนแพลนแน่นอนว่าจะออกสิ้นปี ซึ่งผลงาน การทำงาน ความรับผิดชอบก็ไม่เท่าไหร่
อีกคนก็คือคนที่คิดต่าง เค้าเลยจำเป็นต้องปรับเพื่อดึงคนนี้ไว้ อีกทั้งบ้านน้องเค้าไกล ขับรถมาทำงานเกือบ 20 กิโล
อาจทำให้เค้าท้อกับการมาทำงาน ค่าน้ำมัน เค้าอาจจะออกไปทำที่อื่น ทำให้สายงานนั้นขาดคน
ส่วนสายงานเรามีคนเป็นงานทั้งหมด และมีความรับผิดชอบดี ทำงานไม่มีปัญหา อีกคนก็มุ่งมั่นแน่วแน่ว่าอยู่ที่นี่ เพราะต้ังหลักปักฐานซื้อบ้าน
อีกทั้งอายุมากแล้ว แต่ไม่ได้พัฒนาอะไรหรอก แต่เข้ากับหัวหน้าได้ดี เข้ากับคนอื่นได้ดี
อีกคนนึงก็อยู่เพราะอยู่มา 10 ปีละ วุฒิก็น้อยแต่ทำตำแหน่งนี้ได้เพราะทำมานาน ชำนาญ และก็คงอยู่ที่นี่
พี่อีกคนนึงที่ได้ปรับ 10 % ก็เก่ง แต่แกบ่นแทบทุกวัน(บ่นกะเรานะ ไม่ให้หัวหน้าได้ยิน) ว่าจะออก ทนไม่ไหวละกับระบบการทำงานที่นี่
คือด้วยความที่เค้าเก่ง ไปที่ไหนก็ได้ ผ่านบ.ที่ทำงานเป็นระบบมาก่อน มาเจอที่นี่เลยเบื่อ ดีหน่อยตรงที่ได้ทำงานใกล้บ้าน ไม่ต้องเช่าที่พัก
ส่วนเรา 2 ปีที่ผ่านมาก็เกรด A นะ (เค้าจะเรียกไปคุยตอนตัดเกรด) โปรเจคอะไรก็ทำและนำเสนอ มั่นใจว่ารับผิดชอบงานได้ดี และแก้ไขปัญหาได้ แต่เราไม่ค่อยเข้าหาหัวหน้า วันๆก็ทำงาน ในที่ทำงานก็ลุยบ้าง ประนีประนอมบ้าง แต่ตลอดเวลาที่ทำงานมาก็ไม่ได้มองหางานใหม่
เค้าจึงมองว่าสายงานนี้ลอยตัวละ ใครออกไปคนนึงก็สามารถทำงานแทนกันได้ ไม่วิกฤติ
พอรู้แบบนี้แล้วเรารู้สึก ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ จากตอนแรกเมื่อก่อนหน้านี้คิดๆอยู่ว่าจะลาออก เหมือนหัวหน้ารองจะรู้ หัวหน้ารองก็บอกไว้ว่าอยู่เหอะ เดี๋ยวบ.ก็มีอันนั้น อันนี้
ให้เราได้ลองเรียนรู้ เรียนรู้ละออกไปก็ไม่สาย จะได้ไปต่อยอด ก็เลยอยู่ๆไปก่อน
แต่ความรู้สึกตอนนี้แย่มาก คืออีกคนเรายอมรับได้นะที่ความสามารถเค้าทำให้ได้ปรับ
แต่อีกคนนี่ไม่เลย ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆเลยอ่ะ เหตุผลเพียงเพราะต้องการดึงคนไว้
ทำใจได้ยาก ตอนนี้ได้แต่คิดว่า เราพอใจกับเงินเดือนของเราไหม ถ้าเราพอใจก็อย่าเอาไปเทียบกับคนอื่น
มันคงเป็นนโยบายของเค้า เค้าคงทำเพื่อประโยชน์ของบ. ถ้าไม่พอใจกับตรงนี้ก็หางานใหม่
ทำไงดี แอบรู้เงินเดือนเพื่อนร่วมงาน
ทำงานมา 3 ปี ก็ปรับประมาณนี้ เป็นเรททั้งบริษัท
ปีนี้ก็ได้เท่าเดิม เต็มเรท(ในความคิดของเราและคนส่วนใหญ่)
ซึ่งก่อนหน้านี้จะปรับตามเกรด การทำงานในปีที่ผ่านๆมา
และมีการตัดโดยหัวหน้าประจำหน่วย แล้วให้หัวหน้าแผนกตัดสินใจอีกที
แต่ปีนี้หัวหน้าหน่วยไม่ได้ประเมิน เป็นหัวหน้าแผนกประเมินโดยตรง
ล่าสุด ทราบมาว่ามี 2 คนที่ปรับขึ้นมากประมาณ 10% โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟัง
ส่วนคนอื่นๆ ได้แค่เรทเดิม คนแรกที่เล่าให้เราฟัง เราไม่แปลกใจที่ปรับได้เยอะ
เพราะพี่เค้าเก่งถึงเก่งมาก นำความรู้ความสามารถจากที่ทำงานเดิมมาแก้ไขปัญหาในบ.ได้
ละกำลังถูกโอนตัวไปช่วยงานเพิ่ม งานเดิมที่ทำกันอยู่ก็เยอะ แต่เพราะความสามารถ ทำให้ได้รับมอบหมายงานเพิ่ม
คนนี้เราไม่แปลกใจเลยที่ปรับ สมควรแกความสามารถ
แต่อีกคนเป็นรุ่นน้อง เข้ามาทีหลังเรา 1 ปี คนนี้ความสามารถการทำงาน ไม่ได้โดดเด่นจากคนอื่นๆเลย
เพื่อนร่วมสายงานเค้าทำงานเยอะกว่า แต่ก็ไม่ได้ปรับเท่าเค้า เพียงแต่อีกคนค่อนข้างคิดต่างจากหัวหน้า
เลยอาจจะทำให้ขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ความคิดต่างนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับแผนก
แต่จากที่คุยกะผู้ใหญ่ เค้ามองว่าที่ปรับให้คนนี้เยอะเนื่องจากว่า สายงานนั้น มีคนเป็นงานจริงๆแค่ 2 คน(อยู่แผนกเดียวกัน แต่คนละสายงาน แต่ลักษณะงานทำเหมือนกันกะเรา)
ที่เหลือก็เด็กใหม่ที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะออกไหม พี่อีกคนแพลนแน่นอนว่าจะออกสิ้นปี ซึ่งผลงาน การทำงาน ความรับผิดชอบก็ไม่เท่าไหร่
อีกคนก็คือคนที่คิดต่าง เค้าเลยจำเป็นต้องปรับเพื่อดึงคนนี้ไว้ อีกทั้งบ้านน้องเค้าไกล ขับรถมาทำงานเกือบ 20 กิโล
อาจทำให้เค้าท้อกับการมาทำงาน ค่าน้ำมัน เค้าอาจจะออกไปทำที่อื่น ทำให้สายงานนั้นขาดคน
ส่วนสายงานเรามีคนเป็นงานทั้งหมด และมีความรับผิดชอบดี ทำงานไม่มีปัญหา อีกคนก็มุ่งมั่นแน่วแน่ว่าอยู่ที่นี่ เพราะต้ังหลักปักฐานซื้อบ้าน
อีกทั้งอายุมากแล้ว แต่ไม่ได้พัฒนาอะไรหรอก แต่เข้ากับหัวหน้าได้ดี เข้ากับคนอื่นได้ดี
อีกคนนึงก็อยู่เพราะอยู่มา 10 ปีละ วุฒิก็น้อยแต่ทำตำแหน่งนี้ได้เพราะทำมานาน ชำนาญ และก็คงอยู่ที่นี่
พี่อีกคนนึงที่ได้ปรับ 10 % ก็เก่ง แต่แกบ่นแทบทุกวัน(บ่นกะเรานะ ไม่ให้หัวหน้าได้ยิน) ว่าจะออก ทนไม่ไหวละกับระบบการทำงานที่นี่
คือด้วยความที่เค้าเก่ง ไปที่ไหนก็ได้ ผ่านบ.ที่ทำงานเป็นระบบมาก่อน มาเจอที่นี่เลยเบื่อ ดีหน่อยตรงที่ได้ทำงานใกล้บ้าน ไม่ต้องเช่าที่พัก
ส่วนเรา 2 ปีที่ผ่านมาก็เกรด A นะ (เค้าจะเรียกไปคุยตอนตัดเกรด) โปรเจคอะไรก็ทำและนำเสนอ มั่นใจว่ารับผิดชอบงานได้ดี และแก้ไขปัญหาได้ แต่เราไม่ค่อยเข้าหาหัวหน้า วันๆก็ทำงาน ในที่ทำงานก็ลุยบ้าง ประนีประนอมบ้าง แต่ตลอดเวลาที่ทำงานมาก็ไม่ได้มองหางานใหม่
เค้าจึงมองว่าสายงานนี้ลอยตัวละ ใครออกไปคนนึงก็สามารถทำงานแทนกันได้ ไม่วิกฤติ
พอรู้แบบนี้แล้วเรารู้สึก ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ จากตอนแรกเมื่อก่อนหน้านี้คิดๆอยู่ว่าจะลาออก เหมือนหัวหน้ารองจะรู้ หัวหน้ารองก็บอกไว้ว่าอยู่เหอะ เดี๋ยวบ.ก็มีอันนั้น อันนี้
ให้เราได้ลองเรียนรู้ เรียนรู้ละออกไปก็ไม่สาย จะได้ไปต่อยอด ก็เลยอยู่ๆไปก่อน
แต่ความรู้สึกตอนนี้แย่มาก คืออีกคนเรายอมรับได้นะที่ความสามารถเค้าทำให้ได้ปรับ
แต่อีกคนนี่ไม่เลย ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆเลยอ่ะ เหตุผลเพียงเพราะต้องการดึงคนไว้
ทำใจได้ยาก ตอนนี้ได้แต่คิดว่า เราพอใจกับเงินเดือนของเราไหม ถ้าเราพอใจก็อย่าเอาไปเทียบกับคนอื่น
มันคงเป็นนโยบายของเค้า เค้าคงทำเพื่อประโยชน์ของบ. ถ้าไม่พอใจกับตรงนี้ก็หางานใหม่