ปาฐกถา "ยิ่งลักษณ์" : ขายชาติ? ช่วยญาติ? รักษาอำนาจ?

กระทู้สนทนา
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หงายไพ่ทักษิณโชว์อย่างอล่างฉ่าง ผ่านปาฐกถาที่เธอไม่ได้เขียนที่มองโกเลีย  อย่าไปโกรธเธอเลยครับ  เธอกำลังทำงานของเธอ เพียงแต่มันไม่ใช่งานเพื่อชาติ เป็นงานเพื่อญาติ ที่อาจเข้าข่าย ‘ขายชาติ’ ในความรู้สึกของใครหลายคน

                ปาฐกถาดังกล่าว เหมือนประกาศนียบัตรรับรอง ‘ความกะล่อนยิ้ม’ และเสมือนเกียรติบัตร ที่รับรองว่ายิ่งลักษณ์มีความสามารถที่จะอ่านมันได้อย่างไม่เคอะเขิน ไม่อดสูใจ ไม่กระดากปากที่กำลัง “ปลิ้นปล้อน” ต่อนานาประเทศที่ไปนั่งฟังอยู่  และประชาชนร่วมชาติที่ ‘รู้เช่นเห็นชาติ’

                1.) ยิ่งลักษณ์ไม่เพียงเดินข้ามเส้น ‘ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า’ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรเท่านั้น  แต่ยังไปสุมไฟเผาประเทศโชว์ ด่าประเทศชาติของตัวเอง เพื่อเรียกคะแนนสงสารให้โคตรญาติของตัวเอง โดยไม่พูดความจริงให้ครบถ้วน  ถ้าเป็นลิเกละคร ก็ควรต้องถามว่า บทที่ยิ่งลักษณ์รับแสดงครั้งนี้ คือบทนางเอกหรือนางยิ้ม  ซึ่งไม่น่าจะตอบยาก

                2.) กระนั้นก็ตาม ยิ่งลักษณ์เป็นเพียง ‘หุ่น’ ตัวหนึ่ง ที่ทักษิณและบริวารช่วยกันชักเชิดอยู่  ในแง่นั้นอาจน่าเห็นใจ  แต่อีกด้านก็เห็นได้ชัด เธอเลวตรงที่ กล้ากล่าวคำกะล่อน โดยไม่ละอายหรือเคอะเขิน  เธอช่วยทักษิณดึงโลกมาล้อมประเทศด้วยคำลวง

                3.) สำหรับผมแล้ว ปาฐกถาครั้งนี้  เป็นแค่ภาพสะท้อนความหวั่นวิตกว่า  ทักษิณกับพวก กำลังกลัวว่า ‘การรัฐประหาร’ จะมาเยือนอีกหน  ซึ่งจะทำให้อำนาจและผลประโยชน์หายวับไปกับตา และหากการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกครั้ง กับสมาชิกในตระกูลชินวัตรคนที่ 3 การขุดรากถอนโคนคงจะเกิดขึ้น  จึงจำเป็นต้องปลุกกระแสให้คนเกลียดชังการรัฐประหาร หวงแหนประชาธิปไตย และอ้างเสียเลยว่าตนเองเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้เสียงข้างมาก แต่งดเว้นที่จะพูดถึงพฤติกรรม การบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว คดโกง และพยายามจะแก้ไขกฎหมายอย่างไม่ถูกต้อง เป็นธรรม

                4.) หนังสือพิมพ์ ‘ไทยโพสต์’ ฉบับวันที่ 18 เม.ย.56 พาดหัวข่าวรองว่า  “ลักไก่ดันนิรโทษพาแม้วกลับ”  เนื้อหาโดยสรุปคือ “...ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยวานนี้ ได้มีมติให้เลื่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯที่นายวรชัย เหมะ เสนอเข้าสู่สภาฯในวันนี้...”

                ข่าวบอกด้วยว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้สไกป์มายังที่ประชุมโดยบอกว่า  “อยากให้พวกเราช่วยกัน เมื่อพรรคและ ส.ส.เข้มแข็ง ก็มีโอกาสสูงที่จะได้กลับบ้านถ้าไม่เข้มแข็ง โอกาสจะได้มาก็น้อย พอไม่ได้กลับบ้านก็หาเสียงยาก เราเถียงกันได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ว่าไปตามกัน และเมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ไม่ขัดข้อง ว่ายังไงก็ว่าตามกัน  ขอให้เข้มแข็งเป็นกำลังใจให้พวกผม เมื่อได้แรง ผมก็จะเป็นกำลังใจให้พวกท่าน

                วันนี้ผมยังว่ายน้ำกลางทะเล พวกที่นั่งฉลองจิบแชมเปญอยู่ริมฝั่งขอให้เบาๆ หน่อย เดี๋ยวไอ้คนอยู่กลางทะเลจะตกใจจมน้ำตายไปซะก่อน

                เราต้องสื่อสารให้ชัดเจน ทุกคนจะได้รู้ว่าการต่อสู้ที่ยาวนานต่อสู้เพื่ออะไร ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราไม่มีความรู้ ฟังแต่คำโกหก ไม่เชื่ออะไรเลย พวกนี้ก็ขยันโกหกด้วย พวกนี้พวกผีเจาะปาก ก็พูดไป ไม่พูดบนความเป็นจริง

            เราต้องช่วยกันแก้ข้อกล่าวหา ไม่อย่างนั้น เขาจะบอกพวกนี้มือมากปากน้อย  อย่าไปเล่นตามเกมเขา ผู้ชนะคืออย่าไปเล่นในเกมเขากำหนด วันนี้คนต่างจังหวัดสนใจการเมือง  คนใน กทม. อาจสนใจน้อย เพราะงานหนัก เมื่อสนใจน้อยก็หวาดระแวง ขี้กลัว”

                หลังจากนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กล่าวอวยพร พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง  คิดสิ่งใดให้ประสบสำเร็จตามความปรารถนา  แล้วก็ลั่นวาจาให้ทักษิณ พอได้ยิ้มว่า“พวกเราจะทำทุกอย่างให้ท่านได้กลับบ้านในปลายปีนี้แน่นอน”

                5.) ชัดเจนว่า บรรดา‘ขี้ข้า’ของทักษิณดิ้นพล่าน ต้องทำงานให้ได้งานตามทักษิณสั่งในทันที หลังข่าวนี้ปรากฎขึ้น  น่าสงสัยว่า ทำไม นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ยอมเอาเก้าอี้ประธานรัฐสถาไปเสี่ยงกับการถูกถอดถอน ด้วยการรวบรัดตัดความ ว่าสภามีมติแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราโดยจะแปรญัตติกันแค่ 15 วัน ทั้งๆที่องค์ประชุมไม่ครบ ไม่นับเป็นมติ

                วรชัย เหมะ ส.ส.เพื่อไทย ก็ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเข้ามาทันที โดยได้รับความร่วมมือจากประธานและสมาชิกเสียงข้างมากลากไป จนกลายเป็นญัติที่ต้องรีบกลับมาพิจารณา เมื่อเปิดประชุมสภาสมัยหน้า

                ส.ส. พรรคเพื่อไทย ส.ว. ที่มาร่วม และตัวพรรค ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และมวลชนเสื้อแดงก็ร่วมกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นประกาศให้ประชาชนจับกุมตัว  โดยที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีบอกว่า เป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา

                ผมจึงประเมินว่า ยิ่งลักษณ์กับปาฐกถายิ้มที่ใครก็ไม่รู้เขียนให้อ่านนี้ เป็นหนึ่งในการเดินหน้าภายใต้แรงกดดันของทักษิณในครั้งนี้นี่เอง

                6.) หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ ของสหรัฐฯ เคยเสนอบทความเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า เป็นคนที่บริหารประเทศไทยอย่าแท้จริง โดยสั่งการผ่านเทคโนโลยี และสื่อออนไลน์ อย่าง "สไกป์"  ทั้งนี้ บทความดังกล่าว ได้อ้างถึงชื่อของ "นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า "ประเทศไทยเหมือนมีนายกฯ 2 คน คนหนึ่งอยู่ในประเทศ ส่วนอีกคนอยู่นอกประเทศ ทั้ง 2 คนทำงานร่วมกัน อันถือเป็นความเข้มแข็ง"

                นอกจากนี้ บทความยังระบุอีกว่า "ส่วนการบริหารวันต่อวันของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ทรงเสน่ห์ ก็คือการตัดริบบิ้นและกล่าวสุนทรพจน์ในงานต่าง ๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามไม่ให้บทบาทของพี่ชายมาบดบัง เมื่อทักษิณร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านสไกป์ นัก ข่าวก็ได้ถามเธอว่า ตกลงใครเป็นผู้นำรัฐบาลกันแน่ เธอยืนยันว่าเธอคือนายกฯ ตัวจริง ทักษิณแค่ร่วมพูดคุยด้วยในฐานะผู้ให้ขวัญกำลังใจ"

                ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างมาก สื่อรายงานว่า 31 มกราคม ที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับหันไปตำหนิ นายจารุพงศ์ว่า "ไปพูดอย่างนั้นได้ยังไง ไม่ได้ๆ " ขณะที่ นายจารุพงศ์ ก็หน้าถอดสี และเดินตามนายกฯ ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

                7.) ยิ่งลักษณ์เองก็จวนตัว  เมื่อพี่สาวคือ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ถูกส่งลงมาประกบ พร้อมกับข่าว ‘นายกฯ สำรอง’  ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า ยิ่งลักษณ์กำลังเพลิดเพลินกับตำแหน่งนายกฯ  จนไม่อยากเอาตำแหน่งไปเสี่ยง ทำงานรับใช้ทักษิณจนเอกเกริกเกินไป  บางคนพูดลอยลมให้ได้ยินกันชัดเจนว่า “ยิ่งลักษณ์เริ่มฟังป๋ามากกว่าพี่” งานนี้ ไม่ทำย่อมไม่ได้  จึงจะเห็นได้ว่า เมื่อยิ่งลักษณ์กลับมา สื่อขอสัมภาษร์ เธอปฏิเสธที่จะตอบในเรื่องนี้

                8.) ยิ่งลักษณ์กล่าวปาฐกถานี้ได้ เพราะเป็นการอ่าน เป็นการสื่อสารทางเดียว ไม่มีสื่อหรือใครคอยซักค้าน  ลองมีสื่ออย่างสมจิตต์ นวเครือสุนทร อยู่ที่นั่นสิครับ อะไรจะเกิดขึ้น

                9.) ในขณะที่ยิ่งลักษณ์อ่านโพยว่า “ในปี 1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งร่างขึ้นโดยที่ประชาชนมีส่วนร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้วและจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหาร”

            หากมีสื่อดีๆ อยู่กับเธอด้วย เขาก็ย่อมต้องซักค้านว่า ถ้ารัฐธรรมนูญปี 2540 ดีจริงๆ ทำไมทักษิณ ชินวัตร จึงดิ้นพล่าน ด่ากติกา ว่าไม่เป็นธรรม ในคดีที่ดินรัชดา ในคดีร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งเป็นกติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว

                หากมีประชาชนดีๆ อยู่ด้วย  เขาจะสวนยิ่งลักษณ์ว่า  หลังมีรัฐธรรมนูญปี 2540 เราไม่เพียงมุ่งหมายว่าบ้านเมืองจะมีประชาธิปไตยที่ดี และไม่มีการรัฐประหารเท่านั้น  เรายังหวังว่าบ้านเมืองจะไม่มีนักการเมืองชั่ว ที่มีจิตใจเป็นเผด็จการ บ้าอำนาจ คดโกง และปลิ้นปล้อนหลอกลวง

                นายคณิน บุญสุวรรณ ถึงกับประจานระบอบทักษิณผ่านหนังสือชื่อ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว”  ที่ตีแผ่พฤติกรรมของรัฐบาลทักษิณ ว่าเจาะไชบิดเบือนรัฐธรรมนูญมาตราต่างๆ เพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้อง จนบ้านเมืองเสียหายขนาดไหน  วันนี้ ถ้านายคณินว่าง ลองเอาไปอ่านออกอากาศทางช่องเสื้อแดงบ้างนะครับ  ถือว่าเป็นการให้เกียรติตัวเอง ให้เกียรติต่อสิ่งที่ตัวเองเคยเขียนไว้

                10.) ในขณะที่ยิ่งลักษณ์อ่านโพยว่า “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ10 ปีกว่าที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา

                หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือ รัฐบาลที่พี่ชายของดิฉันพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

                สื่อมวลชนดีๆ ประชาชนดีๆ ย่อมมีคำถามว่า ทำไมยิ่งลักษณ์เลือกที่จะบิดเบือนประเด็นโดยไม่ให้รายละเอียดว่า พรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค เพราะทำผิดกฎหมาย ที่คนระดับรองหัวหน้าพรรค ไปจ้างพรรคเล็กมาลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกัน เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายการเลือกตั้ง อันเนการแสวงหาอำนาจโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธฺปไตย

                เช่นเดียวกับพรรคพลังประชาชน ที่ถูกยุบ เพราะนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค กระทำการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการแสดงหาอำนาจโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน  
                หากสองพรรคการเมืองดังกล่าวเป็นพรรคการเมืองที่ดีจริงๆ  ทำไมจึงมีกรรมการบริหารพรรคที่มีนิสัยเลวทรามเช่นนั้น  ทำไมไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย  ทำไมไปแสวงหาการได้มาซึ่งอำนาจ โดยไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตยเล่า  เช่นนั้นแล้ว ไม่สมควรที่จะต้องถูกยุบทิ้งไปเช่นนั้นหรอกหรือ

                11.) โดยสรุป โพยที่ยิ่งลักษณ์คาบไปอ่าน เป็นเพียงการหาความชอบธรรมให้แก่สิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันกำลังทำ  นั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มอำนาจรัฐ ตัดอำนาจประชาชน ทั้งเรื่องที่มาของ ส.ว. ว่าควรจะมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น  การตัดระบบการยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทิ้งไป  และประเด็นอื่นๆ ซึ่งมิได้เกิดประโยชน์อะไรแก่ประชาชนเลย

                พร้อมกันนี้ก็กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าปราบปรามประชาชนจนเสียชีวิต  โดยละเว้นข้อเท็จจริงว่า มีการชุมนุมที่มาพร้อมการก่อการร้าย ใช้ความรุนแรง เกินสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และศาลก็สั่งแล้วว่าเป็นการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย

                ผลสอบของคณะอนุกรรมาธิการฯ วุฒิสภา  ผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ผลสอบของ คอป.  ล้วนออกมาตรงกันว่า  ฝ่ายผู้ชุมนุมเอง ก็มีกองกำลังติดอาวุธคอยคุ้มครอง  ผู้เสียชีวิตหลายราย มิได้ตายเพราะอาวุธของฝ่ายทหาร ฯลฯ แต่ยิ่งลักษณ์กลับตีขลุม  เพื่อโยนบาปให้ศัตรูทางการเมืองและกองทัพ  และทิ้งปริศนาไว้ในประโยคที่ว่า  “มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่  รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย”

                คนจึงตั้งคำถามว่า ปาฐกถาครั้งนี้ ยิ่งลักษณ์ขายชาติ ช่วยญาติ เพื่อรักษาอำนาจของตนเองและครอบครัวอยู่หรือไม่?  และน่าคิดว่า ปาฐกถาในเวทีที่ใหญ่กว่านี้ของยิ่งลักษณ์ไม่เคยถูกแปล  ทำไมครั้งนี้แปลและเผยแพร่อย่างเอกเกริก

                กำลังทำฝันของทักษิณให้เป็นจริงด้วยการปลุกระดมผู้คนให้เข้าใจผิด หนุนช่วย และเกลียดชังฝ่ายตรวจสอบใช่หรือไม่  กำลังทำให้การรัฐประหารเป็นวิธีการที่เลวร้าย ไม่ควรเกิดอยู่ใช่หรือไม่ ไม่ว่าเราจะมีรัฐบาลยิ้มเพียงใด ก็อย่ารัฐประหารนะ

                ละครฉากนี้จึงช่วยให้เห็นไพ่ที่หงายขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยความโหก หวงแหน และลุ่มหลงในอำนาจเท่านั้น!!

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/6464

ปล.แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ.....ประชาธิปไตย หรือประชาธิปตรู....เอิ๊ก ๆ ๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่