เรื่องส้น ป.5 : รักคร้งแรก

กระทู้สนทนา
“แอบมองไปเจอฉับพลันนั้นเธอก็เหม่อมองสบสายตา............
ผมเอื้อมไปปิดเทป ทันที ที่เพลงรักครั้งแรกของชาตรี ดังขึ้นท่อนแรกเพลงนี้สำหรับผมมันจะไม่ไพเราะอีกต่อไปแล้ว ทันทีที่ไอ้ป่อง เพื่อนรักร่วมชั้น ป.5ของผม มันบอกกะผมในบ่ายวันนี้ว่า
“กูจอง ลี้ม๊กโช้ว …………ใครมาจีบ มาบอกกูนะ”

“อะไรนะ”  ผมเงยหน้ามองมันตรงๆทำสายตาเซ้าซี้ให้มันยืนยันให้ชัดเจนอีกสักครั้ง ให้มันซ้ำเติมกับผมตรงๆ ไปเลยว่าใช่ แล้วมันก็ยืนยันว่า "ใช่"

สิ้นคำว่าใช่ โลกมันเหมือนจะมืดดับไปต่อหน้าหน้าผมที่เอ๋อเป็นทางการอยู่แล้ว กลับเอ๋อเหรอ เพิ่มขึ้นไปอีก  ไอ้ป่องไอ้รูปหล่อ เพื่อนสาวๆ ในห้อง น่ารัก ๆมีบานเบอะ ทำไมไม่ไปชอบ มาชอบ ลี้ม๊กโช้ว สาวน้อย ปากร้ายจอมแก่น ตัวขาวสูง คนนี้ ทำไม
คนนี้ คือ คนที่ ชอบล้อ ชอบแกล้งเธอ ไม่ใช่เหรอวะ???

ผมไม่กล้าถามมัน มันเป็นเพื่อนรักของผม มันตัวโตกว่าผมมันหน้าด้านกว่าผม มันเป็นหลายอย่างมาก ที่สำคัญมันเป็นขาใหญ่ของห้องผมไม่ได้กลัวเพราะมันเป็นขาใหญ่อะไรแต่ผมเรียกความรู้สึกเหมือนสูญเสียนี้ไม่ถูกในตอนนั้นว่าอะไรกันแน่

“ทำไมวะ ชอบลี้ม๊กโช้ว เหรอ” ป่องถามผมกลับบ้าง มันเป็นนิสัยแย่ๆ ของมัน ชอบถามกลับคำถามเดียวกันตอบยาก ชิบเป๋ง นั่นนะสิ ผมชอบลี้มง เหรอ (ลี้ มงเป็นชื่อสั้นๆที่ผมใช้เรียกของผมเอง ผมมารู้ตอนหลังว่าเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่ผมมีชื่อเรียกพิเศษเป็นการเฉพาะ)
แล้วมันก็หัวเราะใส่หูผม ขณะกอดคอกันเดินไปขึ้นรถสองแถวกลับบ้านเสียงหัวเราะนั้นดูเย้ยหยันยังไงไม่รู้
ไม่แน่นะ ถ้ามันหยุดหัวเราะ รึ มีช่องไฟให้ผมตอบบ้าง ผมอาจตอบว่า
“ปล่าว ทำไม กู ต้องไปชอบ นังร้าย วะ”

แต่เคยมีคนถามกับผมคล้ายแบบนี้แล้วหนนึงตอนที่ผมอยู่ทำเวรหลังเลิกเรียนในสองสัปดาห์ก่อนหน้ากับเธอคนนั้น

ลี้ม๊กโช้ว เป็นชื่อที่เพื่อนๆ ชอบล้อเธอเล่นเป็นชื่อฉายานาม ของเพื่อนหญิงที่ตัวสูงใหญ่ที่สุดในห้อง ปากร้าย และตีต่อยตอบโต้รุนแรง ถ้าใครคิดจะแกล้งเธอ พูดง่ายๆเธอสามารถผลักเด็กหนุ่มร่างสันทัดอย่างผมให้หงายหลัง ได้ไม่ยาก เตะถีบได้คล่องแคล่วไม่กลัวกระโปรงเปิด ยามเธอโมโห เธอบู๊ในสายใจ เอ๊ย สายตาของผมเธอจะงามสง่า องอาจ ราวกับจอมยุทธ์หญิง
แต่เธอไม่เคยทำร้ายผมแบบนั้นแม้ผมจะเคยอยู่ในกลุ่มลูกคู่ที่คอยล้อให้เธอโกรธ ไล่ล่า ด่าทอ บ่อยๆเหมือนเธอจะรู้ว่าผมไม่มีเจตนาจริงจังไปตามน้ำเสียงนั้นและอีกประการก็รู้ว่าไม่อาจปฏิเสธการให้ความร่วมมือกับ พรรคจอมมารของไอ้ป่องได้ผมเป็นคนเดียวในพรรค ที่ไม่เคยได้สัมพัสฝ่ามือเบญจพิษของเธอเลย เธอไม่รู้หรอกถึงเจ็บก็ยังใฝ่ฝัน

แต่เพื่อนคนไหนๆ ก็ไม่เคยระแคะระคาย โดยเฉพาะไอ้ป่อง เพื่อนรักของผมหญิงเจ้าของฝ่ามือเบญจพิษคนนี้ แหละ ที่มาช่วยผมทำเวรตอนเย็นวันพุธ เสมอๆเวรกวาดห้องตอนเย็น ที่ป่อง จอมมารรูปหล่อปล่อยให้ผมทำคนเดียวมาตั้งแต่เริ่มต้นเทอมแรก

ผมเป็นคนหงิมๆ เรียนไม่เก่ง แม้จะตั้งใจเรียนพอสมควร ยังไงเสียก็เรียนเก่งกว่าไอ้ป่องเยอะแยะ ไม่เรื่องมาก ไม่เกเร ไม่มีจุดเด่นอะไรแต่เรื่องปากไม่ตรงกับใจ มารู้ภายหลังว่าผมนี้ถนัดมาแต่อ้อนแต่ออก ส่วน ลี้ มงเป็นลูกทหาร เธอมาโรงเรียนและกลับด้วยรถบัสสวัสดิการทหารสีเขียวคันใหญ่ๆระหว่างรอรถกลับบ้าน เธอจะนั่งทำการบ้าน พร้อมกับ เพื่อนๆ น้องๆ ที่อยู่ในค่าย 6-7คน เธอดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าใหญ่พรรคยุวชนสีขี้ม้านี้

เย็นวันหนึ่งผมตัดสินใจ คุยกับลี้ มง อย่างเป็นเรื่องเป็นราวก่อนที่รถสีเขียวคันใหญ่จะรับเธอกลับไป
“มาช่วยเราทำเวร ทำไม เหนื่อย ปล่าวๆ” ผมถาม
“เธอจะได้กลับบ้านไวๆ ไม่ดีเหรอ” ลิ้ มงพูดพลางกวาดพื้นไปด้วย
“ดีสิ เพราะเธอยกเก้าอี้นักเรียนด้วยมือเดียวได้ช่วยเราได้เยอะเลย”  ผมพูดชมเชยเธอด้วยใจจริง
“เหรอ” ลี้ มง ล้อเลียนผมผมกลับยิ้ม อายๆ ไม่แมนซะเลย ไม่รู้ทำไม

หลังทำเวรอีกสัปดาห์ต่อมา
"เธอชอบเราใช่มั๊ย" ลี้ มง ถามผมตรงซะยิ่งกว่าไม้โปรแทรกเตอร์
" ไม่อ่ะ เรา เป็นเพื่อนกัน" ผมตอบเธอไปแบบนั้นแบบทันทีทันใด แล้วนาทีนั้นมันเงียบไปราวกับแสนล้านปี

ผมทำลายความเงียบนั้นด้วยการบอกความลับบางอย่างของผมให้เธอร่วมเป็นเจ้าของ
“ให้เราเรียกเธอว่า ลี้ มง นะ” ผมบอกเธอเพิ่มว่า ลี้ม๊กโช้ว ดูเป็นนางร้ายเกินไป
“อึ้งย้ง ไม่ดีกว่าเหรอ เป็นนางเอกของ ก๊วยเจ๋ง นะ”เธอต่อรอง สถานการร์กลับมาแจ่มใสเหมือนเดิม
“เราไม่ใช่ ก๊วยเจ๋ง เป็น ไอ้เอ๋อ ไม่เจ๋ง ไม่ซ่าส์แต่ ลี้ มง สำหรับเราเป็นยิ่งกว่านางเอกนะ” คุณพระผมพูดประโยคนี้ออกไปได้ยังไง
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า หน้าแดงซ่านราวลูกท้อหน้าเธอแดงตัดกับรถเขียวๆ ที่มารับในตอนเย็นจวนค่ำอย่างเห็นได้ชัด

จากวันที่เราเริ่มคุยกันวันนั้น การจอง ลี้ มง เป็นแฟนของเพื่อนรักของผม ก็ ไม่ได้มีความหมายอะไรในสายตาผมอีกเลย  
“ไปคุยกับลี้ม๊กโช้วกัน” ป่องชวนผมแต่ผมปฎิเสธ ถึงในใจกลับอยากรู้ว่า ไอ้ป่อง คุยอะไรกับ ลี้ มง บ้างก็เถอะแต่ผมเฝ้าจับจ้องมองเธอมากยิ่งขึ้นๆ

“คุยอะไรกันนัก” ผมถามเธอยามเรานั่งทำการบ้านด้วยกันตอนเย็น
“กับป่องเหรอ” เธอถามกลับผมยิ้มๆ
“ป่องบอกว่า ช่วยทำดีกับ ป่องหน่อยไงเราก็เป็นเพื่อนกัน.
“ป่องก็มาขอลงชื่อในรายงานภาษอังกฤษ กับขอการบ้านไปลอกเท่านี้แหละ”
ผมว่าแล้ว ป่อง ไม่เคยขอลอกการบ้านผมมาหลายสัปดาห์แล้วอย่างนี้นี่เอง

เธอต้องตั้งใจเรียนนะ” เธอบอกผมทุกเย็นก่อนกลับบ้านเป็นประจำ  ผมยิ้มๆ แต่ผมไม่บอกเธอหรอก ผมตั้งใจเรียนมากขึ้นตั้งแต่ผมเริ่มคุยกับ ลี้ มง ผมอยากเรียนเก่งแบบเธอ
ผมอยากให้เธอรู้สึกดี และไม่อยากให้เธอปากจัดด่าว่าใครแรงๆ
ก่อนสอบปลายภาค เจ้าป่อง ก็ไปจีบ จ๊ะโอ๋ สาวต่างห้องที่ชื่นชอบฮี่โร่แบบป่อง หนำซ้ำบ้านอยู่ทางเดียวกัน จึงไปกลับด้วยกันทุกเย็นขณะที่ผม ก็ นั่งเล่น คุยหัว กับ ลี้ มง เปิดเผยมากขึ้น
ป่องบอกผมว่า
“อย่าชะล่าใจนัก กับ ลูกสาวทหาร นะ กล้าๆ หน่อย”
ผมเข้าใจว่า ป่องเปิดทางให้ผมชอบ ลี้ มง ได้เต็มตัวแล้วเพลงรักครั้งแรกในวันนี้ จึง ไพเราะมากกว่าเดิมหลายเท่า

สอบเสร็จ ผมทำข้อสอบได้ฉลุย ผมเล่าให้เธอฟังว่าผมตอบข้อไหนและมาเช็กกันว่า ตอบได้เหมือนกันหรือไม่
ลี้ มง ชมเชยว่าผม เรียนดีขึ้นชัดเจน และบอกผมว่า
“ ป.6 ให้ขยันขึ้นไปอีกนะ จะได้สอบเข้า ม.1 โรงเรียนดีๆ ได้ “ ผมรับปากเธอ
และยื่นสมุดเรียนที่เหลือจากการใช้ ป.5 ให้เธอเขียนชื่อและชั้น ป.6ให้ผม
ลายมือเธอสวยมาก เธอพลิกปกในของสมุดเล่มนึง เธอเขียนข้อความให้ผมด้วยและกำชับให้ผมเปิดอ่านหลังจากที่เธอ ขึ้นรถบัสสีเขียวกลับบ้านแล้ว

ผมไปส่งเธอขึ้นรถถึงบันไดในวันนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนคนหงิมๆ แบบผมได้แต่คิดว่า จะหยุดปิดเทอมคงไม่เป็นไร เธอกุมมือผมราว 1 นาทีตอนที่ผมยื่นมือไปหาเธอข้างหน้าต่าง มันเป็นฝ่ามือที่ผมคอยการสัมพัสมาแสนนาน
ยามรถเคลื่อนออกไป ช้าๆ เธอลอดหน้าต่างมาโบกมือ บ๊ายบาย ผม รอยยิ้มเธอสดใสพยายามชี้มือมาที่สมุด เหมือนให้ผมเปิดอ่านมัน อย่าลืมเชียวนะ
ผมบ๊ายบายเธอ และทำท่าทะเล้นจูบลายมือเธอบนปกในก่อนจะทำท่าอ่านให้เธอเห็น รถบัสทหารแล่นออกประตูโรงเรียนไปแล้ว

“ป.6 เราต้องไปเรียนต่อที่ ลพบุรี นะพ่อเราถูกย้ายไปเดือน พย.นี้แล้ว ทำเกรดเฉลี่ยให้ดีๆเธอเป็นเพื่อนที่เราจะคิดถึงที่สุด ตั้งใจเรียนนะลาก่อน ..............ลี้ มง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่