เพียงครึ่งใจ (บทที่ 32) โดย มานัส

กระทู้สนทนา
เพียงครึ่งใจ (บทที่ 32)



“นนท์จะเล่าเรื่องเด็กคนนั้นให้พี่ฟังได้หรือยัง”

อังคณายังคงคาดคั้นแม้เมื่อฝนที่กระหน่ำก่อนหน้านี้ได้ซาลงแล้ว

“คนไหนครับ” คนเป็นน้องตีหน้าเซ่อ ยิ้มประจบกลบเกลื่อนความรู้สึกทั้งมวล

“รู้จักกันที่สิงคโปร์ใช่ไหม ทำไมนนท์ไม่บอกพี่ แล้วนี่ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร แล้วทำไมวันนี้นนท์ถึงใจดำขนาดนั้น นนท์จริงจังกับเด็กนั้นเหรอ”

อีกแล้วที่คำถามของพี่สาวรัวมาเป็นชุด ราวกระสุนที่กราดใส่

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่ทำงานด้วยกัน”

“นนท์พูดมาไม่ทั้งหมด”

“อ้าว…พอผมบอก พี่นาก็มาว่าอย่างนี้” รอยยิ้มขันจรดใบหน้า กลบความรู้สึกข้างในจนหมดสิ้น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่พี่นาเถอะ เกิดอะไรขึ้นถึงขอมาค้างที่บ้านสองสามคืน”

และคำถามของเขาก็ได้ผล เมื่อผู้เป็นพี่ทำหน้าครุ่นคิด ราวมีเรื่องหนักอกเป็นกังวลใหญ่หลวง น่ากังวลกว่ากรณีของเขามากมายนัก

“เรื่องคุณริตและลูกๆ เขา” อังคณาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พี่เองก็หนักใจเต็มที”

“อะไรเหรอครับ” คิ้วเข้มขมวดสงสัย “เรื่องเงินอีกแล้วใช่ไหม”

“นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่…” คนพูดขบคิดคำนึงถึงความควรไม่ควร หากแล้วก็ตัดสินใจเล่า “โอ๋…โอ๋ท้องจ้ะ นี่ก็ได้สามเดือน ส่วนพ่อเด็กอยู่เมืองไทย แต่งงานแล้ว”

“อ้าว…” คำอุทานสั้นๆ “แล้วจะทำยังไง”

“โอ๋จะกลับมาเมืองไทยอาทิตย์หน้าเพื่อคุยกับพ่อของเด็ก คุณริตอยากให้พี่ช่วยออกหน้า เห็นว่าคุณอารู้จักกับพ่อแม่ของผู้ชาย”

“แต่ธาริตเป็นพ่อของโอ๋นะครับ ควรเลิกเกาะกระโปรงพี่นาเสียที”

“พี่ก็ไม่อยากยุ่งนัก”

“คุณอาคงไม่เอาด้วยหรอกครับ มีแต่เสียกับเสีย กลายเป็นคุณอาอาจมีส่วนทำลายครอบครัวฝ่ายโน้น หรือไม่ก็ทำร้ายคนฝ่ายนี้ ธาริตควรพาลูกตัวเองไปตกลงเรื่องนี้ พี่นาควร…ปล่อย”

ให้ไม่อยากพูด แต่อนรรฆก็ต้องเตือน เพราะธาริตก็ยังคงเป็นธาริตที่เห็นแก่ตัว ลอยตัว เอาตัวรอดกับทุกสิ่ง

“แล้วที่พี่นาบอกว่ามีอีกเรื่องจะคุย มันเรื่องอะไรครับ จะคุยเลยหรือว่ารอคุณอาครับ”

เรื่องบางเรื่องควรเป็นเรื่องระหว่างสองคนพี่น้อง แต่บางเรื่องก็ต้องให้ผู้เป็นอารับรู้

“ก็เรื่องคุณริตน่ะจ้ะ”

อีกแล้ว…ปัญหาของอังคณาก็ไม่พ้นคนๆ นี้

“จะเอากี่บาทล่ะครับ” และปัญหาของธาริตก็มักไม่พ้นเรื่องเงิน

“เงินที่คุณริตได้มาช่วงหลัง มันมากเกิน” หญิงสาวถอนหายใจ

เงิน…น้อยไปก็ทุกข์ มากไปก็ทุกข์

“ก็แสดงว่าเล่น…ได้ หรือไม่ก็ฉลาดลงทุนขึ้น” อนรรฆสรุปง่ายๆ

“นนท์ก็รู้ว่าคุณริตไม่มีดวงทั้งสองด้าน ที่พี่กลัวก็เพราะไม่รู้ว่าได้มายังไง คุณริตพอได้มาก็ใช้มือเปิป ขนาดให้เงินพี่กับอ้อบินไปหานนท์ที่อเมริกา” อังคณาบอกตามความจริง “บางทีเงินเข้ามาเยอะก็ออกไปเยอะ เงินเข้าเงินออกน่ะปรกติ แต่จำนวน…เยอะเหลือเกิน”

“แล้วถามเขาหรือเปล่าว่ามาจากไหน”

“ถามจ้ะ คุณริตกบอกว่าได้ปันผล แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน”

“พี่นาครับ” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างผู้เป็นพี่ ดวงตาจริงจัง ทว่าเห็นใจและสงสาร “ปัญหาของพี่นาอยู่ที่ผู้ชายคนนั้นเพียงคนเดียว ผมไม่ได้ต้องการให้ครอบครัวพี่นาแตกแยก แต่ผมอยากเห็นพี่นามีความสุข ธาริตเป็นอย่างไรพี่นาก็เห็น เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่พี่นาจะยอมรับความจริงได้เสียที มันไม่ผิดหรอกครับที่เราจะกระโดดทิ้งเรือที่รั่วเกินจะซ่อม ฝืนอยู่ต่อไปพี่นาจะมีแต่เสียกับเสีย ที่สำคัญที่สุดคือ…เสียใจ”

อนรรฆกล่าวในสิ่งที่เขาเคยย้ำกับพี่สาวหลายคราในรอบหลายๆ ปี มือของเขาบีบมือผู้เป็นพี่เพื่อให้กำลังใจ ให้ความมั่นใจดังเช่นที่เขามักทำเสมอ คล้ายดั่งการเตือนอีกครั้งว่า

…เรือที่รั่วมาตั้งแต่ก่อนจะออกจากฝั่ง คงไม่สามารถซ่อมเพื่อให้มันลอยไปจนถึงอีกฝั่งหนึ่งได้…

บางทีการสละเรือเสียแต่เนิ่นๆ คือทางออกที่ดีที่สุด






ต้นประดู่ที่ถูกขุดย้ายจากบ้านหลังอื่นเพื่อมาปลูกแทนต้นที่โดนพายุโค่นล้มไปเมื่อหลายปีก่อนนั้น ยังไม่โตพอที่จะให้ความร่มรื่น ทว่าหญิงสาวยังเลือกที่จะนั่งบนเสื่อผืนนุ่มใต้เงาเล็กๆ ของมัน

กางเกงลำลองทำจากผ้าฝ้ายใส่แสนสบายกว่าลองยีที่เธอมักใส่ประจำเวลาออกไปข้างนอก ทำให้การนั่งตรวจรายงานความคืบหน้าของคอนโรในการเตรียมพร้อมสำรวจแหล่งน้ำมันนั้นไม่อึดอัดนักอย่าที่ควรเป็น

เพียงแต่ว่าสมาธิในการทำงานนั้นแสนสั้น เพราะใจมัวแต่จ่อด้วยความคิดเรื่องอื่น

‘ผิดหวังเพราะคุณอนรรฆ แต่ไปให้ความหวังอองเมียทตูมันทำไม’

คำถามของมองก๊กย้ำเตือน วิ่งวนไปมา จนนิหล่าถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เป็นอะไรล่ะนั่น”

เสียงจากด้านหลังทำให้หญิงสาวลุกขึ้น ปรี่เข้าไปประคอง…ท่าน

“ถอนหายใจละห้อยหาใครกัน” คำถามของท่านแทงใจผู้เป็นหลายยิ่งนัก “ถ้าเรื่องอองเมียทตูมันทำให้คิดยากนักก็อย่าเพิ่งไปคิดถึงมัน”

“แล้วทำไมก่อนนี้ทุกคนเร่งให้คิด” น้อยคนนักที่จะกล้าถาม…ท่านตรงๆ

แม้แต่ซินยอผู้เป็นลูกชายคนโต หรือลูกคนอื่นๆ ของท่าน ก็ล้วนเกรง ทว่าหลานย่าคนเล็กของท่านสามารถถามตรงๆ หรือทำได้หลายสิ่งที่หลายคนไม่กล้า

“มันควรจะคิดเพราะเธอหมายหมั้นกันมา อีกทั้งให้คิด…เพื่อที่เธอจะได้ไม่มีเวลาไปคิดถึงใครคนอื่น ว่าแต่ตอนนี้จะเล่าให้ย่าฟังได้หรือยังว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

เพียงแต่ว่านิหล่าส่ายหน้า…ไม่

“คิดว่าย่าไม่รู้?”

“ท่านน่าจะรู้อยู่หรอก แล้วจะให้เล่าทำไมคะ”

“เพราะย่าอยากฟังจากปากของเธอเอง สัญญากว่าฟัง แต่ไม่มีการไป…ยุ่ง”

ท่านรู้ ต่อให้อยากเข้าไปยุ่ง…แต่หลานสาวคนเล็กก็ต้องหาทางปกป้องผู้ชายคนนั้น ด้วยคำขู่อะไรอีกเป็นแน่

อีกทั้งตอนนี้ ยังไม่มีเหตุผลพอที่ต้อง…ยุ่ง เพราะจากที่ฟังมาทั้งซินยอ มองก๊ก และบาเต่ง แต่ละคนก็พูดถึงผู้ชายคนนั้นไปในทางที่ดีมากกว่าเสีย

ให้สามคนนั่นโดนตำหนิหนักหนา ฐานปกปิด รายงานไม่ครบถ้วน แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องที่…เสีย ก็เสีย…เพราะ ‘คนของเรา’ นั่นเอง

แม้แต่คำจาก…คนของเรา ก็ยังพูดถึงเขาในทางที่ดี แววเสียงสะกดความอาลัย อาวรณ์ จนผู้เป็นย่าเกือบสงสาร หากก็ต้องถาม

“แล้วเขาทำอะไรเธอ จนเธอต้องให้ความหวังกับอองเมียทตูทั้งๆ ที่ไม่ได้รัก”

“ไม่ได้ให้ความหวังค่ะ ก็คุยเหมือนเพื่อน”

นั่นคือความจริง เพียงแต่ว่าการคุย การฟัง หรือแม้แต่การอยู่ใกล้อองเมียทตูนั้นใช่ว่า…ใจ ของเธอจะอยู่

เพราะทุกครา…ใจ ของเธอมักคิดถึงอนรรฆ

“ความรักแบบเพื่อนก็คือความรักเหมือนกัน”

“ก็จริงค่ะ แต่ถ้าหนูตกลงต้องแต่งงานกับอองเมียทตู ก็ขอให้ถือว่าทุกเรื่องจบ อย่ายุ่งกับคุณอนรรฆ ห้ามใครแตะต้องเขา อย่าให้เป็นเหมือนริชาร์ด…”

ข้อเสนอ…ข้อต่อรอง ก็ยังเพื่อผู้ชายคนนั้น

และท่านก็ยังไม่รับปาก

“เห็นอองเมียทตูบอกว่าเขาใจดำ ไล่เธอมายืนตากฝนข้างนอก” ถ้าจะมีคนที่พูดถึงผู้ชายไทยคนนั้นในแง่ร้ายก็คงไม่พ้นคนที่เป็นศัตรูหัวใจ “ทำเธอร้องไห้เสียอกเสียใจยกใหญ่”

“อองเมียทตูฟ้องท่านเหรอ” แววตาวาววับไม่พอใจยิ่งนัก “ปากมากเสียจริง”

“อย่าไปโทษอองเมียทตูเลย เขาเป็นห่วงเธอ”

“ห่วงความต้องการของตัวเองมากว่าซิไม่ว่า”

“แล้วผู้ชายคนนั้นห่วงเธอแค่ไหน รักเธอแค่ไหน เสียสละเพื่อเธอได้อย่างที่เธอกำลังทำให้เขาหรือเปล่า” คำถามของท่านทำให้ผู้เป็นหลานคิด และคิดหนัก “เสียสละพอที่จะลดทิฐิฟังเธออธิบายไหม คนรักกันไม่ใช่จู่ๆ ก็ตัดกันง่ายๆ ทิ้งกันง่ายๆ กี่ปีมาแล้วที่เธอหลงรักผู้ชายคนนั้น แต่อองเมียทตูก็ยังคงรักเธอไม่เปลี่ยน รักโดยที่รับได้เสมอไม่สนว่าเธอรักใคร รักเพราะรัก โดยไม่มีเหตุผลอะไรมาเกี่ยว”

“ท่านเข้าข้างอองเมียทตู”

“ย่าเข้าข้างความเป็นจริง เข้าข้างสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ”

“ก็บอกแล้วว่าจะแต่งงานกับอองเมียทตู” นิหล่าหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมากนัก

ถึงอย่างไรก็ยังเกรง…ท่าน

“แต่งงาน…แต่ต้องรัก อย่างน้อยพยายามที่จะรักในความดี ในความจริงใจ ไม่ใช่แต่งงานเพื่อปกป้องผู้ชายอีกคน”

“แล้วจะให้ทำอย่างไร” แววตาโศกดูเศร้านัก “ในเมื่อไม่มีใครยอมให้ได้รักคนที่เรารัก”

“แล้วเขามีคุณค่าพอที่จะให้เธอรักหรือเปล่าล่ะ”





(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่