หัวใจเธอดั่งดอกไม้

กระทู้สนทนา
ผมเริ่มงานแรกในชีวิต  จริงจัง เมือเรียนจบในฐานะ หนุ่มธนาคาร ที่ปัจจุบันล้มละลายหายไปจาก สารบบธนาคารของประเทศไทยไปแล้ว บางครั้งผมเคยหวนคิดไปว่า ผมอาจจะเป็นตัวซวยส่วนเล็กๆ ก็เป็นได้ที่ทำให้ องค์กร สิ่งรอบตัว ย่ำแย่ลง ซึ่ง นั่นรวมถึงเรื่องราวของผมกับมีนด้วย

วัยหนุ่มพาผมเตลิดเปิดเปิงไปกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ท่องเที่ยว เสเพล โดยไม่ตั้งอกตั้งใจเรียน ราวๆ ปีเศษ จึงเรียนจบช้ากว่ากำหนดไปสองปี  เมื่อเรียนสำเร็จเรียบร้อย จึงอยากทำงานที่จ่ายเงินเดือนแน่นอนชัดเจน ผมจึงพับโครงการเป็นทนายฝึกหัด ตามที่พ่อเสนอให้ทำ ด้วยงานนี้มีรายได้ไม่มากนัก แต่ไปรับปากแม่ว่า จะทำงานธนาคารในตัวเมืองแทน

ชีวิตในการทำงานในฐานะหนุ่มธนาคารของผม ก็เริ่มต้นด้วยดี เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ก็ดี กอปร กับผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนมอปลายมาด้วยกัน ทำงานอยู่ที่นั่นก่อนด้วย จึงทำให้ผมปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ไม่ยาก ได้ฝึกงานเวียนไปครบเกือบทุกๆฝ่าย จนผมได้ไปฝึกงานกับมีน

มีน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมครับ ตัดผมม้า ร่างระหง สมส่วน เธอทำงานในตำแหน่งบัญชีมาก่อนหน้าผมราว 3 ปี และบัดนี้เธอเป็นผู้ช่วยสมุห์ โดยตำแหน่งค่อนข้างอาวุโส เธอจะกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอๆ ทั้งกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน แต่ผมก็รู้สึกได้ดีว่าเพื่อนๆ ทุกคน ต่างก็ให้ความนับถือเธอในการทำงานอย่างรอบคอบ จริงจัง

เธอสอนผมเรื่องการ สรุปแยกยอด เช็ค การลงบัญชี ต่างๆนาๆ อย่างหลังนี้ ต้องยอมรับว่าโดยพื้นฐานผมเรียนสายศิลป์ ภาษา แม้มีนจะบอกว่า มันเป็นคณิตศาสตร์พื้นฐาน ภายใต้โปรแกรมที่ธนาคารวางไว้ให้ ไม่ยากเลย  แต่ นั่นก็ยังเป็นเรื่องยาก ของคนสมองขี้ไก่อย่างผมอยู่ดี หลายวันที่เธอเทรนผม เธอคงจะจับสัญญาณของพนักงานใหม่อย่างผมออก ว่า ไอ้ที่รับปากว่า ครับๆ เข้าใจๆ เป็นๆ นั้น ไม่จริง เลย และเป็นเธอเองที่จะต้องมาไล่ตัวเลข ปิดบัญชีเจ้าปัญหาของผมในบางวันจนค่ำ

วันซ้อมและรับพระราชทานปริญญา เป็นเรื่องทุกข์ใจของผมในตอนนั้น เพราะดูเหมือนจะมีกฎห้ามพนักงานใหม่ลากิจ เป็นมีนนี่เองที่เข้าไปคุยกับผู้จัดการให้ผมลาได้ 1 อาทิตย์เต็มๆ โดยไม่ต้องกังวล เรื่องสิทธิ เรื่องหักเงิน จะไม่ผ่านทดลองงาน อะไรเหล่านั้น  และเมื่อผมกลับมาทำงานหลังจากลาไปหลายวัน ผมก็เห็นของขวัญกล่องหนึ่งวางอยู่ที่โต๊ะ โดยไม่ลงชื่อว่าใครเอามาให้ ผมร้องถามใครๆ ก็ไม่มีใครรู้ เมื่อผมบรรจงแกะออกดู มันเป็นเนคไทด์ สีกรมท่าเนื้อดี เรียบหรู มียี่ห้อ แตกต่างจากไทด์เส้นละ 99 บาท ที่ผมผูกคอมาทำงานทุกวัน

จนสายๆ  ความสงสัยผมก็ถูกเฉลย เมื่อมีนโทรแสดงความยินดีและถามว่าชอบเนคไทด์เส้นนี้  หรือปล่าว ผมบอกแต่เพียงว่า ขอบคุณมากครับ เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าชอบหรือไม่อย่างไร แม้ในใจผมจะยอมรับว่าชอบมันมาก มันเป็นเนคไทด์ที่สวยที่สุดในชีวิต แต่ก็ยังคาใจว่าการให้ของขวัญคนอย่างผม จะต้องเป็นความลับทำไม

มื้อกลางวันมื้อนั้น เธอ ชวนเพื่อนๆที่สนิทกันไปกินข้าวราว 5-6 คน ส่วนใหญ่เป็นพี่ๆ เพื่อนสาว ในแบ๊งค์  และกึ่งบังคับชวนผมไปกินด้วย โดยบอกว่าเป็นการเลี้ยงฉลอง ผมจำได้มื้อนั้นได้ไม่ลืม เป็นอาหารอีสาน ร้านอยู่ในตรอกข้างตึก ซึ่งอยู่ห่างจากธนาคารไปราว 100 เมตร ผมกินส้มตำปูปลาร้า ซึ่งคลุกเส้นขนมจีนเป็นครั้งแรก เพราะมีนตักให้ โดยไม่ต้องรอให้ผมบอกว่าผมกินปลาร้าเป็นหรือปล่าว มีนเมื่อยามอยู่ตรงข้ามกับผมในเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ เธอไม่เหมือนนักบัญชีที่เคร่งเครียด เธอไม่เหมือนกับคุณมีน ของลูกค้าในธนาคารที่แอร์เย็นฉ่ำคนนั้นเลย ภาพที่เธอกินส้มตำตรงหน้าเป็นภาพความทรงจำที่งดงามเสมอ ยามผมขับรถผ่านหน้าตรอกส้มตำร้านนั้น

ราวสายลมแห่งความรักจะพัดผ่านมาทางธนาคารที่ผมทำงานอยู่ ผมกับมีน เราเริ่มสนิทสนม คุ้นเคยกัน จนมาไล่เรียงอายุกันภายหลัง เธอให้ผมเรียนเธอว่ามีนเฉยๆ ได้ โดยตัดคำว่า คุณ ที่เป็นตัวคั่นความสนิทสนมของเราทิ้งไป และตัดเพื่อนๆ ที่ตามแห่ไปกินข้าวกลางวันเป็นโขยง จนเหลือผมกับมีนสองคนในที่สุด

ราว 6 เดือนถัดมา วันหนึ่ง ผมได้รับจดหมายเรียกตัวไปทำงาน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ตำแหน่ง รองผู้จัดการฝ่ายบุคคล ดูแลเรื่องประกันสังคมและการจ้างงาน ผลประโยชน์ตอบแทนดี ทั้งเงินเดือน และที่พัก  หัวใจผมลิงโลดไปในสิ่งท้าทายใหม่ๆ จนอดใจไม่ไหวที่จะบอกข่าวที่ผมคิดว่าเป็นข่าวดีนี้กับมีนในเย็นวันหนึ่ง

เธอมีสีหน้าตกใจ เมื่อฟังผมเล่าจนจบเรื่องงานใหม่ ผมคาดว่ามันดูเหมือนจะเป็นข่าวร้ายของเธอ จากการที่เธอดูไม่อร่อยกับอาหารเวียดนามเหมือนเคย ท้ายที่สุด เธอก็ยังยิ้มสดใส สนับสนุนผมให้ไปคุย  ให้ไปไต่ตำแหน่ง ไต่เงินเดือนตามที่ผมต้องการ

หนึ่งวันก่อนที่ผมจะเก็บของออกเดินทางอีกครั้ง ในเส้นทางคนโรงแรม ผมไปหามีนที่บ้าน หลังเล็กๆ ที่อยู่ในบริเวรเดียวกันกับครอบครัวของเธอ

ผมเอาเสียมไปขุดดินปลูกต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ที่เธอซื้อมาสองอาทิตย์แล้ว ต้นไม้ที่รอผมไปขุดปลูกให้ จากนั้น เธอก็ทำผัดไทย ให้ผมกิน เราคุยกันไม่มาก แต่หนักไปทางอวยพรให้กันและให้โทรศัพท์มาหาบ่อยๆ แล้วผมก็เดินทางไป

ผู้ชายข้าวเปลือก ผู้หญิงข้าวสารโบราณว่าไว้ คำนี้เหมาะกับผมที่สุดในวัยนั้น ยิ่งนานวัน ความห่างไกลทำผมห่างกับมีน ในแทบทุกมิติ  ผมไม่กล้าสู้หน้าเธออีกเลย
ผมเป็นข้าวเปลือกที่ไปงอกในสิ่งแวดล้อมใหม่ สัมพันธ์กับคนใหม่ พร้อมกับการที่ ข้าวเปลือกพันทาง ราคาถูกอย่างผมทำข้าวสารพันธ์ดี ขาวบริสุทธิ์ หม่นหมองไป

ด้วยความโง่เขลา ไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ และความอ่อนแอที่จะตระหนักรับรู้ในบางสิ่งบางอย่างของตัวผมเอง

ถึงวันนี้ ผมอยากให้วันวานของ ถ้อยคำ อันหอมหวาน เหมือนดอกไม้ ทั้งของผมและมีนได้เติบโตไปเหมือนต้นมะม่วงที่เธอให้ผมปลูก  ให้ความงอกงามแห่งเวลารักนั้นเป็นอมตะ ชูใจเธอและขอเป็นความทรงจำเพียงด้านเดียวให้เธอจดจำเกี่ยวกับผม

เมื่อสายลมแห่งรักพัดผ่านมา จะอีกกี่ครั้ง ในชีวิต ผมก็จะเอา ด้านของผู้กระทำแต่เจ็บช้ำยิ่งกว่าไปรับมันเอาไว้ และบอกกับตัวเองเสมอว่า
อย่าทำอย่างนี้อีกไม่ว่ากับใคร อย่าทำร้ายหัวใจใคร  ...ด้วยคำว่ารักอีกเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่