สายใยรักเสื้อกาวน์สีขาว บทที่ 7 ตอนเด็กติดเน็ทเส้นเลือดอุดตัน เกือบตายเพราะเลือกหมอผิดแผนก

กระทู้สนทนา
ฉากนี้ คนที่อ่านเรื่อง ยุ่งนักรักคนเสื้อกาวน์ คงเคยอ่านมาแล้วเมื่อ ปลายปีที่แล้ว ตอนหมอโยเซฟกับหมอพิมพืดาว แต่เนื่องจากมีปัญหาว่าเรื่องยุ่งนัก ยาวมาก จึงตัดคู่หมอโยเซฟมาอยู่ในเรื่องสายใยรักเสื้อกาวน์แทน)
ฉากนี้ไม่ได้อ้างอิงเรื่องจริงที่ไหน เพราะโพสตืไว้นานแล้ว ในพันทิพ และในสายใยรักเสื้อกาวน์ก็โพสตืไว้ตั้งแต่ มกราคมต้นปีค่ะ
ที่ลิงค์นี้
http://writer.dek-d.com/nongnoi-engja/writer/view.php?id=876887
เป็นฉากต่อจากตอนที่แล้วค่ะ
เรื่องที่แต่ง คือเรื่องที่อาจพบได้ แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่คิดจินตนาการตามหลักวิชาการ ส่วนความเวอร์ มหัศจรรย์เป็น ตามแบบนิยายค่ะ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องจริง

ความเดิมตอนที่แล้ว
แพรวาเป็นศัลยแพทย์ฝีมือดี แต่มีความรักความหลังกับ พสุธาหรือพี่ดิน ที่ขณะนี้โด่งดังในฐานะนักแข่งรถชื่อดัง แชมป์โลกคนแรกของประเทศไทย

ใช้ชื่อ เคลย์ รัชตะ
เอื้อมเดือนเป็นเพื่อนพยาบาล ที่สนิทกับแพรวาหรือหนูนางแต่เด็ก เอ้อทมเดือนแอบรักพสุธา
เมื่อพสุธากลับมาจากต่างประเทศ เพราะเห็นอาจารยืหมออธิคม ที่เขาเข้าใจว่าเป็นสามีของแพรวา กับหญิงอื่นในโรงแรมใจกลางกรุงแมดริด เขาเป็นห่วงแพรวา
จึงกลับมา เมืองไทย
แพรวาได้ช่วยชีวิตคนไข้ที่เป็นเส้นเลือดหัวใจอุดตันจนรอดพ้นไปทำบอลลูนได้ แม้จะถูกนล นันทกานต์ คนที่ญาติให้ความเคารพ เข้าใจผิดด้วย  

หมอพิมพ์ดาวเป็นสูติแพทย์รุ่นพี่แพรวา แต่สองคนสนิทกันเพราะพิมพ์ดาวพักคอนโดห้องข้างๆกับแพรวา มารับแพรวาที่อยู่เวรโรงพยาบาลเอกชนแทนเพื่อน
แพรวาเจอเคสหญิงชรา อุบัติเหตึกลางถนน จึงช่วยชีวิตไว้ แต่เมื่อพามาโรงพยาบาล ผอ.กลับไม่กล้าเสี่ยงให้ผ่าตัด
เพราะคนไข้อาการสาหัสและไม่มีญาติมารับผิดชอบ กลัวจะมีปัญหา แต่แพรวาเห็นว่าถ้าไม่ผ่าตัด คนไข้จะเสียชีวิต จึงรับผิดชอบเองทุกอย่าง
แต่กลายเป็นว่าคุณยายเป็นณาติกับ นล นันทกานต์ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง
ผอ.จึงเอาความดีเข้าตัว ความชั่วยกให้แพรวา นลจึงพูดจากระแนะกระแหนแพรวา

เมื่อกลับมาโรงพยาบาล หมอสองคนต่างแยกย้ายกันไปดูคนไข้ตัวเอง

ต่อ*************************************

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเพชรธานี ทั้งสองหมอต่างแยกย้ายกันไปดูคนไข้ในแผนกของตัวเอง พิมพ์ดาวไปราวด์วอร์ดนรีเวช หลังสั่งออเดอร์เรียบร้อย กำลังจะลงไปออกตรวจคนไข้โอพีดี หากยังไม่ทันพ้นประตู

กนกอรพยาบาลวอร์ดสูตินรีเวชก็เรียกไว้


"หมอพิมพ์คะ หมอพิมพ์"

ร่างท้วมของพยาบาลสาววิ่งตามมายื่นโทรศัพท์ไร้สายให้ รายงานว่า "มีคนไข้รีเควสที่ห้องฉุกเฉิน"

"หมอพิมพ์ค่ะ" หญิงสาวกรอกเสียงลงไป "อ้าว คนไข้หอบทำไมไม่ส่งให้แผนกอายุรกรรมดูล่ะคะ...อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวหมอลงไป"

"เคสอายุรกรรมหรือคะ" กนกอรถามหลังจากรับโทรศัพท์คืนจากหมอพิมพ์ดาว
"ลูกสาวคนไข้ที่หมอเคยผ่าตัดไว้ เลยอยากให้เราไปดูก่อน"
พิมพ์ดาวอธิบายก่อนจะเดินออกมากดลิฟต์ลงไปห้องฉุกเฉินซึ่งอยู่ชั้นล่างสุด

ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเพชรธานีเป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้าง เพดานสูง สว่างไสวเย็นตาด้วยแสงสีขาวนวลของหลอดไฟนีออนยาวหลายดวงเหนือเพดาน

แม้จะเป็นห้องปิด ไม่มีหน้าต่าง หากการที่เป็นห้อง ที่มีมิติของพื้นที่ กว้าง ยาวและสูง ซ้ำยังเชื่อมต่อกับด้านหลังของห้องตรวจผู้ป่วยนอกแผนกอยุรกรรมหลายห้อง  รวมทั้งประตูกระจกฝ้าทางเข้าออกจากด้านหน้าและด้านในโรงพยาบาล ที่เปิดเข้าออกเกือบตลอดเวลา และแอร์ที่เปิดจนเย็นฉ่ำ

ทำให้บรรยากาศไม่ดูอึดอัด อีกทั้งเครื่องใช้ภายในก็มีเท่าที่จำเป็น เช่นเตียงนอนกึ่งรถเข็นของผู้ป่วยห้าหกคันวางชิดฝาผนังด้านหนึ่ง แต่ละเตียงมีม่านพลาสติกรูดปิดจากราวล้อเลื่อนบนเพดานลงมาเกือบชิดพื้นด้านล่าง กั้นแยกเป็นส่วนตัว

          มุมผนังด้านในสุดมีซิงค์น้ำล้างมือและทำความสะอาดเครื่องมือแยกส่วนกัน  นอกจากนี้ก็เป็นรถเข็นวางเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์  และยาสำคัญใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น เครื่องกระตุกหัวใจหรือเครื่องช็อกไฟฟ้าวางแอบไว้ตรงมุมหนึ่งที่สามารถดึงมาใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว  

ด้านตรงข้ามเตียงผู้ป่วยมีโต๊ะเก้าอี้ สำหรับหมอ พยาบาลนั่งทำงานสามชุด เรียงติดกัน พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลเดินกันขวักไขว่ ในขณะที่แพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉินมีเพียงคนเดียว

บนโซฟามีล้อเลื่อนด้านติดกับประตูทางออก หมอหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาวหน้าตาดี สวมแว่นตาไร้กรอบสีเงิน กำลังนั่งคุยกับคนไข้ชายวัยกลางคนท่าทางเคร่งเครียด

          “ที่คุณเหนื่อยหอบเพราะลิ้นหัวใจรั่วมาก ต้องทำผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม ไม่อย่างนั้น คุณก็จะเข้าๆออกโรงพยาบาลบ่อยๆเพราะน้ำท่วมปอด”

          “ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ครับคุณหมอ” คนไข้ถาม ด้วยท่าทางเกรงใจ

          “ประมาณห้าแสน ถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน” หมออธิบายตรงไปตรงมา

          “โหแพงจริงๆ” คนป่วยส่ายหน้าอย่างจนปัญญา  “ผมไม่มีเงินหรอกครับ ขอประวัติไปรักษาประกันสังคมเถอะครับ”

          หน้าตาหมอยังคงนิ่ง แม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจก็ตาม เขารึ อุตส่าห์ตรวจหาสาเหตุจนรู้สมมติฐานของโรค ถึงขั้นให้การรักษาที่ถูกต้องแล้ว แต่คนไข้กลับขอย้ายไปรักษาที่อื่น

          ระหว่างนั้นเสียงประตูด้านที่ต่อกับโถงกว้างแผนกผู้ป่วยนอกเลื่อนออก

ศูนย์บริการในชุดขาวเหมือนบุรุษพยาบาล กำลังเข็นคนไข้ใหม่ผ่านเข้ามา ยังไม่ทันที่ประตูจะเลื่อนปิด แพทย์เวรห้องฉุกเฉิน พยาบาลก็กรูกันเข้าไปรุมล้อมทันที

          “เป็นอะไรครับ” หมอเวรซักประวัติอย่างคล่องแคล่ว

“ญาติเจาะจงคุณหมอพิมพ์ดาวครับ” ศูนย์บริการชี้แจง หมอเวรจึงถอยกลับ เหลือแต่พยาบาลซักถามญาติและตรวจวัดสัญญาณชีพ

หมอโยเซฟที่กำลังหงุดหงิดเรื่องต้องเสียเวลาเขียนประวัติคนไข้เพื่อส่งต่อไปรักษาโรงพยาบาลประกันสังคมเหล่ตามองเด็กสาวที่น่าจะยังอยู่ในวัยเรียนบนรถเข็นคันใหม่แวบหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อเจ้าของไข้

หมอพิมพ์ดาว

ก่อนจะยักไหล่ ไม่สนใจ ก้มเขียนจดหมายส่งตัวคนไข้ต่อ

“เตรียมฟิล์มเอกซเรย์ ผลเอคโค่กับผลเลือดทั้งหมดให้คนไข้ด้วย” ชายหนุ่มสั่งพยาบาล พลางยื่นกระดาษจดหมายที่เขาสรุปข้อความสั้นๆแต่ใจความสำคัญไว้ในนั้นให้พยาบาล ก่อนจะเดินอย่างเร่งรีบออกจากห้องฉุกเฉิน  
  
ประตูกระจกอัตโนมัติห้องฉุกเฉินเลื่อนออก

พิมพ์ดาวมัวแต่เดินก้มหน้าก้มตาครุ่นคิดแผนการรักษาเคสที่เพิ่งได้รับรายงานมาจึงไม่ทันเห็นร่างสูงใหญ่ที่กำลังพุ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางหัวเสีย ร่างเล็กแบบบางจึงชนกับร่างใหญ่จนเซถอยหลังทำท่าจะหงายหลังลงไป หากมือใหญ่จะไม่รีบคว้าไว้ก่อน

"โย"

"พิมพ์"

          ยามเผลอไผลต่างเรียกชื่อที่เคยคุ้นตั้งแต่สมัยยังเป็นคู่รักหวานชื่นต่อกัน

หากแวบเดียวตาเรียวเปลือกตาชั้นเดียวภายใต้แว่นสายตาก็กร้าวดุขึ้นมาทันที

          "หมอสูติมีเคสอีอาร์ด้วยหรือ" ชายหนุ่มถามเสียงเยาะ

          พิมพ์ดาวไม่ตอบ เพียงเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินเฉียดผ่านเขาไป

          หากไม่จำเป็น หมอพิมพ์ดาวจะพยายามอยู่ห่างไกลหมอโยเซฟมากที่สุด

          หล่อนไม่อยากมีปัญหากับวิชุดาหัวหน้าแผนกเอกซเรย์ภรรยาหมอโยเซฟ

          "คนไข้อายุสิบเก้าปี ความดันร้อยกับเจ็ดสิบ ชีพจรร้อยยี่สิบห้าครั้งต่อนาที รู้ตัวดี แต่หายใจเร็วตลอด"

          พยาบาลห้องฉุกเฉินรีบรายงานสัญญาณชีพที่จำเป็นทันทีที่หมอพิมพ์มาถึง

          "สวัสดีค่ะหมอพิมพ์" มารดาคนไข้ยกมือไหว้หมอ การเรียกชื่อเล่นของหมอแสดงว่าคงสนิทกันอยู่ในระดับหนึ่ง "พี่ขอคุยกับหมอสักครู่ได้ไหมคะ"

          "ได้ค่ะ" พิมพ์ดาวพาแม่ของเด็กสาวผู้เป็นคนไข้มายืนคุยใกล้ซิงค์น้ำล้างมือ เพื่อไม่ให้เด็กสาวบนรถเข็นได้ยิน "ลูกสาวคนโตของพี่เอง แกมีประวัติเข้าๆออกโรงพยาบาลเรื่องนี้หลายรอบเต็มที" ท่าทางแม่เด็กดูจะเอือมระอาลูกสาวไม่น้อย

"เด็กเป็นอะไรคะ"

"เป็นโรคหอบจากอารมณ์ หมอเขาเรียกว่าโรคไฮเปอร์อะไรนี่แหละค่ะ"

"อ๋อ ไฮเปอร์เวนทีเลชั่น ซินโดรมค่ะ" หมอพิมพ์ดาวช่วยเสริม

"ใช่ค่ะ แกมักจะมีอาการก็ต่อเมื่อโดนขัดใจ โดยเฉพาะเวลาไม่ให้เล่นคอม หมอว่าถ้าอยู่บ้าน มีอาการไม่ต้องตกใจ ให้แกหายใจช้าๆ ถ้าไม่ดีขึ้น ก็ให้เอาถุงกระดาษครอบที่หน้าไหว้ แล้วจะค่อยๆดีขึ้นเอง ถ้ายังไม่ดีถุงขั้นมือจีบเกร็งค่อยพามาฉีดยา"

หมอพิมพ์ดาวพยักหน้าเข้าใจ ชำเลืองไปที่พยาบาลก็เห็นกำลังปลอบเด็กให้หายใจเข้าออกช้าๆ ในมือมีถุงยาของโรงพยาบาลเตรียมครอบปากและจมูกของเด็ก
หล่อนทำท่าจะผละไปตรวจ แต่แม่เด็กดึงแขนไว้ แอบกระซิบเพิ่มว่า

"วันนี้ที่เกิดอาการอีก เพราะเด็กเอาแต่เล่นคอม แชตกับเพื่อนทั้งวัน ข้าวปลาไม่กิน น้ำท่าไม่อาบ น้องสาวพี่ น้าเด็กน่ะค่ะตามไปกินข้าวก็ไม่ยอมไป เลยทะเลาะกัน แล้วก็มีอาการอย่างนี้แหละค่ะ"

"อ้าว แล้วไม่ลองทำอย่างที่หมอสั่งดูล่ะคะ"

"น้องสาวพี่บอกว่าเด็กโกรธมาก นี่แหละพี่เลยอยากขอร้องหมอให้ช่วยบอกกับแกหน่อยว่าอาการที่แกเป็นนี่เกิดจากการเล่นคอม แกจะได้เลิกบ้าเสียที ไม่รู้จะแชตอะไรกันนักกันหนาทั้งวัน"

หมอไม่ตอบเพราะโรคนี้คงไม่เกี่ยวกับการนั่งเล่นคอม แต่ถ้าขัดใจไม่ให้เล่นนั่นต่างหาก ถึงจะเป็น

พิมพ์ดาวเดินมาหยุดที่ข้าวเตียงคนไข้ ถามด้วยน้ำดสัยงนุ่มนวลว่า"หนูเหนื่อยตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ"

"สัก...ครึ่งชั่วโมง...นี่เอง" เสียงคนไข้ตอบกระท่อนกระแท่น ทรวงอกเด็กสาวกระเพื่อมขึ้นลงถี่เร็ว หมอพิมพ์พยักหน้าให้พยาบาลใช้ถุงครอบปากและจมูกเพื่อให้แก็สคาร์บอนไดออกโซด์ที่หายไปจากการขับออกทางลมหายใจกลับเข้ามาใหม่ เพื่อปรับสมดุลย์กรดด่างในร่าวกาย หากคนไข้เอามือปัด ท่าทางกระสับกระส่ายมากขึ้น

"หนูเหนื่อยจริงๆ...ไม่เหมือนคราว..ก่อน..เจ็บหน้าอก...ช่วยหนูด้วย" เสียงเด็กเหมือนคนกำลังขาดอากาศหายใจ

"หมอจะฉีดยาให้หนูเข็มหนึ่งนะจ๊ะ ตื่นมาจะได้สบายกลับบ้านได้" พิมพ์ดาวปลอบโยนคนไข้ ก่อนจะหันไปสั่งพยาบาล "ฉีดไดอะซีแพมสิบมิลลิกรัมไอวี"

พิมพ์ดาวสั่งฉีดยานอนหลับคลายกังวลทางเส้นเลือด ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เพื่อให้คนไข้สงบ จะได้หายใจช้าลง

แต่พยาบาลยังไม่ทันถอนเข็ม เด็กสาวก็หยุดหายใจฉับพลัน ตาเหลือกค้าง

เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

แม่เด็กร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นห้องฉุกเฉินจนหมอหลายคนที่กำลังดูคนไข้บนเปลเข็นข้างๆพลอยโผล่หน้าจากม่านกั้นเตียงมาดูด้วย แต่ทุกคนก็หันกลับไปทำงานของตัวเองต่อเมื่อเห็นว่ามีหมอเจ้าของไข้รับผิดชอบอยู่แล้ว

คนไข้ในห้องฉุกเฉินหัวใจหยุดเต้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เห็นกันจนชิน

หากพิมพ์ดาวเป็นหมอสูติ  คนไข้แอเรสหรือหัวใจหยุดเต้นต่อหน้าต่อตาน้อยมาก แทบจะไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำต่างจากหมออายุรกรรมซึ่งคุ้นเคยกว่า หล่อนจึงตกใจมือไม้สั่น

"สงสัยหยุดหายใจจากยา" พยาบาลคาดเดา แต่เมื่อเห็นท่าทางหมอ จึงตัดสินใจเรียกระดมพลหน่วยกู้ชีพ

"ทีมเซเวียร์ที่ห้องฉุกเฉิน ทีมเซเวียร์ที่ห้องฉุกเฉิน" เสียงประกาศโคดเรียกหน่วยกู้ชีพมารวมกันที่ห้องฉุกเฉินดังลั่นไปทั้งโรงพยาบาล

พิมพ์ดาวพยายามใส่ท่อช่วยหายใจ ท่าทางยักแย่ยักยัน เนื่องจากหล่อนเป็นหมอสูติจึงทุลักทุเลพอสมควร

พยาบาลก็เพิ่งเอาเครื่องมอนิเตอร์หัวใจ กับออกซิเจนมาติดไว้ เพราะทีแรกไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่

แค่โรคอ้อน อยากให้คนเอาใจ ใครจะคิดว่าจะถึงกับหยุดหายใจ

และหัวใจหยุดเต้น!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่