นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพราะโชคช่วย...
แต่เป็นเพราะถูกวางหมาก ว่าจะต้องให้ “คนอย่างเธอ” เท่านั้น เข้ามาเป็นนายกฯ
เพื่อทำตัว “ปูกรรเชียง” - “ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” หรือแม้แต่ทำเหมือน “ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำให้ประเทศชาติเละเทะป่นปี้เพียงใด”
ถ้าเป็นคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขชินวัตร อาจจะมีสมอง มีสติปัญญา หรือมีจิตสำนึกพอที่จะเกิดความรู้สึก “ละอายต่อความชั่ว” หรือ “เกรงกลัวต่อบาป”
ความรู้สึกนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากการอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก่อนจะบินไปประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 27 เมษายน โดยยังคงให้ท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังก่อการ ใส่ร้าย กดดัน ข่มขู่ คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดประกาศใช้กำลังจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
1) นางสาวยิ่งลักษณ์อ้างว่า การชุมนุมเรียกร้อง หากอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และความสงบ ก็เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ทำได้ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกระดับการชุมนุม ปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าทำเกินขอบเขตของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่? นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมตอบคำถามนี้
ขณะเดียวกัน บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย ก็แสดงท่าทีไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ถึงขั้นเตรียมออกจดหมายเปิดผนึกอย่างเป็นทางการ
แถมพรรคเพื่อไทยยังเปิดเวทีการเมือง กล่าวปราศรัยโจมตีศาลรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง
แบบนี้ ก็ไม่ต่างกับนายกรัฐมนตรีกำลัง “ให้ท้าย” การเคลื่อนไหวสอดรับกันเพื่อโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ
เพราะในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารของประเทศ นายกรัฐมนตรีจะต้องดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ป้องปราม มิให้ผู้คนกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้สามารถปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ถูกคุกคามกดดันเช่นนี้
2) ถ้าเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ สมัยที่ยังเดินเข้าไปส่งเสบียงให้ม็อบเสื้อแดง หนุนส่งให้ล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ หากจะพูดเช่นนี้ก็คงจะไม่มีใครสนใจถือสาหาความกะไร
แต่วันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์มีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ
ถ้าใครบอกให้พูดแบบนี้ แล้วเธอยอมพูดตามโดยไม่รู้เรื่อง ก็ถือว่าโง่
แต่ถ้ารู้ว่าเสื้อแดง ทำเกินกว่าขอบเขตกฎหมาย แล้วยังให้ท้ายอย่างนี้ ก็ถือว่าไร้สำนึกในหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างร้ายแรง
3)นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานสภานิติบัญญัติ แสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ “มีชัยไทยแลนด์”
บอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีอิสระในการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ทำนองเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอิสระในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เรียกว่า หน้าที่ใครหน้าที่ของคนนั้น รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ก็จะผูกพันทุกองค์กรที่จะต้องปฏิบัติตาม ถ้าองค์กรหนึ่งปฏิเสธอำนาจของอีกองค์กรหนึ่งได้ ต่อไปก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่ จนบ้านเมืองไม่มีขื่อแป
“ลองคิดดูว่า ถ้าศาลไม่เห็นด้วยกับฝ่ายนิติบัญญัติ พอออกกฎหมายอะไรมาแล้ว ก็ไม่ยอมตัดสินคดีตามกฎหมายนั้น ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายใด ก็ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ตำรวจไม่ยอมบังคับการตามกฎหมาย อัยการไม่ยอมฟ้องตามกฎหมาย พอศาลตัดสินคดีแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็ไม่ยอมเอาตัวไปลงโทษตามคำตัดสิน หรือกรมบังคับคดีไม่ยอมบังคับคดีตามคำพิพากษา คนแพ้คดีแล้วไม่ยอม ยกพวกมาล้อมบ้านโจทก์ หรือขู่เข็ญว่าจะทำร้ายโจทก์ ตำรวจเห็นก็เฉยเสีย แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร”
4) หากนายกรัฐมนตรียังปล่อยให้บ้านเมืองดำเนินอย่างเละเทะเช่นนี้ต่อไป อันธพาลการเมือง “ดิบ ถ่อย เถื่อน” จะเหิมเกริมยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
หากยังไม่หยุดการคุกคามทำร้ายฝ่ายที่คิดต่างจากพวกตน เช่น บุกไปคุกคามขัดขวางเวทีการเมืองของอีกฝ่าย ยัดคดีเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง กดดันศาล คุกคามศาล ล้างผิดให้คนโกง ล้างคดีให้อันธพาลการเมือง ฯลฯ
ต่อไป จะไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
ใครมีมีด ใช้มีด
มีปืน ใช้ปืน
มีอาวุธอะไร ก็จะใช้อาวุธนั้น
ประหัตประหาร หรือป้องกัน ตอบโต้อีกฝ่าย “ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
5) เมื่อวันนั้นมาถึง นางสาวยิ่งลักษณ์อย่าหวังว่าตนเองจะสามารถ “ปูกรรเชียง” หรือลอยตัวโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เพราะเมื่อมีอันธพาลการเมืองไปข่มขู่ กดดัน คุกคาม ประกาศไล่ล่าจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วนายกรัฐมนตรียังอ้างว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย โดยที่นายกฯ ไม่ป้องปราม ไม่จัดการอย่างเด็ดขาดตามกฎหมายแล้ว หากมีอันธพาลการเมืองไปปิดล้อม จับกุมตัวนายกฯ
เอาเลือดไปเทหน้าบ้านนายกฯ
ข่มขู่จะทำร้ายลูกของนายกฯ
ปิดล้อมกระทรวง กรูกันเข้าไปทุบตีรถประจำตำแหน่งนายกฯ หมายเข่นฆ่า เอาชีวิตนายกฯ
ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ที่ทำงานของนายกฯ...
ภาพเหล่านี้ มันเหมือนเดจาวู
ถึงวันนั้น นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะยังถือว่า สิ่งเหล่านี้คือการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรฐานเดิมอยู่หรือไม่?
แทนที่พี่ชายจะได้กลับบ้าน น้องสาวก็อาจจะต้องหอบลูกออกไปอยู่นอกประเทศด้วยกัน
ขอเตือนด้วยความห่วงใยบ้านเมือง
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/6432
ปล.งานนี้ คงหนีความรับผิดชอบไม่ได้นะครับ...นายกปู...เอิ๊ก ๆ ๆ
'ดิบ ถ่อย เถื่อน' สัญญาณกลียุค.
แต่เป็นเพราะถูกวางหมาก ว่าจะต้องให้ “คนอย่างเธอ” เท่านั้น เข้ามาเป็นนายกฯ
เพื่อทำตัว “ปูกรรเชียง” - “ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” หรือแม้แต่ทำเหมือน “ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำให้ประเทศชาติเละเทะป่นปี้เพียงใด”
ถ้าเป็นคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขชินวัตร อาจจะมีสมอง มีสติปัญญา หรือมีจิตสำนึกพอที่จะเกิดความรู้สึก “ละอายต่อความชั่ว” หรือ “เกรงกลัวต่อบาป”
ความรู้สึกนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากการอ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก่อนจะบินไปประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 27 เมษายน โดยยังคงให้ท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังก่อการ ใส่ร้าย กดดัน ข่มขู่ คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดประกาศใช้กำลังจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
1) นางสาวยิ่งลักษณ์อ้างว่า การชุมนุมเรียกร้อง หากอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และความสงบ ก็เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ทำได้ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกระดับการชุมนุม ปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าทำเกินขอบเขตของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่? นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมตอบคำถามนี้
ขณะเดียวกัน บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย ก็แสดงท่าทีไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ถึงขั้นเตรียมออกจดหมายเปิดผนึกอย่างเป็นทางการ
แถมพรรคเพื่อไทยยังเปิดเวทีการเมือง กล่าวปราศรัยโจมตีศาลรัฐธรรมนูญอย่างรุนแรง
แบบนี้ ก็ไม่ต่างกับนายกรัฐมนตรีกำลัง “ให้ท้าย” การเคลื่อนไหวสอดรับกันเพื่อโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ
เพราะในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารของประเทศ นายกรัฐมนตรีจะต้องดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ป้องปราม มิให้ผู้คนกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้สามารถปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ถูกคุกคามกดดันเช่นนี้
2) ถ้าเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ สมัยที่ยังเดินเข้าไปส่งเสบียงให้ม็อบเสื้อแดง หนุนส่งให้ล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ หากจะพูดเช่นนี้ก็คงจะไม่มีใครสนใจถือสาหาความกะไร
แต่วันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์มีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ
ถ้าใครบอกให้พูดแบบนี้ แล้วเธอยอมพูดตามโดยไม่รู้เรื่อง ก็ถือว่าโง่
แต่ถ้ารู้ว่าเสื้อแดง ทำเกินกว่าขอบเขตกฎหมาย แล้วยังให้ท้ายอย่างนี้ ก็ถือว่าไร้สำนึกในหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างร้ายแรง
3)นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานสภานิติบัญญัติ แสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ “มีชัยไทยแลนด์”
บอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีอิสระในการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ทำนองเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอิสระในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เรียกว่า หน้าที่ใครหน้าที่ของคนนั้น รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ก็จะผูกพันทุกองค์กรที่จะต้องปฏิบัติตาม ถ้าองค์กรหนึ่งปฏิเสธอำนาจของอีกองค์กรหนึ่งได้ ต่อไปก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่ จนบ้านเมืองไม่มีขื่อแป
“ลองคิดดูว่า ถ้าศาลไม่เห็นด้วยกับฝ่ายนิติบัญญัติ พอออกกฎหมายอะไรมาแล้ว ก็ไม่ยอมตัดสินคดีตามกฎหมายนั้น ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายใด ก็ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ตำรวจไม่ยอมบังคับการตามกฎหมาย อัยการไม่ยอมฟ้องตามกฎหมาย พอศาลตัดสินคดีแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็ไม่ยอมเอาตัวไปลงโทษตามคำตัดสิน หรือกรมบังคับคดีไม่ยอมบังคับคดีตามคำพิพากษา คนแพ้คดีแล้วไม่ยอม ยกพวกมาล้อมบ้านโจทก์ หรือขู่เข็ญว่าจะทำร้ายโจทก์ ตำรวจเห็นก็เฉยเสีย แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร”
4) หากนายกรัฐมนตรียังปล่อยให้บ้านเมืองดำเนินอย่างเละเทะเช่นนี้ต่อไป อันธพาลการเมือง “ดิบ ถ่อย เถื่อน” จะเหิมเกริมยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
หากยังไม่หยุดการคุกคามทำร้ายฝ่ายที่คิดต่างจากพวกตน เช่น บุกไปคุกคามขัดขวางเวทีการเมืองของอีกฝ่าย ยัดคดีเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง กดดันศาล คุกคามศาล ล้างผิดให้คนโกง ล้างคดีให้อันธพาลการเมือง ฯลฯ
ต่อไป จะไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
ใครมีมีด ใช้มีด
มีปืน ใช้ปืน
มีอาวุธอะไร ก็จะใช้อาวุธนั้น
ประหัตประหาร หรือป้องกัน ตอบโต้อีกฝ่าย “ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
5) เมื่อวันนั้นมาถึง นางสาวยิ่งลักษณ์อย่าหวังว่าตนเองจะสามารถ “ปูกรรเชียง” หรือลอยตัวโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เพราะเมื่อมีอันธพาลการเมืองไปข่มขู่ กดดัน คุกคาม ประกาศไล่ล่าจับตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วนายกรัฐมนตรียังอ้างว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย โดยที่นายกฯ ไม่ป้องปราม ไม่จัดการอย่างเด็ดขาดตามกฎหมายแล้ว หากมีอันธพาลการเมืองไปปิดล้อม จับกุมตัวนายกฯ
เอาเลือดไปเทหน้าบ้านนายกฯ
ข่มขู่จะทำร้ายลูกของนายกฯ
ปิดล้อมกระทรวง กรูกันเข้าไปทุบตีรถประจำตำแหน่งนายกฯ หมายเข่นฆ่า เอาชีวิตนายกฯ
ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ที่ทำงานของนายกฯ...
ภาพเหล่านี้ มันเหมือนเดจาวู
ถึงวันนั้น นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะยังถือว่า สิ่งเหล่านี้คือการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรฐานเดิมอยู่หรือไม่?
แทนที่พี่ชายจะได้กลับบ้าน น้องสาวก็อาจจะต้องหอบลูกออกไปอยู่นอกประเทศด้วยกัน
ขอเตือนด้วยความห่วงใยบ้านเมือง
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/6432
ปล.งานนี้ คงหนีความรับผิดชอบไม่ได้นะครับ...นายกปู...เอิ๊ก ๆ ๆ