"ตัวเรา"คือธาตุธรรมชาติเท่านั้น...!

"ตัวเรา"คือธาตุธรรมชาติเท่านั้น...!




.............การเกิดผลเกิดจากการนั่งสมาธิที่จิตสงบอยู่   ขณะที่กำลังเคลิ้มๆเพลินอยู่ กลับมีสิ่งหนึ่งแว่บเข้ามาในใจ ว่าแท้จริงตัวเราก็เป็นเพียงการสมมุติของธรรมชาติเท่านั้นเอง เพราะแยกย่อยลงไป มันคือกองกระดูก เลือด เนื้อ ฯลฯ    และมีความรู้สึกนั่นเองสมมุติเป็นตนเองอยู่ เท่านั้น    เราจะเป็นอะไรได้นอกจากเป็นสิ่งเหล่านี้อยู่เท่านั้น มีความรู้สึกที่แสดงความเป็นตัวตนว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิตและเป็นสัตว์โลกเหมือนสัตว์อื่นๆอยู่เท่านั้นเพราะต้องหาอาหารใส่ปากใส่ท้องไม่ต่างกันเลย มันเกิดการเห็นความจริงของตัวเอง.....เพราะมันเห็นชัดว่าความจริงมันมีอยู่อย่างนี้เท่านั้น  คือการรวมตัวกันของธรรมชาติจึงเกิดเป็นตัวเรา    เกิดความรู้สึกเป็นการเห็นความจริงทางธรรมชาติ อาการยึดมั่นที่มีอยู่เหือดหายไป.....


      มันเป็นความรู้สึกที่เห็นความจริงทางธรรมชาติว่าความเป็นตัวเรามันเป็นการทำงานของธรรมชาติเท่านั้น เมื่อเทียบกับความรู้สึกที่เป็นตัวเราที่เกิดอยู่     เรายึดมั่นอยู่ในความเป็นธรรมชาติเท่านั้นเอง   เราไม่อาจจะเป็นอะไรได้มากกว่านี้ นอกจากการสมมุติตัวเองว่าเป็นเท่านั้น.....ในความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนเราจึงเห็นได้ว่ามันเป็นจริง   แต่ที่เป็นอยู่คือการสมมุติ เมื่อไม่สมมุติมันจึงมีความเป็นธรรมชาติอยู่  คือมีความรู้สึกกับกายเท่านั้นปรากฏอยู่  การปรุงแต่งยึดมั่นมันจะเกิดเป็นตัวตน  หรือเกิดเป็นภพเกิดการดิ้นรนทางความรู้สึก  จึงอยู่เฉยๆให้มันแยกกันอยู่   มีอาการว่างต่อกันอยู่   ไม่เข้าไปรวมยึดมั่นปรุงแต่งอยู่  เป็นธรรมชาติดั้งเดิมของมัน.

             การแยกย่อยความเป็นตัวเราลงในรายละเอียด จึงเห็นได้ว่าความเป็นตัวเรา  เป็นได้แค่กองกระดูก  เลือดเนื้อ  น้ำเลือด น้ำเหลืองฯลฯ  และมีพลังงานที่แสดงเป็นความรู้สึกเท่านั้น ความรู้สึกนั่นเองสมมุติยึดมั่น สร้างกรอบทางความรู้สึกให้เป็นอาการต่างๆอยู่  ความรู้สึกก็มีความเป็นธาตุ   เป็นอากาศธาตุทำให้เกิดการเห็นความจริงของตัวเองได้ว่ามันเป็นการรวมตัวกันอยู่   มันเป็นเพียงธาตุธรรมชาติปรุงแต่งกันอยู่  จึงมีสิ่งที่มีชีวิตเกิดขึ้น  เป็นการสมมุติตัวเองขึ้นมาทางความรู้สึกเท่านั้นและความเป็นตัวเราก็มีความเป็นสัตว์โลกไม่ต่างกับสัตว์อื่นๆเลย….มันเป็นการสมมุติขึ้นมาของธรรมชาติเท่านั้น ความรู้สึกที่เป็นเราจึงเป็นการก่อตัวทางความรู้สึกหรือทำให้เกิดเป็น “สิ่งที่มีชีวิต”  การไม่สมมุติ(การไม่ก่อตัว)จึงให้มันแยกกันอยู่ คลายอาการยึดมั่น  คือเป็นธาตุรู้กับกายเท่านั้นมันจะหยุดการทำงาน  เมื่อมันหยุดการทำงาน,ภาระต่างๆจึงจบลง.
                  
ดังนั้นจึงอาจจะตอบได้ว่าขณะนี้เราอยู่ในโลกสมมุติทางความรู้สึกเท่านั้นแต่เราคิดว่ามันจริง   การจะเข้าใจความเป็นธรรมชาติให้ถูกต้อง  ต้องปรับความรู้สึกใหม่  ว่ามันมีแต่ความเป็นสมมุติเท่านั้นจึงจะเป็นการเข้าใจมันตามจริง  การเกิดเป็นตัวเราเป็นการยึดมั่นขึ้นมาทางความรู้สึกเท่านั้น   มันจึงเป็นที่มาว่า “ตัวเรา”ไม่มีอยู่จริง หรือมันหยุดการทำงานตามธรรมชาติ   พิจารณาให้ถ่องแท้จึงจะเห็นได้ว่าเราหลงสมมุติทางความรู้สึกของตนเองอยู่  ถ้าจะให้เข้าใจได้ ต้องไล่เรียงมาจากสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน เช่น  การเป็นสามี-ภรรยา  บุตร  พ่อ แม่ พี่  น้อง  ญาติ มิตร  ไม่มีอยู่จริงเพราะมันเป็นการสมมุติทางความรู้สึกดังนั้นตัวเราก็เป็นการสมมุติทางความรู้สึกเช่นกัน.

****การที่จิตแยกจากกาย  หรือหลุดจากการยึดมั่น  เราจึงเห็นความจริงทางธรรมชาติของตัวเราได้ซึ่งมันเป็นการทำงานของจิตกับกายนั่นเอง  จึงเกิดเป็นอาการทางความรู้สึก   การที่จิตแยกจากกายการยึดมั่นหยุดลงจึงเกิดความว่าง  การแยกตัวของสิ่งที่รวมกัน  จึงเกิดอาการสำรวมภายใน  เราจึงจะมีอาการตื่นอยู่ออกไปจากการปรุงแต่งทางความรู้สึก  อาการทางกายคือการสำรวมเกิดขึ้นคืออาการยึดมั่นหยุดลง  เราจึงออกไปจากการยึดมั่นทางความรู้สึกได้....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่