ก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟังขอบอกก่อนว่าเราไม่ได้โจมตี รึใส่ร้ายบริษัทแต่อย่างใด นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เอง เป็นความจริงทุกอย่างครับ !! ไม่ได้มีการตัดต่อ หรือแก้ไข เพิ่มเติมคำพูดแต่อย่างใด !!
รุ่งประเสิร์ฐทัวร์เป็นบริษัทรถทัวร์ที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัดมหาสารคาม ถ้าย้อนกลับไปสักสองปีที่แล้ว รุ่งประเสิร์ฐทัวร์จะเป็นบริษัทเดินรถทัวร์ที่เป็นเบอร์ 1 ของจังหวัดแต่พอเข้าช่วงปีที่แล้วจนถึงปีนี้การบริการที่เริ่มแย่ทำให้ความเป็นเบอร์ 1 ยังคงเป็นคำถามอยู่ในทุกวันนี้ ??
มาเริ่มเข้าเรื่องกันเลย เมื่อเช้า28 เมษา เวลา 7.30 โดยประมาณ หลังจากที่ผมและครอบครัวได้เดินทางกลับจากทริปเที่ยวเกาหลี จะเดินทางกลับมหาสารคาม จึงได้เดินทางไปจองตั๋วรถที่หมอชิต โดยเลือกที่จะใช้บริการกับบริษัทรุ่งประเสิร์ฐทัวร์เช่นเคย เหมือนๆกับตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ใช้บริการมา
ตอนจองปรากฏว่ามีเที่ยวรถ 7.50 น เหลืออยู่ 3 ที่นั่งพอดีกับจำนวนครอบครัวผม และทางเคาน์เตอร์บอกว่าทันพอดี จะได้ไม่ต้องรอรถ และเชียร์ให้ผมเอาเที่ยวดังกล่าว ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะดูจากเวลา แค่เดินลงไปยังไงก็ทันเวลารถออกแน่นอน จึงได้ตกลงจอง และการจองตั๋วก้ผ่านไปด้วยดี
แต่เรื่องก็มาเกิดขึ้น เมื่อผมได้เร่งมุ่งเดินไปขึ้นรถ เนื่องจากผมไปเที่ยวเกาหลีมาของฝากจึงเยอะเป็นธรรมดา และเนื่องจากไปกับทัวร์ บริษัททัวร์จึงได้แจกกระเป๋าเพิ่ม อันนี้คนเคยไปเที่ยวกับบริษัททัวร์คงเข้าใจ กระเป๋าจึงเพิ่มขึ้นมาอีกคนละ 1 ใบ แต่เป็นใบกระทัดรัด ไม่ได้ใหญ่โตมาก
พอผมไปถึงรถ ซึ่งเป็นเวลา7.50 พอดี เพราะผมดูนาฬิกาอยู่ตลอด เจอพนักงานประจำรถคันดังกล่าวอยู่ เป็นสาวประเภทสอง หันมาเจอกระเป๋าของครอบครัวผม หล่อนพูดประโยคแรกมา ซึ่งทำให้ผมรู้สึกอึ้ง !! "ของเยอะแล้วยังจะมาช้าอีก" ไม่ได้แอบพูดนะครับ พูดตรงๆต่อหน้าผมนี่แหละ ผมได้ยินก็ยอมรับว่าเริ่มมีอารมณ์กับประโยคทักทายประโยคแรก สักพักประโยคที่สองก็ตามมา "มาช้าขนาดนี้ไม่มีที่เก็บหรอก ที่เก็บของเต็มหมดแล้ว" ผมก็สวนออกไปว่า "ถ้างั้นไม่เป็นไร ก็เปลี่ยนเเที่ยวให้ผมก็ได้ ถ้าไม่มีที่เก็บของ ผมรอก็ได้" ทั้งๆที่ผมก็ดูนาฬิกา มันเป็นเวลา 7.50 พอดีจริงๆ แต่เวลาของเราคงเดินไม่เท่ากัน หล่อนจึงได้พูดกล่าวหาว่าผมมาช้าขนาดนั้น
หลังจากนั้นหล่อนก็เดินหายไปหลังรถพร้อมกับบ่นประมาณว่าของเยอะ ซึ่งอันที่จริง เรื่องจำนวนของถ้าชั่งตามน้ำหนักที่ระบุไว้หลังตั๋ว ผมสาบานได้ว่ามันไม่เกินแน่นอน ที่ทราบเพราะผมโหลดของจากเครื่องบิน ต้องมีการชั่งน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักตอนนั้นได้ 67 กก แต่พอถึงกรุงเทพ ได้เอากระเป๋าของน้องชายออกไป 1 ใบใหญ่เพราะน้องชายไม่ได้กลับพร้อมเราน้ำหนักจึงลดลงไปอีกเยอะ แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับ ผมจะเจอเหตุการณ์แบบนี้กับรุ่งประเสิร์ฐทัวร์เสมอๆ ถ้าเที่ยวไหนที่มีของเยอะหน่อย พนักงานก็จะทำท่าทีไม่พอใจ สมัยก่อนมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ไม่ได้เกินน้ำหนักเลย ไม่งั้นเขาจะไม่เอาของขึ้นรถให้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังกล้าเรียกเก็บเงินอยู่รึป่าว
หล่อน ปล่อยให้ครอบครัวผมยืนเก้งๆกังๆ โดยที่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเอายังไงกับกระเป๋าและตั๋วเดินทางของผมสักพัก ผมก็ถือกระเป๋าอ้อมไปหลังรถ เพื่อสอบถามว่าจะเอายังไง หล่อนจึงบอกว่า "เอากระเป๋ามาด้านนี้เลยคะ" ผมก็ถือตามเธอไป เธอเปิดใต้รถ ตาผมเหลือบไปเห็นพื้นที่ว่างใต้ท้องรถ ซึ่งมันก็ไม่ยักจะเต็มอย่างที่หล่อนว่าขนาดนั้น มันใส่ของผมหมดได้แน่นอน
ณ ตอนนั้น มีพนักงานยืนอยู่ 3 คน เป็นสาวประเภทสอง ซึ่งอยู่ประจำรถเป็นพนักงานต้อน (ไม่) รับ อยู่ 2 คน และคนขับเป็นผู้ชาย 1 คน
ได้ยืนดูผมลากกระเป๋ามา ซึ่งตามปกติของรถทัวร์ ผมขึ้นมาหลายบริษัทแล้ว เขาก็จะให้ลูกค้านำกระเป๋ามาตรงจุดขึ้นรถ จากนั้นพนักงานประจำรถจะเป็นผู้นำกระเป๋า สิ่งของต่างๆขึ้นรถเอง ซึ่งทุกๆครั้งรุ่งประเสิร์ฐก็ทำเช่นนี้
แต่!!!! เรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อผมลากกระเป๋าไปตรงจุดที่เขาบอกแล้ว ผมก็วางกระเป๋าลง หล่อน(คนเดิม) ก็พูดออกมาอีกประโยค ซึ่งทำให้ผมควันออกหู "ยกขึ้นด้วยสิคะ" โอ้ววววววว!!! แม่เจ้า !!!! รถทัวร์สมัยนี้เขาประหยัดพลังงานลดโลกร้อนรึไงครับ??? พนักงานถึงได้ให้ลูกค้ายกกระเป๋าขึ้นเก็บใต้ท้องรถทัวร์เอง ???
ผมมองหน้าหล่อน และไม่อยากให้เสียเวลาไปกว่านี้ ผมจึงยกขึ้นใส่รถเอง พร้อมกับหันมาคุยกับครอบครัวว่า "ต่อไปก็ไม่ต้องนั่งแล้วรุ่งประเสิร์ฐทัวร์ ไปนั่งชาญทัวร์ดีกว่า อันนี้บริการก็ไม่ดี มิน่าละคนหนีไปนั่งชาญทัวร์กันหมดแล้ว" รู้สึกว่าหล่อนไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของผม
หล่อนตอบกลับมาว่า "คะ" พร้อมมองหน้าแบบเหยียดๆ
น้องสาวซึ่งตัวเล็ก สูงประมาณราวนมของคนขับ ซึ่งเป็นผู้ชายที่ยืนดูลูกค้ายกกระเป๋าขึ้นเฉยๆ น้องสาวผมจึงได้มาช่วยยกกระเป๋าเข้าใต้ท้องรถด้วย พร้อมกับพูดว่า "มีอย่างที่ไหนให้ลูกค้ามายกกระเป๋าเอง" คนขับจึงพูดออกมาว่า "ของมันเยอะนะคร๊าบบบบ" พูดลากเสียงประมาณว่าไม่พอใจ น้องสาวจึงสวนไปว่า " มันไม่เกี่ยวกับของเยอะรึน้อยหรอก แต่นี้มันคือบริการ ขนาดนี่ตัวเล็กๆยังมาช่วยยกเลย" หลังจากจบประโยค ก็ดูเหมือนทั้งสามคนไม่ได้สะทกสะท้าน คำพูดของพวกเราไม่ได้ระคายผิวแต่อย่างใด เขาก็ยังคงยืนดูเรายกกระเป๋าขึ้นรถกันต่อไป
จริงๆแล้วผมกะจะถ่ายรูปไว้ด้วยตอนที่พวกเขาทั้ง 3 ยืนดูพวกผมยกของเข้าใต้ท้องรถ แต่เนื่องจากรีบเกรงว่าจะทำให้คนอื่นเสียเวลาจึงไม่อยากมีปัญหาใหญ่โต
พอยกกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินขึ้นรถ โดยตัวผมนั่งอยู่ชั้นล่าง ติดกับห้องคนขับ ส่วนแม่กับน้องนั่งชั้นบน คิดว่าเรื่องจะจบแค่นั้น
ไม่เลยครับ !!! ไม่จบ!! พอรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชลา ผมก็ได้ยิน หล่อน(คนเดิม) พูดกับคนขับว่า "อารมณ์เสียแต่เช้าเลย !! ก็ดูของมันดิ ยังกะจะย้ายบ้าน บลาๆๆๆๆ " อีกเยอะ ซึ่งผมฟังไม่ถนัด แต่ รู้ว่าหล่อนพูดถึงเรื่องของผมอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกตลอดการเดินทาง
เมื่อตอนเย็น ผมได้โทรไปร้องเรียนกับบริษัท เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้บริษัทฟัง บริษัทตกใจและยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และรับปากว่าจะดำเนินการสวบสวนให้ ซึ่งผมได้ทวงถามว่าแล้วผมจะทราบผลการจัดการได้อย่างไร ไม่มีคำตอบจากบริษัท มีเพียงแต่การทิ้งชื่อ และเบอร์โทรติดต่อไว้แค่นั้นครับ
จากเรื่องที่เกิดขึ้น มีคำถามคาใจผมอยู่ข้อเดียว ว่าผมผิดอะไร ??? ผมของเยอะก็เพราะกลับจากการท่องเที่ยวมา แต่น้ำหนักก็ไม่ได้เกินจากที่ระบุ ไปเที่ยวจะให้กลับมากระเป๋าใบเดียวก็ใช่ที่ ผมมาช้างั้นหรอ ?? ไม่นะ !! ผมลงมาถึงตัวรถเวลา 7.50 เป๊ะๆ แต่เวลาคนไม่เต็มนี่รู้สึกว่ารถจะออกเลทมากกว่าอีกเป็นครึ่งชมเลยนะ !!
เอาเถอะครับ ผมก็จะรอดูว่าบริษัทจะดำเนินการจัดการเรื่องดังกล่าวให้อย่างไร ผมไม่ได้ต้องการการบริการอย่างพระเจ้ารึราชาหรอกครับ แค่บริการธรรมดาๆก็พอแล้ว ผมเองก็ทำงานบริการเช่นเดียวกับคุณ มีหลายๆคนพูดถึงบริการที่แย่ลงของพนักงานบริษัท จึงทำให้คนหันไปใช้บริการบริษัทเดินรถอื่นๆแทน คุณไม่รู้สึกตัวรึอย่างไรครับ ว่าลูกค้าลดลงเพราะเหตุใด ??
ผมเคยเจอหลายครั้งแล้วครับกับการพูดนินทาลูกค้าของบริษัทนี้ ขอให้ผู้บริหารตรวจสอบการทำงานให้บริการของพนักงานคุณด้วยนะครับ ผมเองจากที่เคยนั่งมาเป็นสิบๆปี ยอมรับเลยว่าตอนนี้ก้มีอารมณ์อยากเปลี่ยนบริษัทนั่งแล้วเหมือนกัน อีกหนึ่งบริษัทที่กำลังมาแรงตอนนี้ได้ข่าวว่าบริการดี ผมคิดว่า ผมคงมีโอกาสได้ลองไปใช้บริการแล้วล่ะครับ และถ้าติดใจ ผมก็คงจะลาขาดแล้วล่ะครับ .... รุ่งประเสิร์ฐทัวร์ !!
++ ตะลึ่ง! รถทัวร์รุ่งประเสิร์ฐทัวร์ ให้ลูกค้ายกกระเป๋าขึ้นรถเอง กับบริการที่ยอดแย่ !! บอกลากันเถอะ++
รุ่งประเสิร์ฐทัวร์เป็นบริษัทรถทัวร์ที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัดมหาสารคาม ถ้าย้อนกลับไปสักสองปีที่แล้ว รุ่งประเสิร์ฐทัวร์จะเป็นบริษัทเดินรถทัวร์ที่เป็นเบอร์ 1 ของจังหวัดแต่พอเข้าช่วงปีที่แล้วจนถึงปีนี้การบริการที่เริ่มแย่ทำให้ความเป็นเบอร์ 1 ยังคงเป็นคำถามอยู่ในทุกวันนี้ ??
มาเริ่มเข้าเรื่องกันเลย เมื่อเช้า28 เมษา เวลา 7.30 โดยประมาณ หลังจากที่ผมและครอบครัวได้เดินทางกลับจากทริปเที่ยวเกาหลี จะเดินทางกลับมหาสารคาม จึงได้เดินทางไปจองตั๋วรถที่หมอชิต โดยเลือกที่จะใช้บริการกับบริษัทรุ่งประเสิร์ฐทัวร์เช่นเคย เหมือนๆกับตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ใช้บริการมา
ตอนจองปรากฏว่ามีเที่ยวรถ 7.50 น เหลืออยู่ 3 ที่นั่งพอดีกับจำนวนครอบครัวผม และทางเคาน์เตอร์บอกว่าทันพอดี จะได้ไม่ต้องรอรถ และเชียร์ให้ผมเอาเที่ยวดังกล่าว ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะดูจากเวลา แค่เดินลงไปยังไงก็ทันเวลารถออกแน่นอน จึงได้ตกลงจอง และการจองตั๋วก้ผ่านไปด้วยดี
แต่เรื่องก็มาเกิดขึ้น เมื่อผมได้เร่งมุ่งเดินไปขึ้นรถ เนื่องจากผมไปเที่ยวเกาหลีมาของฝากจึงเยอะเป็นธรรมดา และเนื่องจากไปกับทัวร์ บริษัททัวร์จึงได้แจกกระเป๋าเพิ่ม อันนี้คนเคยไปเที่ยวกับบริษัททัวร์คงเข้าใจ กระเป๋าจึงเพิ่มขึ้นมาอีกคนละ 1 ใบ แต่เป็นใบกระทัดรัด ไม่ได้ใหญ่โตมาก
พอผมไปถึงรถ ซึ่งเป็นเวลา7.50 พอดี เพราะผมดูนาฬิกาอยู่ตลอด เจอพนักงานประจำรถคันดังกล่าวอยู่ เป็นสาวประเภทสอง หันมาเจอกระเป๋าของครอบครัวผม หล่อนพูดประโยคแรกมา ซึ่งทำให้ผมรู้สึกอึ้ง !! "ของเยอะแล้วยังจะมาช้าอีก" ไม่ได้แอบพูดนะครับ พูดตรงๆต่อหน้าผมนี่แหละ ผมได้ยินก็ยอมรับว่าเริ่มมีอารมณ์กับประโยคทักทายประโยคแรก สักพักประโยคที่สองก็ตามมา "มาช้าขนาดนี้ไม่มีที่เก็บหรอก ที่เก็บของเต็มหมดแล้ว" ผมก็สวนออกไปว่า "ถ้างั้นไม่เป็นไร ก็เปลี่ยนเเที่ยวให้ผมก็ได้ ถ้าไม่มีที่เก็บของ ผมรอก็ได้" ทั้งๆที่ผมก็ดูนาฬิกา มันเป็นเวลา 7.50 พอดีจริงๆ แต่เวลาของเราคงเดินไม่เท่ากัน หล่อนจึงได้พูดกล่าวหาว่าผมมาช้าขนาดนั้น
หลังจากนั้นหล่อนก็เดินหายไปหลังรถพร้อมกับบ่นประมาณว่าของเยอะ ซึ่งอันที่จริง เรื่องจำนวนของถ้าชั่งตามน้ำหนักที่ระบุไว้หลังตั๋ว ผมสาบานได้ว่ามันไม่เกินแน่นอน ที่ทราบเพราะผมโหลดของจากเครื่องบิน ต้องมีการชั่งน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักตอนนั้นได้ 67 กก แต่พอถึงกรุงเทพ ได้เอากระเป๋าของน้องชายออกไป 1 ใบใหญ่เพราะน้องชายไม่ได้กลับพร้อมเราน้ำหนักจึงลดลงไปอีกเยอะ แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับ ผมจะเจอเหตุการณ์แบบนี้กับรุ่งประเสิร์ฐทัวร์เสมอๆ ถ้าเที่ยวไหนที่มีของเยอะหน่อย พนักงานก็จะทำท่าทีไม่พอใจ สมัยก่อนมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ไม่ได้เกินน้ำหนักเลย ไม่งั้นเขาจะไม่เอาของขึ้นรถให้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังกล้าเรียกเก็บเงินอยู่รึป่าว
หล่อน ปล่อยให้ครอบครัวผมยืนเก้งๆกังๆ โดยที่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเอายังไงกับกระเป๋าและตั๋วเดินทางของผมสักพัก ผมก็ถือกระเป๋าอ้อมไปหลังรถ เพื่อสอบถามว่าจะเอายังไง หล่อนจึงบอกว่า "เอากระเป๋ามาด้านนี้เลยคะ" ผมก็ถือตามเธอไป เธอเปิดใต้รถ ตาผมเหลือบไปเห็นพื้นที่ว่างใต้ท้องรถ ซึ่งมันก็ไม่ยักจะเต็มอย่างที่หล่อนว่าขนาดนั้น มันใส่ของผมหมดได้แน่นอน
ณ ตอนนั้น มีพนักงานยืนอยู่ 3 คน เป็นสาวประเภทสอง ซึ่งอยู่ประจำรถเป็นพนักงานต้อน (ไม่) รับ อยู่ 2 คน และคนขับเป็นผู้ชาย 1 คน
ได้ยืนดูผมลากกระเป๋ามา ซึ่งตามปกติของรถทัวร์ ผมขึ้นมาหลายบริษัทแล้ว เขาก็จะให้ลูกค้านำกระเป๋ามาตรงจุดขึ้นรถ จากนั้นพนักงานประจำรถจะเป็นผู้นำกระเป๋า สิ่งของต่างๆขึ้นรถเอง ซึ่งทุกๆครั้งรุ่งประเสิร์ฐก็ทำเช่นนี้
แต่!!!! เรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อผมลากกระเป๋าไปตรงจุดที่เขาบอกแล้ว ผมก็วางกระเป๋าลง หล่อน(คนเดิม) ก็พูดออกมาอีกประโยค ซึ่งทำให้ผมควันออกหู "ยกขึ้นด้วยสิคะ" โอ้ววววววว!!! แม่เจ้า !!!! รถทัวร์สมัยนี้เขาประหยัดพลังงานลดโลกร้อนรึไงครับ??? พนักงานถึงได้ให้ลูกค้ายกกระเป๋าขึ้นเก็บใต้ท้องรถทัวร์เอง ???
ผมมองหน้าหล่อน และไม่อยากให้เสียเวลาไปกว่านี้ ผมจึงยกขึ้นใส่รถเอง พร้อมกับหันมาคุยกับครอบครัวว่า "ต่อไปก็ไม่ต้องนั่งแล้วรุ่งประเสิร์ฐทัวร์ ไปนั่งชาญทัวร์ดีกว่า อันนี้บริการก็ไม่ดี มิน่าละคนหนีไปนั่งชาญทัวร์กันหมดแล้ว" รู้สึกว่าหล่อนไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของผม
หล่อนตอบกลับมาว่า "คะ" พร้อมมองหน้าแบบเหยียดๆ
น้องสาวซึ่งตัวเล็ก สูงประมาณราวนมของคนขับ ซึ่งเป็นผู้ชายที่ยืนดูลูกค้ายกกระเป๋าขึ้นเฉยๆ น้องสาวผมจึงได้มาช่วยยกกระเป๋าเข้าใต้ท้องรถด้วย พร้อมกับพูดว่า "มีอย่างที่ไหนให้ลูกค้ามายกกระเป๋าเอง" คนขับจึงพูดออกมาว่า "ของมันเยอะนะคร๊าบบบบ" พูดลากเสียงประมาณว่าไม่พอใจ น้องสาวจึงสวนไปว่า " มันไม่เกี่ยวกับของเยอะรึน้อยหรอก แต่นี้มันคือบริการ ขนาดนี่ตัวเล็กๆยังมาช่วยยกเลย" หลังจากจบประโยค ก็ดูเหมือนทั้งสามคนไม่ได้สะทกสะท้าน คำพูดของพวกเราไม่ได้ระคายผิวแต่อย่างใด เขาก็ยังคงยืนดูเรายกกระเป๋าขึ้นรถกันต่อไป
จริงๆแล้วผมกะจะถ่ายรูปไว้ด้วยตอนที่พวกเขาทั้ง 3 ยืนดูพวกผมยกของเข้าใต้ท้องรถ แต่เนื่องจากรีบเกรงว่าจะทำให้คนอื่นเสียเวลาจึงไม่อยากมีปัญหาใหญ่โต
พอยกกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินขึ้นรถ โดยตัวผมนั่งอยู่ชั้นล่าง ติดกับห้องคนขับ ส่วนแม่กับน้องนั่งชั้นบน คิดว่าเรื่องจะจบแค่นั้น
ไม่เลยครับ !!! ไม่จบ!! พอรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชลา ผมก็ได้ยิน หล่อน(คนเดิม) พูดกับคนขับว่า "อารมณ์เสียแต่เช้าเลย !! ก็ดูของมันดิ ยังกะจะย้ายบ้าน บลาๆๆๆๆ " อีกเยอะ ซึ่งผมฟังไม่ถนัด แต่ รู้ว่าหล่อนพูดถึงเรื่องของผมอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกตลอดการเดินทาง
เมื่อตอนเย็น ผมได้โทรไปร้องเรียนกับบริษัท เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้บริษัทฟัง บริษัทตกใจและยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และรับปากว่าจะดำเนินการสวบสวนให้ ซึ่งผมได้ทวงถามว่าแล้วผมจะทราบผลการจัดการได้อย่างไร ไม่มีคำตอบจากบริษัท มีเพียงแต่การทิ้งชื่อ และเบอร์โทรติดต่อไว้แค่นั้นครับ
จากเรื่องที่เกิดขึ้น มีคำถามคาใจผมอยู่ข้อเดียว ว่าผมผิดอะไร ??? ผมของเยอะก็เพราะกลับจากการท่องเที่ยวมา แต่น้ำหนักก็ไม่ได้เกินจากที่ระบุ ไปเที่ยวจะให้กลับมากระเป๋าใบเดียวก็ใช่ที่ ผมมาช้างั้นหรอ ?? ไม่นะ !! ผมลงมาถึงตัวรถเวลา 7.50 เป๊ะๆ แต่เวลาคนไม่เต็มนี่รู้สึกว่ารถจะออกเลทมากกว่าอีกเป็นครึ่งชมเลยนะ !!
เอาเถอะครับ ผมก็จะรอดูว่าบริษัทจะดำเนินการจัดการเรื่องดังกล่าวให้อย่างไร ผมไม่ได้ต้องการการบริการอย่างพระเจ้ารึราชาหรอกครับ แค่บริการธรรมดาๆก็พอแล้ว ผมเองก็ทำงานบริการเช่นเดียวกับคุณ มีหลายๆคนพูดถึงบริการที่แย่ลงของพนักงานบริษัท จึงทำให้คนหันไปใช้บริการบริษัทเดินรถอื่นๆแทน คุณไม่รู้สึกตัวรึอย่างไรครับ ว่าลูกค้าลดลงเพราะเหตุใด ??
ผมเคยเจอหลายครั้งแล้วครับกับการพูดนินทาลูกค้าของบริษัทนี้ ขอให้ผู้บริหารตรวจสอบการทำงานให้บริการของพนักงานคุณด้วยนะครับ ผมเองจากที่เคยนั่งมาเป็นสิบๆปี ยอมรับเลยว่าตอนนี้ก้มีอารมณ์อยากเปลี่ยนบริษัทนั่งแล้วเหมือนกัน อีกหนึ่งบริษัทที่กำลังมาแรงตอนนี้ได้ข่าวว่าบริการดี ผมคิดว่า ผมคงมีโอกาสได้ลองไปใช้บริการแล้วล่ะครับ และถ้าติดใจ ผมก็คงจะลาขาดแล้วล่ะครับ .... รุ่งประเสิร์ฐทัวร์ !!