"ตั๊ว - ศรัณยูเขียนบันทึกปิดม่าน"คนโขน" ตัดพ้อ พธม.ไม่ช่วยดู ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามสมน้ำหน้า"
"ตั้ว-ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ผู้สร้าง ผู้เขียนบท ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องคนโขนเขียนบันทึกในเฟซบุ๊คของเขาเมื่อ 13 กันยายน
หัวข้อเรื่อง "ปิดม่าน "คนโขน"
ปาฏิหารย์ไม่มีจริง ทุกสรรพสิ่งมีผลมาจากเหตุและปัจจัย " โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
จั่วหัวไว้อย่างนี้ พี่น้องคงพอเดาได้ ว่าเนื้อหาบรรทัดต่อๆ ไปของบทความนี้จะเคลื่อนตัวไปในแนวไหน
กว่าสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมทุ่มเททั้งชีวิตให้กับภารกิจทุกอย่างที่เจ้าของหนังคนหนึ่งพึงกระทำได้ นับตั้งแต่เปิดตัวประชาสัมพันธ์
เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่ามีหนังเรื่อง คนโขน รออยู่ในโรงฉาย ชักชวน อ้อนวอนคนรู้จักมากมายให้พากันมาดูหนังเรื่องนี้
ผมแอบฝันเล็กๆว่า หากมีพี่น้องพันธมิตร ซึ่งไม่ต้องถึงกับทั้งหมดหรอกครับ เอาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเท่าที่มี พร้อมใจกันมาดูหนังเรื่องนี้
รายได้ของหนังก็จะทะลุเกินเป้า ที่นายทุนตั้งความหวังไว้แล้ว... นายทุนเองยังพลอยยิ้ม เห็นด้วยกับความฝันของผมเลย
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่!!!
ผมเพิ่งกลับจาก บ.สหมงคลฟีล์ม เพิ่งเปิดบัญชี ดูตัวเลขรายได้ทั้งหมดที่เก็บได้จนถึงรอบเมื่อกี้ ทุกคนตกใจ
มันน้อยเกินว่าระดับต่ำสุดที่เราประเมินไว้เสียอีก...น้อยจริง ๆ ครับ อย่าให้ผมบอกตัวเลขเลย ผู้ที่คอยลุ้นคอยให้กำลังใจผมตลอดมา
จะพลอยหดหู่ใจกันเปล่าๆ แต่คนที่ีอยู่ฟากฝั่งตรงข้ามหากเห็นตัวเลขนี้เข้า ก็คงจะสมน้ำหน้า ว่าสมแล้วหละ...
ถ้าจะบอกว่าผมไม่เสียใจ ก็คงจะเป็นการโกหกตัวเองเกินไป เพียงแต่ว่าภายใต้ความชอกช้ำใจครั้งนี้...
มันได้บอกอะไรกับผมหลายต่อหลายอย่าง...
ในส่วนของตัวงานภาพยนตร์ ผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว เพราะเกือบทุกคนที่ดูคนโขน ต่างพากันชื่นชมในคุณค่าของงาน
ในมุมมองที่ต่าง ๆ กัน ตามแต่รสนิยมในการรับรู้ของแต่ละคน จะมีบ้างบางมุม ที่เห็นต่างกันไป หรือมีบางมุมที่ไม่ชอบ ขัดใจ
เช่น ชะตากรรมของตัวละครในตอนจบ ซึ่งผมถือว่านี่คือเสียงตอบรับที่ดี ที่ตัวหนังได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์เชิงสร้างสรรค์
ไม่ใช่ตั้งใจชม หรือตั้งใจเชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตา
นักข่าวอาวุโสหลายท่านต่างเขียนชมภาพยนตร์เรื่อง"คนโขน" นี้กันไม่น้อย ล่าสุดคอลัมน์ ซูม ใน นสพ.ไทยรัฐ ฉบับเมื่อเช้านี้ (13 ก.ย.2554)
ก็กล่าวชมยาวทั้งคอลัมน์ บนความเสียดายของคุณซูมที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ช้าไป
ในส่วนของกำลังใจจากพี่น้อง พธม.นั้น ผมพูดอะไรไม่ออก น้ำตามากมายของผมหยดลงบนบันทึกก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
คำว่าขอบคุณนับล้านคำ นับล้านครั้ง ก็ยังไม่เท่าน้ำใจไมตรีที่พี่น้องมอบให้กับหนังของผม
ผมได้รู้ว่า "เท่าที่ผมเป็น เท่าที่ผมมี" มันยังไม่เพียงพอที่จะให้ผมยืนหยัดอยู่ในอาชีพนี้ได้ ในระดับของโอกาส ที่เท่าเทียมกับคนอื่นในสังคม
ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ท้อหรอกครับ ผมจะสู้ต่อไป ในอาชีพของผม ด้วยต้นทุนเท่าที่ผมมี
ผมยังหวังว่า สักวันหนึ่งคุณค่าของงานที่ได้สร้างไว้ในวันนี้คงจะมีโอกาสเข้าถึงการรับรู้ของผู้ชม ด้วยรูปแบบของสื่อที่ต่างกันออกไป
เช่น จากแผ่น DVD ไม่ว่าจะเป็นแผ่นแท้หรือแผ่นผี หรือถูกฉายในช่องฟรีทีวี หรือแม้แต่ในวงสนทนาของผู้ที่ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้
ผมก็ดีใจแล้วครับ
วันพุธที่ 14 กันยายน 2554 ก็จะเป็นวันสุดท้าย ที่หนัง "คนโขน" จะได้ฉายในโรงภาพยนตร์ ไม่มีโรงไหนยอมฉายหนังเรื่องนี้ต่อไปหรอกครับ
ในเมื่อแต่ละรอบมีคนดูไม่เกินหลักสิบ ผมไม่โทษโรงภาพยนตร์เลย ออกจะเห็นใจเขาด้วยซ้ำ
แต่ก็ยังดีที่กระทรวงวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของงานที่เหมาะแก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ยังดีที่ บ.ไทยประกันชีวิต และ ธอส.
ก็เห็นคุณค่านี้ด้วย จึงเอื้อเฟื้อค่าใช้จ่ายในการเหมาโรงฉายให้นักเรียน หลากหลายโรงเรียนได้เข้าชมฟรี โดยแจ้งความจำนงมาที่กระทรวง
ณ วันนี้ มีรอคิวอยู่แล้วประมาณ 20 โรงเรียน เรียงกันไปจนถึงอาทิตย์หน้า
ฉะนั้น หากพี่น้องท่านใด อยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการสั่งลา ก็ทำได้ด้วยการรวมตัวกันประมาณ 100 คนขึ้นไป
นัดหมายกันไปซื้อตั๋วดูรอบเดียวกัน โรงภาพยนตร์ก็จะเปิดรอบนั้นฉายให้เป็นกรณีพิเศษเป็นรอบ ๆ ไป ซึ่งพี่น้องสามารถเลือกโรงที่สะดวก
เดินทางง่าย โรงใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งมาที่ผมก่อน หรือจะผ่านทาง ASTV มายังผมก็น่าจะได้
ผมจะได้ติดต่อเหมาโรงล่วงหน้าให้ในทันที
คิดเล่น ๆ อีกสักครั้ง ฝันเล่น ๆ อีกสักครา หากพี่น้องพธม. พร้อมใจ รวมตัวกันมา เหมาโรงเหมารอบดูกันเอง ไม่ต้องทั้งหมดของ พธม.หรอกครับ
เอาแค่ซักครึ่งหนึ่งของจำนวนพวกเราที่มี วิกฤตของผมครั้งนี้ ก็จะพลิกฟื้น ต่อชีวิตขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
อนิจจา... "ปาฎิหารย์คงไม่มีจริง เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนมีผลมาจากเหตุและปัจจัย "
กราบคารวะน้ำใจของพี่น้องทุกท่านอีกสักครั้ง บนบทความว่าด้วยเรื่อง คนโขน ชิ้นสุดท้ายชิ้นนี้ เพราะรู้ว่าอ้อมแขนอันโอบอุ่นของพี่น้องยังคงประคองผมอยู่ จะมากจะน้อยแค่ไหน หากไม่ตาย ผมคงได้ทดแทนคุณครับผม
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
๑๓ กันยายน ๒๕๕๔
************************************************************************************************
ปล. ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ได้เข้าร่วมชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 และเป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นในปี พ.ศ. 2541 รวมถึงเป็นกรรมการบริหารพรรคในระยะแรกด้วย แต่ในวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2550 ศรัณยูเป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าร่วมในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเข้าร่วมชุมนุมตั้งแต่วันแรกที่มาชุมนุม คือ วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และได้ร่วมชุมนุมอยู่บ่อยครั้งและได้ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เพื่อนนักแสดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย และในปัจจุบัน ก็เกิดวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย ขึ้นอีกครั้ง ศรัณยูเป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าร่วมในการขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดลาออกจากตำแหน่ง และได้ขึ้นเวทีร้องเพลงอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งถูกแต่งตั้งให้เป็นแกนนำฯ รุ่นที่ 2 ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
และในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ได้รับเลือกให้เป็นรองเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ของทางกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ผลการเลือกตั้ง พรรคการเมืองใหม่ไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%A2%E0%B8%B9_%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87
ผลของการเลือกข้าง "ตั๊ว - ศรัณยูเขียนบันทึกปิดม่าน"คนโขน" ตัดพ้อ พธม.ไม่ช่วยดู"
"ตั้ว-ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ผู้สร้าง ผู้เขียนบท ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องคนโขนเขียนบันทึกในเฟซบุ๊คของเขาเมื่อ 13 กันยายน
หัวข้อเรื่อง "ปิดม่าน "คนโขน" ปาฏิหารย์ไม่มีจริง ทุกสรรพสิ่งมีผลมาจากเหตุและปัจจัย " โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
จั่วหัวไว้อย่างนี้ พี่น้องคงพอเดาได้ ว่าเนื้อหาบรรทัดต่อๆ ไปของบทความนี้จะเคลื่อนตัวไปในแนวไหน
กว่าสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมทุ่มเททั้งชีวิตให้กับภารกิจทุกอย่างที่เจ้าของหนังคนหนึ่งพึงกระทำได้ นับตั้งแต่เปิดตัวประชาสัมพันธ์
เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่ามีหนังเรื่อง คนโขน รออยู่ในโรงฉาย ชักชวน อ้อนวอนคนรู้จักมากมายให้พากันมาดูหนังเรื่องนี้
ผมแอบฝันเล็กๆว่า หากมีพี่น้องพันธมิตร ซึ่งไม่ต้องถึงกับทั้งหมดหรอกครับ เอาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเท่าที่มี พร้อมใจกันมาดูหนังเรื่องนี้
รายได้ของหนังก็จะทะลุเกินเป้า ที่นายทุนตั้งความหวังไว้แล้ว... นายทุนเองยังพลอยยิ้ม เห็นด้วยกับความฝันของผมเลย
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่!!!
ผมเพิ่งกลับจาก บ.สหมงคลฟีล์ม เพิ่งเปิดบัญชี ดูตัวเลขรายได้ทั้งหมดที่เก็บได้จนถึงรอบเมื่อกี้ ทุกคนตกใจ
มันน้อยเกินว่าระดับต่ำสุดที่เราประเมินไว้เสียอีก...น้อยจริง ๆ ครับ อย่าให้ผมบอกตัวเลขเลย ผู้ที่คอยลุ้นคอยให้กำลังใจผมตลอดมา
จะพลอยหดหู่ใจกันเปล่าๆ แต่คนที่ีอยู่ฟากฝั่งตรงข้ามหากเห็นตัวเลขนี้เข้า ก็คงจะสมน้ำหน้า ว่าสมแล้วหละ...
ถ้าจะบอกว่าผมไม่เสียใจ ก็คงจะเป็นการโกหกตัวเองเกินไป เพียงแต่ว่าภายใต้ความชอกช้ำใจครั้งนี้...
มันได้บอกอะไรกับผมหลายต่อหลายอย่าง...
ในส่วนของตัวงานภาพยนตร์ ผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว เพราะเกือบทุกคนที่ดูคนโขน ต่างพากันชื่นชมในคุณค่าของงาน
ในมุมมองที่ต่าง ๆ กัน ตามแต่รสนิยมในการรับรู้ของแต่ละคน จะมีบ้างบางมุม ที่เห็นต่างกันไป หรือมีบางมุมที่ไม่ชอบ ขัดใจ
เช่น ชะตากรรมของตัวละครในตอนจบ ซึ่งผมถือว่านี่คือเสียงตอบรับที่ดี ที่ตัวหนังได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์เชิงสร้างสรรค์
ไม่ใช่ตั้งใจชม หรือตั้งใจเชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตา
นักข่าวอาวุโสหลายท่านต่างเขียนชมภาพยนตร์เรื่อง"คนโขน" นี้กันไม่น้อย ล่าสุดคอลัมน์ ซูม ใน นสพ.ไทยรัฐ ฉบับเมื่อเช้านี้ (13 ก.ย.2554)
ก็กล่าวชมยาวทั้งคอลัมน์ บนความเสียดายของคุณซูมที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ช้าไป
ในส่วนของกำลังใจจากพี่น้อง พธม.นั้น ผมพูดอะไรไม่ออก น้ำตามากมายของผมหยดลงบนบันทึกก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
คำว่าขอบคุณนับล้านคำ นับล้านครั้ง ก็ยังไม่เท่าน้ำใจไมตรีที่พี่น้องมอบให้กับหนังของผม
ผมได้รู้ว่า "เท่าที่ผมเป็น เท่าที่ผมมี" มันยังไม่เพียงพอที่จะให้ผมยืนหยัดอยู่ในอาชีพนี้ได้ ในระดับของโอกาส ที่เท่าเทียมกับคนอื่นในสังคม
ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ท้อหรอกครับ ผมจะสู้ต่อไป ในอาชีพของผม ด้วยต้นทุนเท่าที่ผมมี
ผมยังหวังว่า สักวันหนึ่งคุณค่าของงานที่ได้สร้างไว้ในวันนี้คงจะมีโอกาสเข้าถึงการรับรู้ของผู้ชม ด้วยรูปแบบของสื่อที่ต่างกันออกไป
เช่น จากแผ่น DVD ไม่ว่าจะเป็นแผ่นแท้หรือแผ่นผี หรือถูกฉายในช่องฟรีทีวี หรือแม้แต่ในวงสนทนาของผู้ที่ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้
ผมก็ดีใจแล้วครับ
วันพุธที่ 14 กันยายน 2554 ก็จะเป็นวันสุดท้าย ที่หนัง "คนโขน" จะได้ฉายในโรงภาพยนตร์ ไม่มีโรงไหนยอมฉายหนังเรื่องนี้ต่อไปหรอกครับ
ในเมื่อแต่ละรอบมีคนดูไม่เกินหลักสิบ ผมไม่โทษโรงภาพยนตร์เลย ออกจะเห็นใจเขาด้วยซ้ำ
แต่ก็ยังดีที่กระทรวงวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของงานที่เหมาะแก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ยังดีที่ บ.ไทยประกันชีวิต และ ธอส.
ก็เห็นคุณค่านี้ด้วย จึงเอื้อเฟื้อค่าใช้จ่ายในการเหมาโรงฉายให้นักเรียน หลากหลายโรงเรียนได้เข้าชมฟรี โดยแจ้งความจำนงมาที่กระทรวง
ณ วันนี้ มีรอคิวอยู่แล้วประมาณ 20 โรงเรียน เรียงกันไปจนถึงอาทิตย์หน้า
ฉะนั้น หากพี่น้องท่านใด อยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการสั่งลา ก็ทำได้ด้วยการรวมตัวกันประมาณ 100 คนขึ้นไป
นัดหมายกันไปซื้อตั๋วดูรอบเดียวกัน โรงภาพยนตร์ก็จะเปิดรอบนั้นฉายให้เป็นกรณีพิเศษเป็นรอบ ๆ ไป ซึ่งพี่น้องสามารถเลือกโรงที่สะดวก
เดินทางง่าย โรงใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งมาที่ผมก่อน หรือจะผ่านทาง ASTV มายังผมก็น่าจะได้
ผมจะได้ติดต่อเหมาโรงล่วงหน้าให้ในทันที
คิดเล่น ๆ อีกสักครั้ง ฝันเล่น ๆ อีกสักครา หากพี่น้องพธม. พร้อมใจ รวมตัวกันมา เหมาโรงเหมารอบดูกันเอง ไม่ต้องทั้งหมดของ พธม.หรอกครับ
เอาแค่ซักครึ่งหนึ่งของจำนวนพวกเราที่มี วิกฤตของผมครั้งนี้ ก็จะพลิกฟื้น ต่อชีวิตขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
อนิจจา... "ปาฎิหารย์คงไม่มีจริง เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนมีผลมาจากเหตุและปัจจัย "
กราบคารวะน้ำใจของพี่น้องทุกท่านอีกสักครั้ง บนบทความว่าด้วยเรื่อง คนโขน ชิ้นสุดท้ายชิ้นนี้ เพราะรู้ว่าอ้อมแขนอันโอบอุ่นของพี่น้องยังคงประคองผมอยู่ จะมากจะน้อยแค่ไหน หากไม่ตาย ผมคงได้ทดแทนคุณครับผม
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
๑๓ กันยายน ๒๕๕๔
************************************************************************************************
ปล. ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ได้เข้าร่วมชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 และเป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นในปี พ.ศ. 2541 รวมถึงเป็นกรรมการบริหารพรรคในระยะแรกด้วย แต่ในวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2550 ศรัณยูเป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าร่วมในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเข้าร่วมชุมนุมตั้งแต่วันแรกที่มาชุมนุม คือ วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และได้ร่วมชุมนุมอยู่บ่อยครั้งและได้ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เพื่อนนักแสดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย และในปัจจุบัน ก็เกิดวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย ขึ้นอีกครั้ง ศรัณยูเป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าร่วมในการขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดลาออกจากตำแหน่ง และได้ขึ้นเวทีร้องเพลงอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งถูกแต่งตั้งให้เป็นแกนนำฯ รุ่นที่ 2 ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
และในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ได้รับเลือกให้เป็นรองเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ของทางกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ผลการเลือกตั้ง พรรคการเมืองใหม่ไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%A2%E0%B8%B9_%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87