แล้วสิ่งที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอคอยมาตลอดฤดูกาลก็เป็นจริง เมื่อสามารถผงาดครองแชมป์ลีกอังกฤษสมัยที่ 20 หรือถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีก ก็เป็นครั้งที่ 13 จากการชนะผู้มาเยือน แอสตัน วิลล่า 3-0 ในแมตช์ที่ 34 เมื่อ 22 เมษายน 2013
นี่คือการกลับมาเอาคืน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังโดนเพื่อนร่วมเมืองค่ายนี้ ปาดหน้าคว้าแชมป์ในแมตช์สุดท้ายฤดูกาลที่แล้ว คราวนี้เลยขอไปครอง 4 เกมก่อนจบ และเป็นการพิสูจน์ว่าการซื้อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จาก อาร์เซน่อล 24 ล้านปอนด์ เมื่อปีกลาย คือการลงทุนอันคุ้มค่า เพราะกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ซัด 24 ประตูใน 34 นัด ช่วยให้ต้นสังกัดประสบความสำเร็จตามเป้าภายในฤดูกาลแรกที่ร่วมงานกัน ทั้งๆสัญญาที่เซ็นไว้ระบุว่า "ปีศาจแดง" จ่ายก่อน 22.5 ล้าน ส่วนอีก 1.5 ล้าน จ่ายตอนเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ของแบบนี้ไม่ต้องรอนาน "อาร์วีพี" จัดให้ทันที หากไม่มีฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขา ก็ไม่รู้ว่าจะสมหวังกันหรือเปล่า เพราะนอกจากแฮ็ตทริกในนัดล่าสุด เจ้าตัวยังช่วยทำสกอร์สำคัญวันชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน (3-2), ลิเวอร์พูล (2-1), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (1-0), เร้ดดิ้ง (4-3), แมนฯซิตี้ (3-2)
แม้ภาพนี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว แต่ข้อความนั้นยังคงเป็นจริงได้อีก
ฟาน เพอร์ซี่ โชว์ฟอร์มเด่นตอบแทน "ปีศาจแดง" จนตัวเองเข้าชิงฯรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ สมาคมนักเตะอาชีพ และมีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ซึ่งทั้ง 2 ตำแหน่งเขาคว้ามาแล้วเมื่อฤดูกาลก่อน แต่แชมป์ลีกคือสิ่งเดียวที่เขายังไม่เคยได้ คราวนี้ก็สมหวังเสียที นอกจากแนวรุก ดีสุดในลีก แมนฯยูไนเต็ด ยังกลับมาครองบัลลังก์เพราะมีผลงานดีสุดของลีก ทั้งตอนเฝ้าบ้าน และออกนอกรัง (ชนะเกมเหย้า 15 จาก 17 นัด แพ้แค่ ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์ กับ แมนฯซิตี้ นอกถิ่นชนะ 12 แพ้ 3 เกม พ่าย เอฟเวอร์ตัน และ นอริช ซิตี้) ทำให้ช่วงหนึ่งไม่แพ้ใคร 18 แมตช์ติดต่อกัน คว้าชัย 7 ครั้งซ้อน แถมไม่เสียประตู 6 เกมรวด
เป็นการเสริมทัพที่สุดคุ้มค่าสำหรับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
แม้แนวรับจะทำให้แฟนบอลปวดใจหลายหน แต่ถือว่าไม่มีใครย่ำแย่ ราฟาเอล, จอนนี่ อีแวนส์ ทำผลงานดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนแผงกลาง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ก็โดดเด่นมาก
ในแนวรับ ก็มี ราฟาเอล (ซ้าย) ที่เล่นได้โดดเด่นกว่าปีก่อนๆ จนกลายเป็นแบ๊กขวาคนสำคัญไปแล้ว
แมนฯยูไนเต็ด คว้าแชมป์เพราะแทบไม่พลาดในเกมสำคัญ เช่นบุกเชือด แมนฯซิตี้ ถึงถิ่น 3-2 (หลังจากถูกไล่ตามตีเสมอในนาที 86 และฤดูกาลก่อนพ่ายทีมนี้แบบไป-กลับ) แมตช์ต้อนรับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดนทีมเยือนกดขึ้นนำ 3 ครั้ง แต่ยังไล่ตามได้ทุกรอบ ก่อนมาคว้า 3 คะแนนด้วยสกอร์ 4-3 ในนาทีสุดท้าย มีอีกหลายหนที่ถูกขึ้นนำก่อน แต่ไม่ทำให้ "ปีศาจแดง" หวั่นไหว แถมสามารถแซงกลับมาชนะคู่แข่งอยู่เสมอๆ จนได้ฉายา "โดนนำสไตล์" เช่นตอนเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมเจ้าบ้านซึ่งเป็นน้องใหม่ อุตส่าห์ออกนำถึง 2 ครั้ง แต่ ฟาน เพอร์ซี่ ซัด 2 ลูกใน 3 นาทีท้าย ทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายเก็บ 3 คะแนนได้แทน วันที่เยือน แอสตัน วิลล่า ก็มายิง 3 ลูกรวดใน 32 นาทีสุดท้าย จนคว้าชัยสำเร็จ ตอนเยือน เร้ดดิ้ง แชมป์ฟุตบอลลีก แชมเปี้ยนชิพ โดนนำ 3-2 ก็กลับมาชนะ 4-3
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่มีข้อผิดพลาดเหมือนฤดูกาลก่อน
นี่คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่เดือนเมษายนครั้งที่ 6 แม้ยังไม่เร็วสุดในประวัติศาสตร์ แต่เจ้าของสถิติก็ยังเป็น แมนฯยูไนเต็ด โดยทำได้เมื่อ 14 เมษายน 2001 ขณะเหลืออีก 5 เกมก่อนจบฤดูกาล ตอนนั้นรองแชมป์คือ อาร์เซน่อล และล่าสุด "ปีศาจแดง" นำห่าง แมนฯซิตี้ 16 คะแนน ยังไม่ขาดลอยเท่ากับที่พวกเขาเคยซิวแชมป์ปี 2000 โดยทิ้งห่างอันดับ 2 อาร์เซน่อล 18 แต้ม และถึงจะเคยได้ถ้วยพรีเมียร์ลีก 13 สมัย แต่ แมนฯยูไนเต็ด เพิ่งสามารถการันตีการเป็นแชมป์ตอนเตะในบ้านตัวเองหนที่ 3 อีก 2 ครั้งคือปี 1999 กับ 2009 นอกจากนั้นก็ต้องไปเฮนอกถิ่นเสมอ อีกสถิติหนึ่งซึ่งลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังพอมีโอกาสทำลาย คือคะแนนสูงสุดใน 1 ฤดูกาล เชลซี เคยทำไว้ 95 คะแนน เมื่อปี 2005 แต่ 4 เกมสุดท้าย "ปีศาจแดง" ต้องชนะให้หมด (เยือน อาร์เซน่อล, เหย้า เชลซี, เหย้า สวอนซี ซิตี้, เยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)
ยังมีอีกหลายสถิติรอให้ แมนฯยูไนเต็ด ชุดนี้ได้ทำลาย
กระนั้น แมนฯยูไนเต็ด ยังมีโอกาสทำลาย หรือเทียบเท่าสถิติการได้คะแนนสูงสุดใน 1 ฤดูกาลของตัวเอง คือ 92 แต้มเมื่อปี 1992 (อาจรวมปี 1957 ด้วย ถ้าทีมชนะคือ 3 คะแนน แต่ยุคนั้นชนะได้แค่ 2 และ "ปีศาจแดง" เลยจบฤดูกาลด้วยการมี 64 แต้ม) หากทำสำเร็จจะถือว่าชุดปัจจุบันยอดเยี่ยมมาก และถูกจดจำไปอีกนานเช่นกัน เพราะทั้ง 2 หนเกิดขึ้นจากการแข่งขัน 42 นัด แต่คราวนี้แค่ 38 เกมเท่านั้น สำหรับฤดูกาลที่มีแค่ 38 แมตช์ แมนฯยูไนเต็ด เคยทำไว้สูงสุด 90 คะแนนเมื่อปี 2009 ส่วนสถิติชนะสูงสุด 28 นัด (1957, 2009) น่าจะถูก ฟาน เพอร์ซี่ และเพื่อน แซงในฤดูกาลนี้ ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อกจนเกินไป แต่สถิติที่ทำลายไม่ได้แน่นอนแล้ว คือพ่ายน้อยสุดของสโมสร (3 ครั้งในฤดูกาล 1891-92, 1998-99 กับ 1999-2000) และยิงมากสุดในศึกพรีเมียร์ลีก 103 ประตู (แมนฯยูไนเต็ด 1956-57 กับ เชลซี 2009-10 ครองร่วมกัน)
ขอแสดงความยินดีด้วยกับแฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองสมใจ หลังจากฤดูกาลนี้ผิดหวังกันมาหลายรายการ นี่คือช่วงเวลาเฉลิมฉลอง ก่อนการแข่งขันครั้งใหม่สำหรับพวกเขา และทีมอื่นๆ จะเริ่มต้นในไม่ช้า
บรรยากาศการเฉลิมฉลองของขุนพล "ปีศาจแดง" ในห้องพัก หลังจบเกมกับ แอสตัน วิลล่า
credit : www.siamsport.co.th โดย คอลัมน์ : ตีท้ายข่าว โดย.. นาร์ซีส์ซัส
[บทความผีแดง 2013-04-27] แชมป์สมัยที่ 20 ของ ''ปีศาจแดง'' & เร้ดแน็ปป์ชี้ "ยูไนเต็ดตอนนี้ยังสู้ชุด 3 แชมป์ไม่ได้"
นี่คือการกลับมาเอาคืน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังโดนเพื่อนร่วมเมืองค่ายนี้ ปาดหน้าคว้าแชมป์ในแมตช์สุดท้ายฤดูกาลที่แล้ว คราวนี้เลยขอไปครอง 4 เกมก่อนจบ และเป็นการพิสูจน์ว่าการซื้อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จาก อาร์เซน่อล 24 ล้านปอนด์ เมื่อปีกลาย คือการลงทุนอันคุ้มค่า เพราะกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ซัด 24 ประตูใน 34 นัด ช่วยให้ต้นสังกัดประสบความสำเร็จตามเป้าภายในฤดูกาลแรกที่ร่วมงานกัน ทั้งๆสัญญาที่เซ็นไว้ระบุว่า "ปีศาจแดง" จ่ายก่อน 22.5 ล้าน ส่วนอีก 1.5 ล้าน จ่ายตอนเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ของแบบนี้ไม่ต้องรอนาน "อาร์วีพี" จัดให้ทันที หากไม่มีฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขา ก็ไม่รู้ว่าจะสมหวังกันหรือเปล่า เพราะนอกจากแฮ็ตทริกในนัดล่าสุด เจ้าตัวยังช่วยทำสกอร์สำคัญวันชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน (3-2), ลิเวอร์พูล (2-1), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (1-0), เร้ดดิ้ง (4-3), แมนฯซิตี้ (3-2)
แม้ภาพนี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว แต่ข้อความนั้นยังคงเป็นจริงได้อีก
ฟาน เพอร์ซี่ โชว์ฟอร์มเด่นตอบแทน "ปีศาจแดง" จนตัวเองเข้าชิงฯรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ สมาคมนักเตะอาชีพ และมีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ซึ่งทั้ง 2 ตำแหน่งเขาคว้ามาแล้วเมื่อฤดูกาลก่อน แต่แชมป์ลีกคือสิ่งเดียวที่เขายังไม่เคยได้ คราวนี้ก็สมหวังเสียที นอกจากแนวรุก ดีสุดในลีก แมนฯยูไนเต็ด ยังกลับมาครองบัลลังก์เพราะมีผลงานดีสุดของลีก ทั้งตอนเฝ้าบ้าน และออกนอกรัง (ชนะเกมเหย้า 15 จาก 17 นัด แพ้แค่ ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์ กับ แมนฯซิตี้ นอกถิ่นชนะ 12 แพ้ 3 เกม พ่าย เอฟเวอร์ตัน และ นอริช ซิตี้) ทำให้ช่วงหนึ่งไม่แพ้ใคร 18 แมตช์ติดต่อกัน คว้าชัย 7 ครั้งซ้อน แถมไม่เสียประตู 6 เกมรวด
เป็นการเสริมทัพที่สุดคุ้มค่าสำหรับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
แม้แนวรับจะทำให้แฟนบอลปวดใจหลายหน แต่ถือว่าไม่มีใครย่ำแย่ ราฟาเอล, จอนนี่ อีแวนส์ ทำผลงานดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนแผงกลาง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ก็โดดเด่นมาก
ในแนวรับ ก็มี ราฟาเอล (ซ้าย) ที่เล่นได้โดดเด่นกว่าปีก่อนๆ จนกลายเป็นแบ๊กขวาคนสำคัญไปแล้ว
แมนฯยูไนเต็ด คว้าแชมป์เพราะแทบไม่พลาดในเกมสำคัญ เช่นบุกเชือด แมนฯซิตี้ ถึงถิ่น 3-2 (หลังจากถูกไล่ตามตีเสมอในนาที 86 และฤดูกาลก่อนพ่ายทีมนี้แบบไป-กลับ) แมตช์ต้อนรับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดนทีมเยือนกดขึ้นนำ 3 ครั้ง แต่ยังไล่ตามได้ทุกรอบ ก่อนมาคว้า 3 คะแนนด้วยสกอร์ 4-3 ในนาทีสุดท้าย มีอีกหลายหนที่ถูกขึ้นนำก่อน แต่ไม่ทำให้ "ปีศาจแดง" หวั่นไหว แถมสามารถแซงกลับมาชนะคู่แข่งอยู่เสมอๆ จนได้ฉายา "โดนนำสไตล์" เช่นตอนเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมเจ้าบ้านซึ่งเป็นน้องใหม่ อุตส่าห์ออกนำถึง 2 ครั้ง แต่ ฟาน เพอร์ซี่ ซัด 2 ลูกใน 3 นาทีท้าย ทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายเก็บ 3 คะแนนได้แทน วันที่เยือน แอสตัน วิลล่า ก็มายิง 3 ลูกรวดใน 32 นาทีสุดท้าย จนคว้าชัยสำเร็จ ตอนเยือน เร้ดดิ้ง แชมป์ฟุตบอลลีก แชมเปี้ยนชิพ โดนนำ 3-2 ก็กลับมาชนะ 4-3
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่มีข้อผิดพลาดเหมือนฤดูกาลก่อน
นี่คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่เดือนเมษายนครั้งที่ 6 แม้ยังไม่เร็วสุดในประวัติศาสตร์ แต่เจ้าของสถิติก็ยังเป็น แมนฯยูไนเต็ด โดยทำได้เมื่อ 14 เมษายน 2001 ขณะเหลืออีก 5 เกมก่อนจบฤดูกาล ตอนนั้นรองแชมป์คือ อาร์เซน่อล และล่าสุด "ปีศาจแดง" นำห่าง แมนฯซิตี้ 16 คะแนน ยังไม่ขาดลอยเท่ากับที่พวกเขาเคยซิวแชมป์ปี 2000 โดยทิ้งห่างอันดับ 2 อาร์เซน่อล 18 แต้ม และถึงจะเคยได้ถ้วยพรีเมียร์ลีก 13 สมัย แต่ แมนฯยูไนเต็ด เพิ่งสามารถการันตีการเป็นแชมป์ตอนเตะในบ้านตัวเองหนที่ 3 อีก 2 ครั้งคือปี 1999 กับ 2009 นอกจากนั้นก็ต้องไปเฮนอกถิ่นเสมอ อีกสถิติหนึ่งซึ่งลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังพอมีโอกาสทำลาย คือคะแนนสูงสุดใน 1 ฤดูกาล เชลซี เคยทำไว้ 95 คะแนน เมื่อปี 2005 แต่ 4 เกมสุดท้าย "ปีศาจแดง" ต้องชนะให้หมด (เยือน อาร์เซน่อล, เหย้า เชลซี, เหย้า สวอนซี ซิตี้, เยือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)
ยังมีอีกหลายสถิติรอให้ แมนฯยูไนเต็ด ชุดนี้ได้ทำลาย
กระนั้น แมนฯยูไนเต็ด ยังมีโอกาสทำลาย หรือเทียบเท่าสถิติการได้คะแนนสูงสุดใน 1 ฤดูกาลของตัวเอง คือ 92 แต้มเมื่อปี 1992 (อาจรวมปี 1957 ด้วย ถ้าทีมชนะคือ 3 คะแนน แต่ยุคนั้นชนะได้แค่ 2 และ "ปีศาจแดง" เลยจบฤดูกาลด้วยการมี 64 แต้ม) หากทำสำเร็จจะถือว่าชุดปัจจุบันยอดเยี่ยมมาก และถูกจดจำไปอีกนานเช่นกัน เพราะทั้ง 2 หนเกิดขึ้นจากการแข่งขัน 42 นัด แต่คราวนี้แค่ 38 เกมเท่านั้น สำหรับฤดูกาลที่มีแค่ 38 แมตช์ แมนฯยูไนเต็ด เคยทำไว้สูงสุด 90 คะแนนเมื่อปี 2009 ส่วนสถิติชนะสูงสุด 28 นัด (1957, 2009) น่าจะถูก ฟาน เพอร์ซี่ และเพื่อน แซงในฤดูกาลนี้ ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อกจนเกินไป แต่สถิติที่ทำลายไม่ได้แน่นอนแล้ว คือพ่ายน้อยสุดของสโมสร (3 ครั้งในฤดูกาล 1891-92, 1998-99 กับ 1999-2000) และยิงมากสุดในศึกพรีเมียร์ลีก 103 ประตู (แมนฯยูไนเต็ด 1956-57 กับ เชลซี 2009-10 ครองร่วมกัน)
ขอแสดงความยินดีด้วยกับแฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองสมใจ หลังจากฤดูกาลนี้ผิดหวังกันมาหลายรายการ นี่คือช่วงเวลาเฉลิมฉลอง ก่อนการแข่งขันครั้งใหม่สำหรับพวกเขา และทีมอื่นๆ จะเริ่มต้นในไม่ช้า
บรรยากาศการเฉลิมฉลองของขุนพล "ปีศาจแดง" ในห้องพัก หลังจบเกมกับ แอสตัน วิลล่า
credit : www.siamsport.co.th โดย คอลัมน์ : ตีท้ายข่าว โดย.. นาร์ซีส์ซัส