เอกเขนกดูหนัง:'คู่กรรม 2556'


"คู่กรรม 2556" : คอลัมน์ เอกเขนกดูหนัง โดย... ณัฐพงษ์ โอฆะพนม


          ท่ามกลางเสียงชิงชัง ก่นด่า ระงมไปทั่วเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง ‘พันทิป’ ขณะเดียวกันคนที่ชื่นชมหลงใหล “คู่กรรม” ถึงขั้นเป็นแฟนเดนตาย ก็ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ และเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจำนวนคนที่ชอบและรอบที่หลายคนออกไปดูซ้ำ เผลอๆ คู่กรรมฉบับ 2556  อาจกลายเป็นหนัง ‘คัลต์’ (ที่ไม่ใช่หนังสยองขวัญ หรือบู๊เลือดสาด) ซึ่งมีทั้งคนเกลียดเข้าไส้ และหลงรักหัวปักหัวปำ มีเหลี่ยมมุมให้นำมาขบคิดพิจารณาได้อยู่บ่อยๆ แม้จะออกโรง ลงแผ่นไปแล้วก็ตาม…ส่วนตัวผมนั้น เลือกอยู่ตรงกลาง คือชอบหลายๆ อย่างที่หนังเลือกนำเสนอ และไม่ชอบความบกพร่องบางอย่างที่ทำให้หนังไปไม่สุดทาง แต่โดยรวมแล้วค่อนไปในทางชอบและอยากขอชื่นชม

          คู่กรรม เวอร์ชั่นที่กำกับโดยคุณเรียว กิตติกร มีณเดชน์ คูกิมิยะ และ ‘ริชชี่’ อรเณศ ดีคาบาเลส รับบทนำซึ่งถูกนำเสนอในมุมมองของหนังรักวัยรุ่น ‘เพียวๆ’ ทั้งนี้เพราะ คุณเรียวลดทอนรายละเอียดของบรรยากาศโดยรอบ ไม่ว่าจะแง่มุมทางประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิม “คู่กรรม” พ.ศ.นี้ ไม่มีทั้งขิม หิ่งห้อย หรืองานศิลปหัตถกรรมไทยอย่างร้อยมาลัยดอกมะลิ ฯลฯ หากเต็มไปด้วยกลิ่นไอสงคราม ทั้งเสียงเครื่องบิน ควันระเบิด การสืบเสาะจับจ้องมองหาสายลับของทหารญี่ปุ่น-เยอรมัน โดยเฉพาะ ตาบัว ตาผล ที่ไม่ใช่ลูกล่อคอยสร้างความครึกครื้นในหนังเหมือนหลายเวอร์ชั่นที่ผ่านมา หากแต่เป็นสปาย ที่เอาจริงเอาจังกับการลอบทำร้ายทหารญี่ปุ่นและคอยช่วยเหลือเสรีไทย ที่สำคัญ “คู่กรรม” ฉบับนี้ มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของโกโบริและอังศุมาลินล้วนๆ โดยทั้งเขาและเธอต่างดำรงสถานะแค่เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาว ที่ต่างแบกรับพันธะสัญญาบางอย่าง และพร้อมจะปลดแอกตัวเองเป็นอิสระเมื่อถึงเวลา

          แค่ฉากแรกก็บ่งบอกถึง ‘ภาระ’ ของโกโบริ ที่ณเดชน์แบกรับไว้ โดยเฉพาะความในใจที่เขาพรั่งพรูไว้ว่า หน้าที่การสานสัมพันธ์คนไทยกับญี่ปุ่นของเขานั้น ดูจะเป็นเรื่องยากยิ่งเหมือนกับประสานรอยร้าวของแก้วที่แตกไปแล้วทั้งใบ ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะแปรรูปเป็นงานแอนิเมชั่น คล้ายจะส่งสัญญาณว่า นี่คือเรื่องราวชวนฝันของเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาว ที่เต็มไปด้วยสีสันและโลกที่พวกเขาสามารถขีดเขียนมันได้ด้วยมือตัวเอง


          ฉากถัดมา นายทหารช่างหนุ่มก็บังเอิญประทับใจเด็กสาวที่ว่ายน้ำมาแอบดูอู่ต่อเรือที่เขาดูแล สาวที่ว่ามัดจุกเล็กๆ กลางศีรษะ และพูดจาภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแคล่ว และโกโบริก็แค่พยายามจะสานสัมพันธ์ในฐานะคนต่างถิ่นโดยเรียกเธอว่า ‘เพื่อนเล่น’ เพราะความเข้าใจผิด ก่อนจะเจอกันโดยบังเอิญที่ท่าน้ำหน้าบ้านฝ่ายหญิง และฝ่ายชายพยายามทอดไมตรีเรื่อยมา

          งานสร้างของ “คู่กรรม” 2556 อาจจะไม่ได้ประดิดประดอยจนวิจิตรเลิศหรูเหมือนแต่ละภาคที่ผ่านมา หากแต่เน้นความสมจริง โดยเฉพาะบรรยากาศขมุกขมัว ตัวละครมอมแมม เนื่องจากตกอยู่ในภาวะสงคราม และฉากที่สะท้อนความนัยของตัวละครได้ดีที่สุดในทุกๆ มิติฉากหนึ่งคือฉากเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดสะพานพุทธฯ ที่แสดงให้เห็นถึงความสับสนในความรักและเบื่อหน่ายสงครามของอังศุมาลินได้อย่างมีชั้นเชิงที่สุด

          การดำรงสถานะหนังรักของ “คู่กรรม” ฉบับนี้ ยังกระเดียดมาทางรักโรแมนติก เมื่อต่างฝ่ายต่างเสียสละเพื่อความรักด้วยกันทั้งคู่ ‘อังศุมาลิน’ ของริชชี่ อาจไม่ใช่หญิงสวยหวานที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว หากแต่คือเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่นิสัยห่ามห้าวของเธอพ่ายแพ้ต่อความดีของหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัย ‘อังศุมาลิน’ ปี 2013 เป็นสาวน้อยที่ปรับตัว เรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดได้ในโลกปัจจุบันขณะ เป็นตัวละครหญิงที่ได้รับการเชิดชูในทุกๆ ความหมาย โดยเฉพาะชื่อ ฮิเดโกะ ที่ไม่เพียงแปลว่าพระอาทิตย์ใน “คู่กรรม” ฉบับอื่น หากแต่หนังคู่กรรมตอนนี้ ‘โกโบริ’ ขยับเธอขึ้นมาเป็นพระอาทิตย์ขึ้น และให้คำตอบกลายๆ ว่า เหตุใด อังศุมาลิน ถึงเดินตามหาสามีจนเจอถึงรุ่งเช้าอีกวัน



ข่าวจาก  :  คม ชัด ลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20130426/156979/เอกเขนกดูหนัง:คู่กรรม2556.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่