ข้อความอาจจะยาวมากนะครับ เพราะอยากได้ความเห็นหลายๆด้าน ว่าควรจะปรับ หรือควรจะแก้ ควรจะไม่เอาตรงไหนยังไงบ้าง
ขอเกริ่นก่อนว่า ตอนนี้ครอบครัวผม มีอยู่ด้วยกัน 5 คนคือ คุณพ่อ คุณแม่ ผม ภรรยา และลูกชาย ปีนี้ผมอายุ 24 แต่ผมอยากวางแผนชีวิตเผื่อไปอีกไกลๆหลายสิบปีครับ เพราะคิดว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ตายวันไหนเราก็ไม่รู้ ในตอนที่มีชีวิตอยู่จึงอยากวางแผนอะไรให้ครอบครัวบ้าง เพื่อลูกเพื่อหลานในอนาคตครับ
ตอนนี้ผมและแม่ กำลังวางแผนเพื่อขายที่ดิน (ยังขายไม่ออก แต่อยากเอางบมาวางแผน) โดยตั้งงบประมาณจากเงินที่น่าจะขายได้แน่นอน คือ ราคาที่ขายได้แน่ๆ (เคยตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเรื่องที่ดินในห้อง อสังหา แล้วมีคนแนะนำว่า ที่แถวนั้นราคาที่ขายออกแน่ๆ คือเท่าไหร่ที่เค้าขายกัน)
โดยมีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้ ที่ดินจำนวน 14 ไร่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง (เพราะแต่เดินเป็นสวนลำไย แต่ตอนนี้ผลผลิตต่ำ รายได้ภายในบ้านติดลบ ทำให้ไม่มีการลงทุนเพิ่ม ไร่จึงเหลือแค่คนดูแล) ราคาขายออกแน่นอนคือ 350,000 (แต่คงไม่ได้ขายราคานี้ครับ เพราะที่ไร่มีปัจจัยต่างๆครบ คือ มี น้ำ-ไฟ ประปา บาดาล ติดถนนทางหลวง ติดอนามัยท้องถิ่น ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 15 กิโล และสถานที่ท่องเที่ยวประมาณ 20 กิโล)
รวมๆแล้วงบอยู่ราวๆ 4.9 - 5.5 ล้าน แต่ผมตีเป็น 4.9 เผื่อเอาไว้ที่ต่ำสุด
โดยสิ่งที่ผมต้องการเป็นอันดับต้นๆ เมื่อได้เงินมามีดังนี้
1. ซื้อบ้าน (รวมค่าตกแต่ง และ ต่อเติม ซ่อมบำรุง)
2. รถยนต์ (เน้นไปทางสมรรถนะสำหรับครอบครัวคือ นิ่ม ปลอดภัย ไม่เน้นการขายเพื่อซื้อใหม่ คือใช้ไปยาวๆ 10-20 ปี )
3. ลงทุนทำกิจการหรือธุรกิจเล็กๆ สำหรับครอบครัว (ที่คิดไว้คือ ทำร้านอาหาร จำพวกร้านสเต็กย่อมๆ แบบชาวบ้านๆ อาหารตามสั่ง)
4. เก็บออมเพื่อการศึกษาของลูก (เป็นการเก็บเผื่อมีตัวเล็กอีกคนในอนาคต ตั้งแต่ อนุบาล - ปริญญาตรี)
5. เผื่อฉุกเฉิน และค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือน (เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย ฯลฯ)
โดยผมวางแผนการซื้อบ้านกับรถเอาไว้แรกๆเลย เพราะคิดว่าบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต่อให้เราไม่มีเงิน อย่างน้อยเรายังมีบ้าน ยังมีที่อยู่อาศัย เรายังไม่จนปัญญา ยังหาทางออกได้เสมอตราบเท่าที่เรายังมีบ้านให้ซุกหัวนอน และแน่นอนคือรถ สำหรับการเดินทาง
บ้านผมตั้งงบประมาณการซื้อเอาไว้ที่ 2.5 ล้านครับ เป็นบ้านแถวลาดกระบัง ใกล้ๆกับที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบัน (ปัจจุบัน ครอบครัวผมเช่าบ้านอยู่ครับ) ขนาดบ้านราวๆ 50 ตารางวา ไม่อยากให้ต่ำกว่านี้ครับ
เพราะ ครอบครัวผมก็ปาไป 5 คนแล้ว และผมอยากพาคุณยายผม ซึ่งตอนนี้อยู่กับญาติท่านอื่นมาอยู่กับผมด้วย ผมอยากดูแลท่านเองมากครับ เพราะอย่างน้อยท่านก็ยังมีกำลังใจเวลาอยู่กับหลาน ได้เล่นกับหลาน และผมอาจจะมีรถพาท่านไปไหว้พระ พักผ่อนวันหยุดได้ครับ
และที่สำคัญคือคงต้องเป็นบ้านมือ 2 ครับ ไม่อยากให้ห่างออกไปจากชุมชน และความเจริญครับ ผมอยู่ลาดกระบังตั้งแต่เด็กเลยรู้ว่า ถ้าเราออกไปอยู่ไกลๆ มันก็จะคล้ายๆโลกปิด ปิดโอกาศทางสังคมลูกไปอีก (ที่หมายถึงคือถ้าเราไปอยู่ในที่สงบๆ ที่ดินถูกๆ แล้วปลูกบ้าน ลูกผมก็จะหาเพื่อนยาก นอกจากที่โรงเรียน การเรียนรู้ก็จะลดตาม ภาวะอารมห์ทางสังคมก็จะไม่ทันเขาครับ)
รถยนต์ ผมตีราคาเอาไว้ 3 ระดับตาม ราคาและขนาดรวมถึงสมรรถนะของรถยนต์ครับ (เรียงตามความอยากได้ครับ -*-)
1. Nissan Teana (เหตุผลง่ายๆครับ ความปลอดภัยสูงสุดในรถคลาสเดียวกัน สมรรถนะดีกว่ามาก และคิดว่าใช้งานยาว 10-20 ปีน่าจะไหว) ราคาราวๆ 1.7 ล้าน (ผมตีราคาจากรุ่นท็อป เผื่อเอาไว้ในกรณีสูงสุดครับ)
2. Nissan Sylphy (ลดลงมาจากอันแรกครับ แต่ประสิทธิภาพสมรรถนะ ที่ลองมาดีกว่ารถยี่ห้ออื่นในคลาสเดียวกันครับ)
3. Nissan Almera (สำหรับถ้าต้องตัดงบ เพื่อความจำเป็นอย่างอื่นแทน แต่ยังเน้นไปที่ความกว้างครับ)
เหตุผลที่ผมเลือกรถค่ายนี้และไม่เลือกรถ SUV คืออันดับแรก ค่ายนี้ไม่เคยทำให้เพื่อนๆและคนรู้จักผมที่ใช้ผิดหวังครับ ต่างจากค่ายอื่น ไม่ขอเอ่ยชื่อครับ แม้จะไม่ใช่รถตลาด แต่ถ้าเราขับดีๆ รักษารถดีๆ สมรรถนะใช้นาน 10 ปียังดีอยู่ จะกังวลเรื่องศูนย์บริการกับการซ่อมบำรุงทำไม ในเมื่อถ้าเรารักษารถดีๆ มันก็ไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงมากนัก และที่ไม่เลือก SUV หรือ PPV เพราะอย่างแรก ผมคิดถึงว่า มันกระโดกกระเดกเวลาเจอทางขรุขระ ยิ่งถ้าเป็น PPV มันรับทุกหลุมเลย ครอบครัวผมเป็นพวกเมารถง่าย ไม่ชอบรถส่าย ผมเลยคิดว่า น่าจะตัดไป ถ้าไม่นึกถึง การขนของเยอะๆ แต่แลกกับสมรรถนะผมว่าคุ้มครับ (เข้าข้างตัวเอง -*- เพราะชอบค่ายนี้อยู่แล้วเป็นการส่วนตัวด้วย)
สำหรับค่าน้ำมัน เป็นปัจจัยรองครับ เพราะทุกวันนี้พ่อผมใช้รถแบบซดแก๊สมากๆ เติมกันนึกว่ารถแท็กเตอร์เลยทีเดียว (รถเก่ามือ 2 ติดแก๊สเรื่องปกติสำหรับอัตราการกินน้ำมันครับ)
ตีงบรถยนต์ไว้ประมาณ 1.7 ล้านครับ
แล้วก็ตีงบเผื่อปรับปรุง-ซ่อมบำรุง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆนาๆที่ต้องทำกับบ้าน 350,000 -
สำหรับธุรกิจ หรือกิจการเล็กๆ เช่นร้านอาหาร ร้านอาหารตามสั่งหรือร้านสเต็ก ราวๆนั้น (น่าจะทำภายในพื้นที่บ้านครับ)
ผมตีงบไว้สูงๆเผื่อเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกครับ 100,000
สำหรับค่าเล่าเรียนลูก ผมตีเอาไว้ประมาณ 150,000 ครับ (ที่ตีต่ำเพราะอย่างแรก ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนที่ดีมาก หรือแพงมาก เพื่อนิสัยในการใช้เงินครับ ยกตัวอย่างเรียนโรงเรียนวัด หรือรัฐบาลครับ เพราะผมคิดว่า บางทีถ้าเราสอนเค้าดีๆ ใช้เหตุผลต่างๆ เค้าคงเข้าใจ และอีกอย่าง พ่อแม่ ผมเป็นครูข้าราชการ กทม ผมมั่นใจครูรัฐบาลมากกว่า โรงเรียนเอกชน เป็นความคิดส่วนตัวครับ)
สำหรับฉุกเฉินและใช้จ่าย 100,000
เงินรวมอาจจะออกมาพอดี แต่ความคิดของผม ในโลกนี้มันไม่มีแน่นอนไอ้ที่แบบคิดออกมาแล้วมันพอดีหรือเหลืออะไรทำนองนั้น เพราะยังไงมันต้องเกินแน่ๆ มันไม่มีอะไรที่แน่นอน ผมเรียนรู้มาจากชีวิตตัวเอง มันไม่เคยมีอะไรที่ชัวร์ที่สุด หรือแน่นอนแน่ๆ ซักอย่าง ทุกอย่างแปลผันและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
สรุปเงินรวม
บ้าน + ค่าซ้อมบำรุง = 2.5 + 0.35 = 2.85 ล้านบาท
รถยนต์ 1.7 ล้านบาท
ลงทุนกิจการ 1 แสนบาท
ค่าเล่าเรียน 1 แสน 5 หมื่นบาท
เผื่อฉุกเฉิน 1 แสนบาท
รวม 4.9 ล้านบาท
ผมคิดว่าถ้าจะหักงบให้มันลดลงมาคงต้องหักจากค่าใช้จ่ายการซื้อรถยนต์จาก 1.7 ล้านมาเป็น 931,000 ลดรุ่นลงมา แต่เงินเหลืออีกหลายแสนเลย น่าจะเอามาลงทุนอย่างอื่นได้มาก
จริงๆ ผมมีอยู่อย่างนึงที่อยากลงทุนทำเป็นธุรกิจครับ คือการเช่า-ขาย สินค้า ประกอบ สำหรับการถ่ายภาพ หรือภาพยนต์ หรือพวกคอสเพลย์
จากความชอบและอยากสะสมดาบการ์ตูนต่างๆเป็นการส่วนตัวในเรื่องนี้ด้วย
เข้าประเด็นเลยคือ ผมอยากทำร้าน เช่า-ขาย พวกดาบคอสเพลย์ต่างๆครับ พวกดาบการ์ตูน โดยพุ่งเป้ากลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่
1. กลุ่มคนแต่งคอสเพลย์ การ์ตูน
2. ช่างภาพหรือคนที่อยากได้อุปกรณ์เพื่อไปประกอบการถ่ายภาพ
3. กลุ่มผู้สร้างภาพยนต์สั้น ไปจนถึงภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ (แต่ฟอร์มใหญ่ผมไม่อยากตั้งเป้าหมายจนเกินเหตุครับ เลยแยากตั้งแค่หนังสั้นพอ)
แต่เรื่องหลักๆคือ กลัวเจ๊ง และกลุ่มเป้าหมายอาจะไม่หันมาใช้บริการก็ได้ เพราะความเสี่ยงมีอยู่หลายประการเลย หลักๆคือ ตำรวจจะมองว่าเป็นอาวุธอย่างแน่นอน เพราะมันคือเหล็กดัดแปลงไม่ว่าจะเพื่อการใดๆก็คืออาวุธรูปแบบหนึ่ง คนที่เช่าอาจจะเอาไปทำร้ายผู้อื่นได้ และบางทีอาจจะเช่ายืมแล้วไม่คืนแบบนั้นก็ได้ ผมตั้งมาตรการหลักๆคือ 1. การสมัครสมาชิกกับร้านโดยการใช้บัตรประชาชนและที่อยู่ปัจจุบัน 2. ทุกครั้งที่ยืมต้องเซ็นสัญญานการเช่ายืม และการรับผิดชอบต่อเหตุร้ายแรงที่ผู้เช่าได้กระทำ โดยทางร้ายจะไม่รับผิดชอบ และต้องจ่ายค่าเสียหายในสินค้ามาแบบเต็มอัตรา 3. การเช่ายืมและการสมัครจำเป็นต้องมาเช่ายืมที่ร้าน และถ่ายรูปเป็นหลักฐานการเช่ายืม
โดยหลักๆที่คิดมาเหมือนเรื่องเพ้อฝันครับอันนี้ แต่ผมก็อยากทำจึงอยากขอคำปรึกษาไปด้วยเลย เพราะความชอบและอยากสะสมเป็นการส่วนตัวด้วย แต่ที่กลัวก็หลายๆอย่าง โดยเฉพาะถ้าคนที่ยืมไปเอาไปใช้ก่อคดีหรือร้ายแรงที่สุดคือฆ่าคนตาย เราอาจจะซวยไปด้วย
ยังไงรบกวนขอความเห้นหน่อยนะครับ
ปล.จริงๆแล้ว งบน่าจะอยู่ราวๆ 5.3 หรือ 5.5 คือต่ำที่สุดที่ผมจะขายที่แล้วได้มา แต่ผมเผื่อต้องให้เหลือ ตั้งเป็นวินัย เอาไว้สอนลูกด้วยครับ เพราะผมคิดว่า ตอนนี้ตัวผมไม่สำคัญอะไรกับโลกแล้ว แต่คนที่ผมจะถ่ายทอดทั้งทัศนคติและความรู้ให้ นี่แหละที่เค้ายังมีอนาคตอีกมาก เราเป็นได้แค่รอยเท้าที่จะให้เค้าเดิน วันนึงผมอยากให้เค้าเดินผ่านหรือกระโดดไปข้างหน้าเหนือกว่ารอยเท้าที่ผมทำเอาไว้ อยากให้เค้าได้ดีอยู่ในจุดที่สูงกว่าใครๆ แต่อยากให้ใจของเค้าอยู่บนดิน จูงผู้คนให้ไปอยู่ในจุดเดียวกับเค้าที่เค้ายืนอยู่ไม่ให้เค้าทิ้งคนอื่นเอาไว้ข้างล่าง อยู่กับความติดดินและ อยู่ในทัศนคติที่ดีกับสังคม ให้เค้ามองเสมอว่า โลกนี้มีสองด้าน เหมือนเหรียญ ที่มีด้านหน้าก็ต้องมีด้านหลัง (ผมก็ละเมอไปเยอะเลยครับ เอาง่ายๆ คืออยากจะสอนลูกนั่นเองครับ)
ขอความเห็นเกี่ยวกับการวางแผนการใช้จ่ายเพื่อซื้อ บ้าน รถ ลงทุน และอื่นๆภายในครอบครัวครับ
ขอเกริ่นก่อนว่า ตอนนี้ครอบครัวผม มีอยู่ด้วยกัน 5 คนคือ คุณพ่อ คุณแม่ ผม ภรรยา และลูกชาย ปีนี้ผมอายุ 24 แต่ผมอยากวางแผนชีวิตเผื่อไปอีกไกลๆหลายสิบปีครับ เพราะคิดว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ตายวันไหนเราก็ไม่รู้ ในตอนที่มีชีวิตอยู่จึงอยากวางแผนอะไรให้ครอบครัวบ้าง เพื่อลูกเพื่อหลานในอนาคตครับ
ตอนนี้ผมและแม่ กำลังวางแผนเพื่อขายที่ดิน (ยังขายไม่ออก แต่อยากเอางบมาวางแผน) โดยตั้งงบประมาณจากเงินที่น่าจะขายได้แน่นอน คือ ราคาที่ขายได้แน่ๆ (เคยตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเรื่องที่ดินในห้อง อสังหา แล้วมีคนแนะนำว่า ที่แถวนั้นราคาที่ขายออกแน่ๆ คือเท่าไหร่ที่เค้าขายกัน)
โดยมีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้ ที่ดินจำนวน 14 ไร่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง (เพราะแต่เดินเป็นสวนลำไย แต่ตอนนี้ผลผลิตต่ำ รายได้ภายในบ้านติดลบ ทำให้ไม่มีการลงทุนเพิ่ม ไร่จึงเหลือแค่คนดูแล) ราคาขายออกแน่นอนคือ 350,000 (แต่คงไม่ได้ขายราคานี้ครับ เพราะที่ไร่มีปัจจัยต่างๆครบ คือ มี น้ำ-ไฟ ประปา บาดาล ติดถนนทางหลวง ติดอนามัยท้องถิ่น ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 15 กิโล และสถานที่ท่องเที่ยวประมาณ 20 กิโล)
รวมๆแล้วงบอยู่ราวๆ 4.9 - 5.5 ล้าน แต่ผมตีเป็น 4.9 เผื่อเอาไว้ที่ต่ำสุด
โดยสิ่งที่ผมต้องการเป็นอันดับต้นๆ เมื่อได้เงินมามีดังนี้
1. ซื้อบ้าน (รวมค่าตกแต่ง และ ต่อเติม ซ่อมบำรุง)
2. รถยนต์ (เน้นไปทางสมรรถนะสำหรับครอบครัวคือ นิ่ม ปลอดภัย ไม่เน้นการขายเพื่อซื้อใหม่ คือใช้ไปยาวๆ 10-20 ปี )
3. ลงทุนทำกิจการหรือธุรกิจเล็กๆ สำหรับครอบครัว (ที่คิดไว้คือ ทำร้านอาหาร จำพวกร้านสเต็กย่อมๆ แบบชาวบ้านๆ อาหารตามสั่ง)
4. เก็บออมเพื่อการศึกษาของลูก (เป็นการเก็บเผื่อมีตัวเล็กอีกคนในอนาคต ตั้งแต่ อนุบาล - ปริญญาตรี)
5. เผื่อฉุกเฉิน และค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือน (เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย ฯลฯ)
โดยผมวางแผนการซื้อบ้านกับรถเอาไว้แรกๆเลย เพราะคิดว่าบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต่อให้เราไม่มีเงิน อย่างน้อยเรายังมีบ้าน ยังมีที่อยู่อาศัย เรายังไม่จนปัญญา ยังหาทางออกได้เสมอตราบเท่าที่เรายังมีบ้านให้ซุกหัวนอน และแน่นอนคือรถ สำหรับการเดินทาง
บ้านผมตั้งงบประมาณการซื้อเอาไว้ที่ 2.5 ล้านครับ เป็นบ้านแถวลาดกระบัง ใกล้ๆกับที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบัน (ปัจจุบัน ครอบครัวผมเช่าบ้านอยู่ครับ) ขนาดบ้านราวๆ 50 ตารางวา ไม่อยากให้ต่ำกว่านี้ครับ
เพราะ ครอบครัวผมก็ปาไป 5 คนแล้ว และผมอยากพาคุณยายผม ซึ่งตอนนี้อยู่กับญาติท่านอื่นมาอยู่กับผมด้วย ผมอยากดูแลท่านเองมากครับ เพราะอย่างน้อยท่านก็ยังมีกำลังใจเวลาอยู่กับหลาน ได้เล่นกับหลาน และผมอาจจะมีรถพาท่านไปไหว้พระ พักผ่อนวันหยุดได้ครับ
และที่สำคัญคือคงต้องเป็นบ้านมือ 2 ครับ ไม่อยากให้ห่างออกไปจากชุมชน และความเจริญครับ ผมอยู่ลาดกระบังตั้งแต่เด็กเลยรู้ว่า ถ้าเราออกไปอยู่ไกลๆ มันก็จะคล้ายๆโลกปิด ปิดโอกาศทางสังคมลูกไปอีก (ที่หมายถึงคือถ้าเราไปอยู่ในที่สงบๆ ที่ดินถูกๆ แล้วปลูกบ้าน ลูกผมก็จะหาเพื่อนยาก นอกจากที่โรงเรียน การเรียนรู้ก็จะลดตาม ภาวะอารมห์ทางสังคมก็จะไม่ทันเขาครับ)
รถยนต์ ผมตีราคาเอาไว้ 3 ระดับตาม ราคาและขนาดรวมถึงสมรรถนะของรถยนต์ครับ (เรียงตามความอยากได้ครับ -*-)
1. Nissan Teana (เหตุผลง่ายๆครับ ความปลอดภัยสูงสุดในรถคลาสเดียวกัน สมรรถนะดีกว่ามาก และคิดว่าใช้งานยาว 10-20 ปีน่าจะไหว) ราคาราวๆ 1.7 ล้าน (ผมตีราคาจากรุ่นท็อป เผื่อเอาไว้ในกรณีสูงสุดครับ)
2. Nissan Sylphy (ลดลงมาจากอันแรกครับ แต่ประสิทธิภาพสมรรถนะ ที่ลองมาดีกว่ารถยี่ห้ออื่นในคลาสเดียวกันครับ)
3. Nissan Almera (สำหรับถ้าต้องตัดงบ เพื่อความจำเป็นอย่างอื่นแทน แต่ยังเน้นไปที่ความกว้างครับ)
เหตุผลที่ผมเลือกรถค่ายนี้และไม่เลือกรถ SUV คืออันดับแรก ค่ายนี้ไม่เคยทำให้เพื่อนๆและคนรู้จักผมที่ใช้ผิดหวังครับ ต่างจากค่ายอื่น ไม่ขอเอ่ยชื่อครับ แม้จะไม่ใช่รถตลาด แต่ถ้าเราขับดีๆ รักษารถดีๆ สมรรถนะใช้นาน 10 ปียังดีอยู่ จะกังวลเรื่องศูนย์บริการกับการซ่อมบำรุงทำไม ในเมื่อถ้าเรารักษารถดีๆ มันก็ไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงมากนัก และที่ไม่เลือก SUV หรือ PPV เพราะอย่างแรก ผมคิดถึงว่า มันกระโดกกระเดกเวลาเจอทางขรุขระ ยิ่งถ้าเป็น PPV มันรับทุกหลุมเลย ครอบครัวผมเป็นพวกเมารถง่าย ไม่ชอบรถส่าย ผมเลยคิดว่า น่าจะตัดไป ถ้าไม่นึกถึง การขนของเยอะๆ แต่แลกกับสมรรถนะผมว่าคุ้มครับ (เข้าข้างตัวเอง -*- เพราะชอบค่ายนี้อยู่แล้วเป็นการส่วนตัวด้วย)
สำหรับค่าน้ำมัน เป็นปัจจัยรองครับ เพราะทุกวันนี้พ่อผมใช้รถแบบซดแก๊สมากๆ เติมกันนึกว่ารถแท็กเตอร์เลยทีเดียว (รถเก่ามือ 2 ติดแก๊สเรื่องปกติสำหรับอัตราการกินน้ำมันครับ)
ตีงบรถยนต์ไว้ประมาณ 1.7 ล้านครับ
แล้วก็ตีงบเผื่อปรับปรุง-ซ่อมบำรุง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆนาๆที่ต้องทำกับบ้าน 350,000 -
สำหรับธุรกิจ หรือกิจการเล็กๆ เช่นร้านอาหาร ร้านอาหารตามสั่งหรือร้านสเต็ก ราวๆนั้น (น่าจะทำภายในพื้นที่บ้านครับ)
ผมตีงบไว้สูงๆเผื่อเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกครับ 100,000
สำหรับค่าเล่าเรียนลูก ผมตีเอาไว้ประมาณ 150,000 ครับ (ที่ตีต่ำเพราะอย่างแรก ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนที่ดีมาก หรือแพงมาก เพื่อนิสัยในการใช้เงินครับ ยกตัวอย่างเรียนโรงเรียนวัด หรือรัฐบาลครับ เพราะผมคิดว่า บางทีถ้าเราสอนเค้าดีๆ ใช้เหตุผลต่างๆ เค้าคงเข้าใจ และอีกอย่าง พ่อแม่ ผมเป็นครูข้าราชการ กทม ผมมั่นใจครูรัฐบาลมากกว่า โรงเรียนเอกชน เป็นความคิดส่วนตัวครับ)
สำหรับฉุกเฉินและใช้จ่าย 100,000
เงินรวมอาจจะออกมาพอดี แต่ความคิดของผม ในโลกนี้มันไม่มีแน่นอนไอ้ที่แบบคิดออกมาแล้วมันพอดีหรือเหลืออะไรทำนองนั้น เพราะยังไงมันต้องเกินแน่ๆ มันไม่มีอะไรที่แน่นอน ผมเรียนรู้มาจากชีวิตตัวเอง มันไม่เคยมีอะไรที่ชัวร์ที่สุด หรือแน่นอนแน่ๆ ซักอย่าง ทุกอย่างแปลผันและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
สรุปเงินรวม
บ้าน + ค่าซ้อมบำรุง = 2.5 + 0.35 = 2.85 ล้านบาท
รถยนต์ 1.7 ล้านบาท
ลงทุนกิจการ 1 แสนบาท
ค่าเล่าเรียน 1 แสน 5 หมื่นบาท
เผื่อฉุกเฉิน 1 แสนบาท
รวม 4.9 ล้านบาท
ผมคิดว่าถ้าจะหักงบให้มันลดลงมาคงต้องหักจากค่าใช้จ่ายการซื้อรถยนต์จาก 1.7 ล้านมาเป็น 931,000 ลดรุ่นลงมา แต่เงินเหลืออีกหลายแสนเลย น่าจะเอามาลงทุนอย่างอื่นได้มาก
จริงๆ ผมมีอยู่อย่างนึงที่อยากลงทุนทำเป็นธุรกิจครับ คือการเช่า-ขาย สินค้า ประกอบ สำหรับการถ่ายภาพ หรือภาพยนต์ หรือพวกคอสเพลย์
จากความชอบและอยากสะสมดาบการ์ตูนต่างๆเป็นการส่วนตัวในเรื่องนี้ด้วย
เข้าประเด็นเลยคือ ผมอยากทำร้าน เช่า-ขาย พวกดาบคอสเพลย์ต่างๆครับ พวกดาบการ์ตูน โดยพุ่งเป้ากลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่
1. กลุ่มคนแต่งคอสเพลย์ การ์ตูน
2. ช่างภาพหรือคนที่อยากได้อุปกรณ์เพื่อไปประกอบการถ่ายภาพ
3. กลุ่มผู้สร้างภาพยนต์สั้น ไปจนถึงภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ (แต่ฟอร์มใหญ่ผมไม่อยากตั้งเป้าหมายจนเกินเหตุครับ เลยแยากตั้งแค่หนังสั้นพอ)
แต่เรื่องหลักๆคือ กลัวเจ๊ง และกลุ่มเป้าหมายอาจะไม่หันมาใช้บริการก็ได้ เพราะความเสี่ยงมีอยู่หลายประการเลย หลักๆคือ ตำรวจจะมองว่าเป็นอาวุธอย่างแน่นอน เพราะมันคือเหล็กดัดแปลงไม่ว่าจะเพื่อการใดๆก็คืออาวุธรูปแบบหนึ่ง คนที่เช่าอาจจะเอาไปทำร้ายผู้อื่นได้ และบางทีอาจจะเช่ายืมแล้วไม่คืนแบบนั้นก็ได้ ผมตั้งมาตรการหลักๆคือ 1. การสมัครสมาชิกกับร้านโดยการใช้บัตรประชาชนและที่อยู่ปัจจุบัน 2. ทุกครั้งที่ยืมต้องเซ็นสัญญานการเช่ายืม และการรับผิดชอบต่อเหตุร้ายแรงที่ผู้เช่าได้กระทำ โดยทางร้ายจะไม่รับผิดชอบ และต้องจ่ายค่าเสียหายในสินค้ามาแบบเต็มอัตรา 3. การเช่ายืมและการสมัครจำเป็นต้องมาเช่ายืมที่ร้าน และถ่ายรูปเป็นหลักฐานการเช่ายืม
โดยหลักๆที่คิดมาเหมือนเรื่องเพ้อฝันครับอันนี้ แต่ผมก็อยากทำจึงอยากขอคำปรึกษาไปด้วยเลย เพราะความชอบและอยากสะสมเป็นการส่วนตัวด้วย แต่ที่กลัวก็หลายๆอย่าง โดยเฉพาะถ้าคนที่ยืมไปเอาไปใช้ก่อคดีหรือร้ายแรงที่สุดคือฆ่าคนตาย เราอาจจะซวยไปด้วย
ยังไงรบกวนขอความเห้นหน่อยนะครับ
ปล.จริงๆแล้ว งบน่าจะอยู่ราวๆ 5.3 หรือ 5.5 คือต่ำที่สุดที่ผมจะขายที่แล้วได้มา แต่ผมเผื่อต้องให้เหลือ ตั้งเป็นวินัย เอาไว้สอนลูกด้วยครับ เพราะผมคิดว่า ตอนนี้ตัวผมไม่สำคัญอะไรกับโลกแล้ว แต่คนที่ผมจะถ่ายทอดทั้งทัศนคติและความรู้ให้ นี่แหละที่เค้ายังมีอนาคตอีกมาก เราเป็นได้แค่รอยเท้าที่จะให้เค้าเดิน วันนึงผมอยากให้เค้าเดินผ่านหรือกระโดดไปข้างหน้าเหนือกว่ารอยเท้าที่ผมทำเอาไว้ อยากให้เค้าได้ดีอยู่ในจุดที่สูงกว่าใครๆ แต่อยากให้ใจของเค้าอยู่บนดิน จูงผู้คนให้ไปอยู่ในจุดเดียวกับเค้าที่เค้ายืนอยู่ไม่ให้เค้าทิ้งคนอื่นเอาไว้ข้างล่าง อยู่กับความติดดินและ อยู่ในทัศนคติที่ดีกับสังคม ให้เค้ามองเสมอว่า โลกนี้มีสองด้าน เหมือนเหรียญ ที่มีด้านหน้าก็ต้องมีด้านหลัง (ผมก็ละเมอไปเยอะเลยครับ เอาง่ายๆ คืออยากจะสอนลูกนั่นเองครับ)