เรื่องราวประทับใจ เมื่อคนที่เรารัก จากไปแบบไม่มีวันกลับ

เราเรียนต่างประเทศ ปกติกลับไทยแค่ปีละครั้งถึงสองครั้ง
แต่ตั้งแต่เราทราบว่า ยายของเราป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เมื่อช่วงเดือนพ.ย.ปลายปีที่ผ่านมา
เรากลับไทยไปแล้วสามครั้ง ในช่วงเวลาห้าเดือน ครั้งนึงก็อยู่ไทย เกือบเดือน ถึง เดือนกว่า

ช่วงแรกที่กลับมา เราไปนอนดูแลยายที่บ้านป้าทุกวัน ประมาณ อาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ เรากับป้าช่วยดูแลทำให้ท่านทุกอย่าง
ต่อมาไม่นาน อาการท่านไม่ดี เลยเข้ารักษาที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ท่านได้รับการรักษาที่ดีมาก
จะมีคนอยู่เฝ้ากับท่านทุกวัน 24ชม. ลูก หลาน และ เรา ผลัดกันอยู่ดูแลร่วมกับพยาบาล ท่านแทบไม่เคยต้องอยู่คนเดียวเลย
กลับมาครั้งล่าสุด เราไม่ค่อยได้ไปนอนเฝ้าท่าน จะออกไปทำธุระกับพ่อแม่ และ นอนที่บ้านมากกว่า
แต่จะไปเยี่ยมท่านเกือบทุกวัน ช่วงเย็นๆถึงหัวค่ำ แล้วก็กลับ ท่านก็จะตื่นลืมตาขึ้นมาดูพวกเรา แล้วก็นอนต่อ
ช่วงหลังท่านจะนอนเกือบตลอดเวลา ตามความรุนแรงของโรค

แม่บอกเราให้จองตั๋วกลับไปเรียนได้แล้ว เพราะ เราขาดเรียนมาหลายอาทิตย์ เรารู้ว่ายายอยู่กับเราได้ไม่นาน เราก็ไม่กล้าจอง
แต่เราก็จองไปเพื่อให้แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียน แต่ตอนจอง เราถามพนักงานแล้วว่า ถ้าเรายกเลิกตั๋วก่อนเครื่องออกเราจะได้เงินคืนเท่าไหร่
เพราะเรารู้ว่า เราคงไม่ได้กลับวันนั้นแน่นอน มันเป็นแค่ความรู้สึก แต่เราค่อนข้างมั่นใจ
ก่อนออกจากบ้านไปเยี่ยมยาย และ ขึ้นเครื่อง เราไหว้พระในห้องพระ พร้อมกับขอพรกับพระไว้ว่า
ขอให้เราเดินทางปลอดภัย และ ขอให้เราได้กลับมาดูใจยาย และ ถ้าท่านเป็นอะไรไป ขอให้ท่านไปแบบสบายและสงบ

คืนก่อนเครื่องออก เราไปเยี่ยมยายเราก่อนเวลาเช็คอินน์ เวลาประมาณ เกือบเที่ยงคืน ยายเรานอนหลับหมดแรงอยู่
มีป้าเรา หลานยายและสามี อยู่ในห้องอยู่แล้ว แต่ละคนตาแดงเหมือนคนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา และบอกเราว่า อาหารฟีดไม่ลงแล้วตั้งแต่ตอนเย็น
พอเรา แม่และพ่อมาถึง พยาบาลก็เข้ามาวัดความดันเรื่อยๆ ความดันท่านตกลงเรื่อยๆ อัตราการหายใจก็ต่ำลงเรื่อยๆ
เราเข้าใจว่า นั่นคือสัญญาณที่บอกพวกเราให้ทำใจได้แล้ว เวลาเหลือไม่มากแล้ว
เราบอกแม่ว่า เราจะยกเลิกตั๋ว แม่เราตกลง
ป้าสวดมนต์ให้ยายฟัง เครื่องเล่นแผ่นก็เปิดบทสวดมนต์พระไปเรื่อยๆ พวกเราผลัดกันกุมมือยาย

พอเรากับแม่ไปเยี่ยมยายได้ประมาณชั่วโมงนึง ยายเราถึงหมดลมหายใจ และ จากไปอย่างสงบ
พวกเราร้องไห้กัน จับมือ ลูบหัวท่าน พยาบาลบอกว่า หูเป็นประสาทสัมผัสสุดท้าย มีอะไรจะพูดกับคุณยาย พูดได้เลย ท่านได้ยิน
เราพูดกับท่านว่า ...
"ยาย... " เราพยายามจะพูดต่อให้จบ แต่เราปากสั่นพูดไม่ออก มันทำใจไม่ได้ว่านั่นจะเป็นคำพูดสุดท้ายที่เราจะบอกยาย
"ยาย... (ชื่อของเรา)รักยายนะ" เราพยายามพูดจนจบ เสียงดังฟังชัด เพราะ เรากลัวเค้าได้ยินไม่ชัด
"ไปสบายนะ" เราพูดเบาๆปิดการสนทนา

แล้วทุกอย่างก็ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน มีการอาบน้ำ แต่งตัวให้คุณยาย พาท่านไปห้องเย็น พาท่านไปที่ศาลา มีการรดน้ำ มีการส่งท่านเข้าโลง มีงานสวด ซึ่งเราก็จะไปทุกวัน จนกว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เราค่อยกลับไปทำหน้าที่นักศึกษาต่อ



เราใจสลายมากๆ แม่และป้าเรา และลูกหลานคนสนิทอื่นๆก็เช่นกัน
แต่เราก็ดีใจมากๆที่ตลอดเวลา 25 ปีของเรา เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆกับยายเรา
มีแต่ความทรงจำดีๆ อาจเป็นเพราะ เรารู้ว่าท่านรักและเอ็นดูเรามากๆตั้งแต่เด็กๆ เราเลยไม่เคยเถียงหรือเกเรกับท่านเลย
ท่านให้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขกับเรา ทำให้เราเป็นคนเต็มคน ต่อให้ท่านไม่อยู่ แต่ความรักระหว่างเรายังอยู่
และอีกสิ่งหนึ่งที่เราประทับใจมากๆ คือ ท่านรอเรากับแม่มาดูใจท่านก่อนท่านจะจากไป ซึ่งเราซึ้งมากๆ
เพราะ ปกติ เราไม่ได้ไปเยี่ยมท่านเวลานี้ แต่คืนนั้นเหมือนมันเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ทำให้เราได้ไปทันดูใจท่าน

คืนนี้เรายังคงต้องไปงานสวดเหมือนเดิม เราจะยังคงใจสลายและเศร้าไปอีกนานแสนนาน
แต่พอนึกถึงเรื่องความประทับใจนี้ทีไร เราก็มักจะรู้สึกสุขใจและขอบคุณจากใจจริง ที่ยายรอเราและแม่ไปดูใจก่อนท่านสิ้นลม
หัวใจ
รักและคิดถึงเสมอ.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่