[CR] Hotel monterey la soeur osaka(my money be stolen by cleaner staff of this hotel) พักแล้วระวังถูกขโมยเงินแบบแนบเนียน

       ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสวยงาม คนมีคุณภาพและมีความซื่อสัตย์ โดยไปเที่ยวกัน2คนกับคนที่บ้านเมื่อ 30 มีนาคม 2556 ถึง 8 เมษายน 2556 โดยไปพัก2ที่หลักคือที่ทาคายามา และที่โอซาก้า เนื่องจากไปหลายวันจึงนำไปเงินสดไปพอสมควรแยกเป็น2ส่วนติดตัวส่วนหนึ่ง และเก็บไว้ในซองจดหมายจำนวน40,000เยนและอีกประมาณ 30 USDโดยเก็บไว้ร่วมกันในเป้สะพายหลังซึ่งนำไปด้วยพร้อมกระเป๋าใหญ่ โดยเก็บเอาไว้ข้างๆเตียงทุกๆวัน โดยในแต่ละวันเวลาไปเที่ยวก็ออกไปแต่ตัวพร้อมกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ และกลับมาในตอนค่ำๆทุกวัน ก่อนนอนก็จดบัญชีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันบนหน้าซองจดหมายที่ใส่เงินไว้และก็ เปิดดูเงินในซองซึ่งก็มีอยู่ครบถ้วนตั้งแต่พักที่ทาคายามาจำนวน 3 คืน และย้ายมาพักที่โอซาก้าอีก 5 คืนซึ่งโอซาก้ามาพักที่ Hotel monterey la soeur osaka โดยเป็นโรงแรมระดับสี่ดาว++ ผมก็เชื่อใจในความซื่อสัตย์ของคนญี่ปุ่นจึงดำเนินชีวิตตามปกติที่เป็นมา เกี่ยวกับการเก็บเงินในเป้ส่วนหนึ่งเหมือนเดิมโดยทิ้งไว้ที่โรงแรม ก่อนวันกลับสองวันมีการเดินทางไปไกลมาก กลับมาดึกจึงไม่ได้จดรายการค่าใช้จ่ายและไม่ได้หยิบซองเงินมาดู จนคืนวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ(ต้องรีบเช็คเอาท์ประมาณ 6โมงเช้า เพื่อรีบไปขึ้นเครื่องที่สนามบินคันไซซึ่งจะบินกลับช่วงสายๆ) ก็นำซองจดหมายมาจดรายการใช้จ่ายของ 2 วันสุดท้ายและเปิดดูเงินซึ่งเก็บไว้ในซองและไม่ได้ใช้ พบว่า USD อยุ่ครบแต่เงิน 40,000เยน(ประมาณ 13,000บาท)หายไปหมดเลยซึ่งถ้าดูเร็วๆแบบไม่ละเอียดจะเหมือนว่ามีเงินอยู่ครบ โดยเป็นความฉลาดของแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดที่เอาเฉพาะเงินเยนไปอย่าง เดียว เพราะสามารถใช้ได้เลย ไม่ต้องนำไปแลกอีกที และเข้าใจว่าคงแอบเปิดเป้มาก่อนแล้วและฉวยโอกาสหยิบเงินไปน่าจะเป็นวันสุด ท้ายก่อนเดินทางกลับ ซึ่งจะทำให้ไม่มีเวลาในการแจ้งผู้จัดการโรงแรมกรณีเงินหายหรือรอติดตาม เรื่องนี้
        เมื่อพบว่าเงินหายแบบนี้ก็สันนิษฐานไว้ว่าจะเป้นใครไปไม่ได้นอกจาก แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เพียงแต่เราไม่มีหลักฐานแบบทีวีวงจรปิด และก็เป็นความประมาทเลินเล่อของผมเองที่เก็บเงินไว้ในซองจดหมายโดยใส่ไว้ใน เป้และทิ้งไว้ในห้องโดยไม่ได้นำติดตัวไปด้วย จากนั้นจึงรีบหยิบเป้ดังกล่าวลงไปที่Lobby ของโรงแรมเพื่อแจ้งเหตุการณ์เงินหายให้ทาง Front office ทราบ ทางFront จึงแนะนำให้แจ้งตำรวจ ผมก็ตกลงแต่ได้บอกว่าน่าจะลองสอบสวนแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดในห้องผม ด้วยเพราะโรงแรมมีตารางเวลาและรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นผู้ทำความสะอาดในแต่ละ วัน ทางFront แจ้งว่าดึกแล้ว(ประมาณ 23.00 น.) คงเช็คให้ไม่ทันต้องรอวันรุ่งขึ้น ดังนั้นจึงรอตำรวจมาสอบสวนซึ่งก็ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงโดยคุยเป็นญี่ปุ่น แปลเป็นอังกฤษ ลงบันทึกข้อความ ปั้มลายนิ้วมือ พร้อมขอที่อยู่ติดต่อ พร้อมเข้าไปดูที่เกิดเหตุคือในห้องที่เราพัก มีการวัดระยะห่างของปลายห้องถึงที่วางเป้ใส่ซองเงิน และนำซองเงินมาตรวจ finger print ซึ่งในเบื้องต้นแจ้งว่าไม่พบอะไร กระบวนการนี้กว่าจะเสร็จเกือบตีสาม ผมมีเวลานอนประมาณ2 ชั่วโมงก่อนจะตื่นประมาณตีห้า เก็บของและเช็คเอ้าท์หกโมงเพื่อไปสนามบินแบบเร่งรีบ ไปเกือบไม่ทันเพราะนอนน้อยและเสียเวลาไปกลับตำรวจตั้งนานแต่ไม่ค่อยได้อะไร เท่าไร ทำให้เสียแผนการซื้อของที่สนามบินไปเลยนั่นคือซื้อของไม่ทันบวกกับความเซ็ง ของเงินหายไปแบบประมาทและความเจ้าเล่ห์ของแม่บ้าน hotel monterey la soeur osaka
        หลังจากกลับมากรุงเทพฯ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเข้าไปที่เว็บของ hotel monterey la soeur osaka เพื่อหาช่องทางในการแจ้งเรื่องการถูกแม่บ้านญี่ปุ่นที่เข้ามาทำความสะอาด ขโมยเงืน 40,000 เยนไปโดยเข้าไปร้องเรียนใน Blog ที่สามารถkey ข้อมูลดังกล่าวไปถึงผู้ดูแลว่าทางโรงแรมมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง สุดท้ายรออยู่สองสามวันก็มีเมล์ตอบกลับมาโดยคนตอบเป็นเจ้าหน้าที่Front คนที่ประสานงานติดต่อตำรวจญี่ปุ่นในคืนวันที่มีการสอบสวนเรื่องนี้นั้นเอง โดยสรุปก็ตอบว่าตำรวจได้ยืนยันในวันนั้นแล้วว่าไม่มีลายนิ้วมือใคร(แล้วลาย มือผมละ ทำไมไม่มี ตรรกะผิดชัดๆ)จึงแค่ขออภัยในความไม่สะดวกแค่นั้น ผมจึงเมล์ตอบกลับไปว่าผมมั่นใจว่าแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดเอาไปแน่ ทำไมโรงแรมคุณที่เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว++ จึงไม่มีระบบตรวจสอบพนักงานที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องรู้อยู่แล้วว่าใครเข้ามาทำ ความสะอาดเมื่อไร เวลาไหน ก็แค่มีอีเมล์ตอบกลับมาว่าได้ถามแม่บ้านให้แล้ว ไม่เคยมีใครแตะต้องเป้ของผมที่วางอยู่ปลายเตียงเลย(โกหกชัดๆ) และขออภัยในความไม่สะดวกอีกครั้ง ผมจึงตอบกลับไปว่าผมมั่นใจว่าแม่บ้านของ  hotel monterey la soeur osaka เป็นคนเอาไปแน่นอน ถ้าไม่มีมาตรการตรวจสอบอย่างอื่นผมจะทำจดหมายถึง ประธานฯและ CEOของ hotel monterey la soeur osaka แจ้งถึงพฤติกรรมของแม่บ้านดรงแรมและมาตรการในความมั่นใจของการดูแลทรัพย์สิน ของแขกผู้มาพัก (ทั้งๆที่ขณะนี้ยังหาอีเมล์และ/หรือที่อยู่ของประธานฯและ CEOของโรงแรมดังกล่าวไม่ได้เลย ลอง search หาแล้วไม่มีเลยหรือเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เราอ่านไม่ออกก็ไม่รู้) และขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้งผลการสอบสวนจากตำรวจเลยทั้งที่ใช้เวลาประมาณ เกือบสองอาทิตย์แล้ว
         เรื่องนี้มีข้อคิดอยู่หลายประการซึ่งผมลองวิเคราะห์ดูพบว่า
         1. เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร คนญี่ปุ่นที่ว่าซื่อสัตย์ก็ยังมีปลาเน่าอยู่ในข้อง ทำให้เสียชื่อคนญี่ปุ่นหมดเลย แถมมี Trick โดยการหยิบเงินไปบางส่วนเพื่อให้ดูเหมือนเงินทั้งหมดยังอยู่ครบ ต้องขอบอกว่าแย่จริงๆ
         2. ความประมาทของผมที่ทิ้งเงินไว้ในห้อง ทั้งๆที่แค่เอาเงินติดตัวไปก็จบแล้ว หรือเก็บไว้ในเซฟที่โรงแรมจัดให้ เหตุการณ์เรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เป็นเพราะความเชื่อในข้อแรกว่าคนญี่ปุ่นมีความซื่อสัตย์นั่นเอง
         3.  hotel monterey la soeur osaka ซึ่งเป็นโรงแรมระดับสี่ดาว++ น่าจะมีระบบที่คัดกรองคนที่ดี ก็ยังมีคนที่มีคุณภาพแย่ๆ เข้ามาทำงาน ไม่มีความซื่อสัตย์ ขาดระบบที่จะตรวจสอบและไม่ช่วยเหลือแขกเท่าที่ควร ดังนั้นจึงควรระมัดระวังถ้าไปเข้าพัก ของมีค่าอาจโดนขโมยได้ ดังนั้นระดับดาวของโรงแรมไม่ได้เป็นตัววัดคุณภาพของความซื่อสัตย์สำหรับ พนักงานโรงแรมเลย และเมื่อเทียบกับโรงแรมที่ Takayama ซึ่งเป็นโรงแรมประมาณสองดาว++ ก็ไม่พบปัญหาเช่นนี้เลย
         สรุปแล้วผมก็คงได้แต่สนอให้ทุกท่านที่เดินทางไปพักที่โรงแรมนี้(และที่ อื่นๆ) โปรดระมัดระวังและไม่ประมาทในการใช้ชีวิตครับ และผมก็จะยังคงหาทางเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงแรมให้ได้แบบถึง ที่สุด(ทั้งที่รู้ว่าคงยากที่จะได้ทรัพย์สินคืน เพราะขาดหลักฐานที่ชัดเจนในการกล่าวหา เช่นไม่มีทีวีวงจรปิดที่แสดงว่าแม่บ้านหยิบเงิน และเป็นความประมาทของผมเองด้วยส่วนหนึ่ง) นอกจากนี้คงจะรบกวนท่านผู้อ่านรีวิวนี้หากท่านใดทราบชื่อ และ อีเมล์ แอดเดรส พร้อมที่อยู่ของประธานฯ และ CEO ของ hotel monterey la soeur osaka ขอความกรุณาช่วย post แจ้งผมด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูงสำหรับผมเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่ สุดต่อไปครับ เพราะตอนนี้ผมเองก็ลอง Search หาดูแต่ยังหาไม่พบเลยครับ