เขียนในเชิงวิเคราะห์นะครับ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงในประเด็น หรือกรณีใดกรณีหนึ่ง
สหกรณ์เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน รายละเอียดลองไปอ่านตาม link ข้างล่างนี่ก่อนก็ได้นะครับ
http://fundmanagertalk.com/สหกรณ์ออมทรัพย์-ในมุมมอ/
จุดอ่อนที่สำคัญของสหกรณ์คือ
1. ผู้บริหารเป็นกรรมการสหกรณ์ ซึ่งถ้าเทียบกับบริษัทหรือแม้แต่แบงค์ ผู้บริหารคือฝ่ายจัดการ ในขณะที่board มีหน้าที่เป็นผู้ดูแลเชิงนโยบาย
ทีนี้พอผู้บริหารงานของสหกรณ์คือ board สิ่งที่ตามมาก็คือ board ของสหกรณ์มีการเลือกตั้งทุกปี นั่นหมายความว่า คณะผู้บริหารเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี (แม้ว่าจะได้รับเลือกเข้ามาอีก แต่ก็อยู่ติดต่อกันได้ไม่เกิน 4 ปี ก็ต้องเว้นวรรค) แค่หลักการนี้ ก็มีจุดอ่อนเกิดขึ้นแล้ว คืออาจเกิดความไม่ต่อเนื่องทางการบริหารจัดการได้
2. สหกรณ์ใช้one man one vote ต่างจากบริษัทที่ใช้จำนวนหุ้น ประเด็นนี้ทำให้ board อาจไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ และเปลี่ยนได้เสมอ (ถ้าเป็นบริษัท ต่อให้เลือกกรรมการใหม่ทุกปี แต่ใช้ระบบจำนวนหุ้น กรรมการก็ยังหน้าเดิมเสมอ นอกจากขายหุ้นออกไป) ดังนั้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า โครงสร้างboard ในแต่ละปี จะได้ใครมาบริหาร ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง
3. ระบบการควบคุมยังก้าวตามไม่ค่อยทัน ในขณะที่สถาบันการเงินถูกควบคุมโดยแบงค์ชาติ ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องความเข้ม หรือแม้แต่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นหลากหลายเป็นจำนวนมาก ก็จะมี กลต.ควบคุม แค่จะยืมเงินประชาชนโดยการออกหุ้นกู้ ยังต้องทำfiling ต้องขอ credit rating และประเมินอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองประชาชนที่เกี่ยวข้อง
ด้วยประเด็นข้างต้น จึงทำให้สมาชิกหรือผู้เกี่ยวข้อง ต้องคำนึงถึงปัจจัยด้งกล่าวด้วยเสมอ
จุดอ่อนของระบบสหกรณ์
สหกรณ์เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน รายละเอียดลองไปอ่านตาม link ข้างล่างนี่ก่อนก็ได้นะครับ
http://fundmanagertalk.com/สหกรณ์ออมทรัพย์-ในมุมมอ/
จุดอ่อนที่สำคัญของสหกรณ์คือ
1. ผู้บริหารเป็นกรรมการสหกรณ์ ซึ่งถ้าเทียบกับบริษัทหรือแม้แต่แบงค์ ผู้บริหารคือฝ่ายจัดการ ในขณะที่board มีหน้าที่เป็นผู้ดูแลเชิงนโยบาย
ทีนี้พอผู้บริหารงานของสหกรณ์คือ board สิ่งที่ตามมาก็คือ board ของสหกรณ์มีการเลือกตั้งทุกปี นั่นหมายความว่า คณะผู้บริหารเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี (แม้ว่าจะได้รับเลือกเข้ามาอีก แต่ก็อยู่ติดต่อกันได้ไม่เกิน 4 ปี ก็ต้องเว้นวรรค) แค่หลักการนี้ ก็มีจุดอ่อนเกิดขึ้นแล้ว คืออาจเกิดความไม่ต่อเนื่องทางการบริหารจัดการได้
2. สหกรณ์ใช้one man one vote ต่างจากบริษัทที่ใช้จำนวนหุ้น ประเด็นนี้ทำให้ board อาจไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ และเปลี่ยนได้เสมอ (ถ้าเป็นบริษัท ต่อให้เลือกกรรมการใหม่ทุกปี แต่ใช้ระบบจำนวนหุ้น กรรมการก็ยังหน้าเดิมเสมอ นอกจากขายหุ้นออกไป) ดังนั้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า โครงสร้างboard ในแต่ละปี จะได้ใครมาบริหาร ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง
3. ระบบการควบคุมยังก้าวตามไม่ค่อยทัน ในขณะที่สถาบันการเงินถูกควบคุมโดยแบงค์ชาติ ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องความเข้ม หรือแม้แต่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นหลากหลายเป็นจำนวนมาก ก็จะมี กลต.ควบคุม แค่จะยืมเงินประชาชนโดยการออกหุ้นกู้ ยังต้องทำfiling ต้องขอ credit rating และประเมินอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุ้มครองประชาชนที่เกี่ยวข้อง
ด้วยประเด็นข้างต้น จึงทำให้สมาชิกหรือผู้เกี่ยวข้อง ต้องคำนึงถึงปัจจัยด้งกล่าวด้วยเสมอ