คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
โดยหลักแล้ว เงินกู้ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่แล้วก่อนหรือขณะที่ยายถึงแก่ความตาย เงินกู้ดังกล่าวจึงเป็นนทรัพย์มรดก เมื่อยายถึงแก่ความตาย ทรัพย์มรดกดังกล่าวจึงตกทอดแก่ทายาท ตามข้อเท็จจริงดังล่าวยายมีทายาทเหลืออยู่เพียงคนเดียว หนีเงินกู้ดังกล่าวจึงตกทอดแก่ลูกสาวของยายเพียงคนเดียว
ตามสัญญาแรก เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์(ยาย) และจะต้องชำระให้กับยาย เมื่อจำเลยไปชำระหนี้ให้แก่ผู้รับมอบอำนาจของยาย ซึ่งโดยหลักแล้วเมื่อผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายสัญญาระหว่างผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจย่อมสิ้นสุดลง ผู้รับมอบอำนาจต้องส่งมอบเงินที่จำเลยชำระหนี้มาแล้วคืนแก่ทายาทของยาย เมื่อผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวไม่ดำเนินการส่งมอบเงินดังกล่าวคืนให้แก่ทายาท ผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวอาจจะมีความผิดฐานยักยอกยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดตามอาญา และจำนวนเิงินที่เหลือที่จำเลยยังค้างชำระอยู่นั้น ทายาทก็มีสิทธิได้รับชำระหนี้แทนยายต่อไป
สัญญาที่สอง เมื่อนาย ค จะต้องนำเงินงวดที่สามมาชำระหนี้ที่ศาลตามข้อกำหนดดังกล่าว แต่นาย ค. ไปชำหนี้ให้แก่ผู้รับมอบอำนาจ และนำเงินไปให้ยายจริง ซึ่งแม้จะเป็นการผิดเงื่อนไข แต่เมื่อยายได้รับชำระหนี้จำนวนเงินดังกล่าวไว้แล้วจริงก้ถือว่านาย ค.ได้ชำระหนี้ให้แ่ก่ยายแล้ว แต่การที่นาย จ.อ้่างว่าได้มีการชำระหนี้แล้ว นายจ.จะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้มีการคืนสัญญาเงินกู้หรือมีการแทงเพิกถอนสัญญาเงินกู้แล้ว หากว่าไม่มีพฤติการณ์ดังกล่าว นายจ.จะอ้างว่าได้มีการชำระหนี้แล้วไม่ได้ ทายาทก็มีอำนาจบังคับชำระหนี้ในเงินจำนวนดังกล่าวได้
สัญญาที่สาม เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์(ยาย)แล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้ตามคำพิพพากษา หากจำเลยไม่
ปฎิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับ ทายาทก็มีอำนาจดำเนินการบังคับชำระหนี้ในจำเิงินดังกล่าวได้ โดยขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ทายาทของโจทก์ต่อไป
สำหรับขั้นตอนการขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ทางทายาทอาจจะขอให้ทางพนักงานอัยการดำเนินกาให้ได้ ซึ่งผู้ยื่นคำขอจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้แก่พนักงานอัยการ แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในชั้นศาล
By GCC04
ตามสัญญาแรก เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์(ยาย) และจะต้องชำระให้กับยาย เมื่อจำเลยไปชำระหนี้ให้แก่ผู้รับมอบอำนาจของยาย ซึ่งโดยหลักแล้วเมื่อผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายสัญญาระหว่างผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจย่อมสิ้นสุดลง ผู้รับมอบอำนาจต้องส่งมอบเงินที่จำเลยชำระหนี้มาแล้วคืนแก่ทายาทของยาย เมื่อผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวไม่ดำเนินการส่งมอบเงินดังกล่าวคืนให้แก่ทายาท ผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวอาจจะมีความผิดฐานยักยอกยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดตามอาญา และจำนวนเิงินที่เหลือที่จำเลยยังค้างชำระอยู่นั้น ทายาทก็มีสิทธิได้รับชำระหนี้แทนยายต่อไป
สัญญาที่สอง เมื่อนาย ค จะต้องนำเงินงวดที่สามมาชำระหนี้ที่ศาลตามข้อกำหนดดังกล่าว แต่นาย ค. ไปชำหนี้ให้แก่ผู้รับมอบอำนาจ และนำเงินไปให้ยายจริง ซึ่งแม้จะเป็นการผิดเงื่อนไข แต่เมื่อยายได้รับชำระหนี้จำนวนเงินดังกล่าวไว้แล้วจริงก้ถือว่านาย ค.ได้ชำระหนี้ให้แ่ก่ยายแล้ว แต่การที่นาย จ.อ้่างว่าได้มีการชำระหนี้แล้ว นายจ.จะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้มีการคืนสัญญาเงินกู้หรือมีการแทงเพิกถอนสัญญาเงินกู้แล้ว หากว่าไม่มีพฤติการณ์ดังกล่าว นายจ.จะอ้างว่าได้มีการชำระหนี้แล้วไม่ได้ ทายาทก็มีอำนาจบังคับชำระหนี้ในเงินจำนวนดังกล่าวได้
สัญญาที่สาม เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์(ยาย)แล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระหนี้ตามคำพิพพากษา หากจำเลยไม่
ปฎิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับ ทายาทก็มีอำนาจดำเนินการบังคับชำระหนี้ในจำเิงินดังกล่าวได้ โดยขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ทายาทของโจทก์ต่อไป
สำหรับขั้นตอนการขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ทางทายาทอาจจะขอให้ทางพนักงานอัยการดำเนินกาให้ได้ ซึ่งผู้ยื่นคำขอจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้แก่พนักงานอัยการ แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในชั้นศาล
By GCC04
แสดงความคิดเห็น
มีปัญหาสัญญาการกู้ยืมเงินและขั้นตอนการขอเป็นผู้จัดการมรดก ต้องทำอย่างไร
พอดียายเพิ่งเสียชีวิตไป ได้ 3 วัน แต่ยายมีคนมาทำสัญญากู้ยืมเงินไว้ และได้มีการฟ้องศาลไปแล้ว
โดยมีผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ดำเนินการให้ในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุที่ยายให้มีผู้รับมอบอำนาจ เพราะ ยายอายุมากแล้วและไม่รู้เรื่องอะไร
และทำสัญญาการฟ้องไม่บอกลูกสาว คือแม่ผม แต่ไปให้ญาติอีกคนที่ไม่เคยมาดูแลยาย น่าจะเป็นการหลอกยายให้ยายไว้ใจตน ซึ่งตรงนี้แม่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ทั้งที่อาศัยอยู่บ้านด้วยกัน แม่ดูแลมาตลอด จนกระทั้ง ยาย ล้มป่วยอย่างหนักมาได้เกือบปี ยายจึงค่อยมาบอกลูกสาวตัวเอง ว่ามีใครเป็นหนี้ยายมั้ง ที่ยังไม่คืนเงิน และได้มีการฟ้องศาลไป และให้แม่ติดตามทวงเงินคืนต่อแทนยายมาเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันยังได้ไม่ครบ จนกระทั้ง 3 วันที่ผ่านมา ยายได้เสียชีวิตลง เมื่อลูกหนี้รู้ว่ายายเสียชีวิตแล้ว ดูท่าทางจะหนีหนี้หรือไม่ยอมจ่ายต่อ
(แม่เป็นลูกสาวคนเดียวครับ)
จึงมีประเด็นแต่ละข้อมาถาม ดังนี้
1. สัญญาแรก ยาย(โจทก์) ได้ให้นาย ก.(ผู้รับมอบอำนาจ) ได้ฟ้อง นาย ข.
จำเลย ได้ ยืมเงิน 125,000 บาท และได้ฟ้องศาลแล้ว ศาลให้ นาย ข. จำเลย ชำระหนี้ โดยชำระหนี้ งวดแรก 10,000 และงวดต่อไปให้ชำระ ไม่น้อยกว่า 2,000 บาท ซึ่งทั้งหมด ต้องชำระภายใน 2 ปี ซึ่งงวดสุดท้าย จะต้องเป็นวันที่ 10/5/54
ส่วนให้การชำระนั้น ศาลให้ชำระโดยตรงผ่าน ยาย(โจทก์) แต่ นาย ข.(จำเลย) ได้ชำระมาผ่าน นาย ก. (ผู้รับหมอบอำนาจ) จากการตรวจสอบ ได้ชำระมาแล้ว 100,000 บาท โดยชำระกับนาย ก. (ผู้รับมอบอำนาจ) แต่ นาย ก. ได้เอาเงินไปใช้ โดยไม่นำเงินส่งให้แก่ ยาย ทั้งสิ้น 50,000 บาท (โดยเงินทั้งหมด แม่ จะเป็นผู้รับแทนยาย เพราะเป็นทายาทคนเดียวและเป็นผู้ดูแลยาย)
* สรุปแล้ว นาย ข. (จำเลย) ยังค้างชำระอยู่ 25,000 บาท และเงินอยู่กับนาย ก. (ผู้รับมอบอำนาจ) 50,000 บาท แต่เมื่อยายเสียชีวิต
นาย ก. (ผู้รับมอบอำนาจ) และนาย ข. (จำเลย) ปฏิเสธ ที่จะชำระเงินคืนต่อ แก่ ยายหรือแม่(ทายาท)
2. สัญญาที่สอง ยาย(โจทก์) ได้ให้ นาย ก. (ผู้รับมอบอำนาจ) ได้ฟ้อง นาย ค. และนาย จ.
จำเลย ได้ยืมเงิน 170,000 บาท แยกเป็น นาย ค. 130,000 บาท นาย จ. 40,000 บาท และได้ฟ้องศาลแล้ว ศาลให้นาย ค. และนาย จ. ตกลงชำระหนี้ โดยแบ่งออกเป็น 3 งวด โดย งวดแรก 50,000 บาท(นาย ค.ชำระแล้วที่ศาล) งวดที่ 2 60,000 บาท (นาย ค.ชำระแล้วที่ศาล)
และงวดสุดท้าย แบ่งเป็น 2 ส่วน 20,000 บาท (นาย ค. ชำระแล้วที่โจทก์) และ 40,000 บาท (นาย จ. ยังไม่ ชำระ แต่บอกชำระแล้วกับยาย)
แต่โดยการชำระเงื่อนไข จำเลย ต้องชำระ เป็นเช็ค ที่ศาล ให้ศาล รับทราบเท่านั้น จากหลักฐาน มีการชำระ ที่ศาล แค่ 2 งวดแรกเท่านั้น
แต่งวดสุดท้าย จำเลย ทั้งสอง คน บอกว่าชำระแล้ว นาย ค. ชำระแล้วที่ นาย ก.(ผู้รับมอบอำนาจ) และมีการให้เงินยายจริง แต่นาย จ. บอกว่านำเงินชำระให้ยายโดยตรงเองแล้ว โดยไม่มีพยานรู้เห็นใดๆ และยายป่วย ไม่สามารถสื่อสารอะไรได้เลยก่อนเสียชีวิต
* กรณีนี้ ถือว่า งวดที่ 3 จำเลย ทั้ง 2 ถือว่ายังไม่ชำระใช่หรือไม่ แต่ จำเลยที่ 1 นาย ค. มีการชำระจริงยายได้รับเงินจริง แต่จำเลยที่2 นายจ. ไม่มีใครรู้ว่าจริงไม่จริง เราสามารถฟ้องต่อได้หรือไม่ โดยให้ทายาทฟ้องต่อ
3. สัญญาที่สาม ยาย(โจทก์) ได้ให้นาย ก. (ผู้รับมอบอำนาจ) ได้ฟ้อง นาย จ. คนเดียว (จากสัญญาที่2 ข้างบน คนเดียวกัน)
จำเลยได้ยืมเงิน 40,000 บาท เพียงคนเดียว และได้ฟ้องศาลแล้ว ศาลให้ นาย จ. (จำเลย) ชำระหนี้ แก่ ยาย(โจทย์)
โดดยแบ่งชำระเป็น 2 งวด งวดละ 20,000 บาท ซึ่ง งวด สุดท้าย ต้องชำระหมดตั้งแต่วันที่ 23/6/54
แต่ปัจจุบันนี้ ยาย(โจทย์) ยังไม่ได้รับการชำระใดๆเลย จาก นาย จ.(จำเลย) แล้วเมื่อยายเสียชีวิต ปัจจุบัน จำเลย ปฏิเสธการจ่ายชำระเงินคืนกับแม่ (ทายาท)
จากข้อสังเกตุ จากสัญญา ที่สอง ซึ่งมี นาย จ.เป็นจำเลยที่ 2 บอกว่าชำระให้แก่ ยายโดยตรงแล้ว 40,000 บาท แต่ทำไม นาย จ. ถึงไม่นำเงินมาปิดบัญชีหนี้ ในสัญญานี้ก่อน สรุปได้ว่า นาย จ. โกหก และถือว่ายังไม่มีการชำระใดๆ
ทั้งหมดนี้ แม่(ทายาท ) สามารถดำเนินการฟ้องร้องต่อแทนได้หรือไม่ (แต่แม่ ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง คนดำเนินการเป็นผมแทน)
ซึ่งทั้ง 3 สัญญานี้ ศาลบอกว่า หากผิดนัด ชำระ จำเลยยินยอมให้โจทก์ คิดดอกเบี้ย ตามเงินต้นที่ค้าง ร้อยละ 7.5 ต่อปี
และกรณีสุดท้าย ยาย มีเงินในบัญเงินฝากหลายบัญชีหลายแสนบาทที่ยังค้างอยู่ในธนาคารต่างๆ และบ้านพร้อมที่ดิน ที่ยังไม่โอนให้แม่
ขั้นตอนการขอเป็น ผู้จัดการมรดก ต้องมีการดำเนินการอย่างไร ต้องใช้พยานหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านไปศาลด้วยหรือไม่ และต้องทำภายในกี่วันหลังจาก เสียชีวิต เพื่อดำเนินการเบิกเงินและโอนบ้านที่ดิน
****แม่เป็นลูกสาวคนเดียว
(ตอนยายมีชีวิต ยายตั้งใจขายที่ดิน เพื่อนำเงินมาปล่อยกู้เพื่อกินดอกเบี้ย โดยลูกหนี้ จำเลย ก็เป็น ชาวบ้านใกล้กัน โดยไม่บอกลูกหลานในบ้าน แล้วไม่นานแก่ก็ล้มป่วยลง แล้วก็มีแม่ ที่คอยดูแลตลอดเวลา แม่ก็ต้องหยุดทำงาน นำเงินเก็บที่มีมาดูแลยาย จนเมื่อยายเสียชีวิต เงินก็ไม่มี แม่ก็เอาทอง ไปจำนำ มา 100,000 บาท โดยพวกที่เป็นหนี้ ไม่มีใครยื่นมือ มาช่วยเหลือเลย แม่มารู้เรื่องหนี้ก้อนเหล่าหนี้ตอนยายล้มป่วยเพราะเพิ่งบอกลูก และเพิ่งมาเจอบัญชีเงินฝากที่เก็บอยู่ ตอนรื้อบ้าน เตรียมงานและไปตรวจสอบที่ธนาคารแล้วมีเงินก้อนนี้จริง)
ขอแท็กหลายๆห้องนะครับ เผื่อขอผู้รู้เยอะๆ