วันนี้แหละครับ
นั่งรถเมล์กลับบ้าน ได้ยินเสียงผู้ชายวัยกลางคน ทะเลาะกับกระเป๋ารถเมล์ ( ผู้หญิงวัยกลางคนเช่นกัน ) ด้วยความเป็นคนชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน พยายามเงี่ยหูฟัง จับใจความได้ว่า ลุงคนนี้ แกมีบัตรลดครึ่งราคา แต่ตอนจ่ายค่ารถเมล์ ป้ากระเป๋าแกก็ทอนเงินให้ตามปกตินี่แหละ
ปัญหาคือ เพราะถนนในเมืองไทยมันไม่เรียบ จังหวะที่ป้ากระเป๋าแกจะยื่นเงินทอนให้ลุงคนนี้ รถมันสะเทือนจากพื้นถนน ทำให้เงินทอนหล่นพื้น
ป้าแกก็ขอโทษ แต่ปัญหาคือลุงแกไม่จบ ตะโกนด่าป้าแกเป็นชุดๆ หาว่าป้าแก ( รวมทั้งพวก ขสมก. ทุกคน ) ไม่ชอบบัตรลดราคา และแกล้งทำเงินทอนหล่นพื้น ซึ่งที่นั่งลุงแกมันดันอยู่ด้านในของเบาะหลังสุด และคนก็แน่น ป้าแกไม่สามารถก้มไปเก็บให้ได้ ลุงแกก็บ่นๆๆๆ อยู่นั่นแหละ ป้าแกก็เถียงกลับ ( แต่ไม่ได้ใช้คำหยาบคาย )
เถียงกันไปมาแบบนั้น ผมชักรำคาญ เลยนั่งบ่นกับตัวเอง
"โอย! มนุษยโลก มันจะเรื่องเยอะอะไรนักหนา" ซึ่งมันดันเป็นจังหวะที่ป้าแกเดินมาถึงผมพอดี ทีนี้แกเลยบ่นให้ผมฟังใหญ่เลย ผมก็ขอให้แกหยุดเถอะ ปล่อยลุงนั่นบ่นไปคนเดียว เดี๋ยวเขาก็ลงแล้ว
ป้าแกก็บ่นให้ผมฟังต่อนะ ว่าตลอดชีวิตไม่เคยด่าใครแรงๆ มาก่อน แล้วทำไมวันนี้ถึงมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ( ส่วนลุงแกยังบ่นไม่หยุดที่เบาะหลังท้ายรถ ) ผมก็พยายามพูดให้แกใจเย็นลง
"เอาน่ะ ถ้าลุงแกเป็นข้าราชการจริง สงสัยในที่ทำงานคงโดนข่มโดนกด เลยต้องมาหาที่ระบายข้างนอก" ( ผมพูดแบบนี้เพราะป้าแกบอกว่าลุงคนนั้นอวดตัวว่าเป็นข้าราชการเก่า )
สักพักลุงแกก็ถึงป้าย แล้วก็เดินเลยที่นั่งผมลงไป ( ดีนะที่แกไม่ได้ิยินสิ่งที่ผมบ่น กลัวมีเรื่องนะครับ ถึงลุงแกจะอายุเยอะ แต่ยังเดินไปมาคล่องพอสมควร แถมรถเมล์ก็แคบ ประตูก็ปิด ผมจะตายไหม? ฝึกวิชาน่ะฝึกมาเพื่อหนี ไม่สู้คนครับสู้ไปก็แพ้เขา )
------------------------------------
ที่เล่า case นี้ให้ฟัง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ หมู่นี้ผมชักรู้สึกว่าคนเราจะ
"เรื่องเยอะ" มากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า? เห็นพนักงานบริการทั้งหลายเป็นเบ๊ เป็นทาสกันหรือ? อย่างกรณีของรถเมล์ ผมสังเกตเห็นบ่อยมาก คนรอที่ป้าย ไม่ได้จับตามองว่ารถสายที่ตัวเองจะไปมาถึงหรือยัง เพราะเอาแต่ Chat มือถือ พอรถมาจอดก็ไม่รู้้เรื่อง แต่พอคนอื่นขึ้นมาหมด รถจะออกแล้ว ดันเพิ่งรู้สึกตัว จะวิ่งตามรถ แต่รถก็ไม่จอดแล้ว
Case แบบนี้ัทั้งคนขับ ทั้งกระเป๋าบ่นให้ฟังหลายครั้ง ว่าคนพวกนี้แหละชอบไปร้องเรียน
อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยเจอพนักงานแย่ๆ หรือเปล่า? อย่างในหลายกรณี เวลาผมไปร้านสะดวกซื้อ บางทีพนักงานเล่นกันอยู่ไม่ได้มองลูกค้า ผมจะแกล้งยืนแปบนึงนะ ถ้าไม่รู้สึกตัว ถึงจะเรียกด้วยคำพูด "โทษนะครับ" ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะหันมา แล้วมักจะขอโทษผมนะ แน่นอนบางทีก็เตือนๆ ไปบ้างอย่างสุภาพ ว่าดูร้านด้วย ถ้าเจอคนอื่นที่เป็นพวกขี้โวยวายมันจะเป็นเรื่อง เขาก็รับคำ ก็คุยสุภาพดี ไม่มีปัญหาอะไร
หรือร้านอาหารในห้าง บางทีผมไปกับคนอื่นๆ เอาแล้ว ได้ช้าบ้าง ของขาดบ้าง ผมจะขอไปถาม ไปเจรจาก่อนเลย ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานก็คุยดี แล้วก็ถ้าทักท้วงไป เขาก็รีบทำมาให้นะครับ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอีก ที่ต้องขอไปเจรจาเบื้องต้นก่อน เพราะบางทีคนที่ไปด้วยกันมักจะทนไม่ได้แล้วก็ไปออกอาการโวยวายหรือร้องเรียนกับต้นสังกัดทันที โดยที่ยังไม่ได้มีการเจรจาทักท้วงเบื้องต้นก่อน
หลังๆ นี่ชักลามมาถึงแม่บ้านหรือพนักงานเก็บขยะ กทม. นอกเหนือจากการพยายามเหยียบๆ ก้นบุหรี่จากบรรดาคนมักง่ายที่สูบแล้วทิ้งลงพื้นเพื่อให้ไฟดับแล้ว เวลากินกาแฟเย็นเสร็จ ถ้าบริเวณนั้นมีท่อระบายน้ำหรือคลอง ผมจะเปิดฝาแล้วเทน้ำแข็งลงท่อหรือสาดลงคลองให้หมด ให้เหลือแต่แก้วเปล่าๆ กับหลอดแล้วค่อยเอาไปทิ้งในถังขยะ เพราะผมเป็นห่วง พนง. เก็บขยะและกวาดถนนของ กทม. ว่าถ้าทิ้งแก้วมีน้ำแข็ง แล้วน้ำแข็งละลาย มันจะไปนอนก้นถุงขยะ และมวลน้ำพวกนี้ มันหนักกว่าขยะทั่วไปเสียอีก ถุงขยะอาจจะขาดได้ซึ่งมันจะลำบากคนพวกนี้ที่ต้องมาค่อยๆ เก็บ ( แน่นอนบางครั้งถ้าไม่มีท่อน้ำหรือคลอง ผมก็ไม่ได้ทำแบบนี้ แต่จะพยายามทำเท่าที่โอกาสจะอำนวย )
---------------------------------
ไม่ได้จะอวดอ้างความดีหรอกครับ ( ถ้าไม่มี case วันนี้ ผมคงไม่มาตั้งกระทู้นี้ ) เพียงแต่ผมสงสัยว่าคนสมัยนี้เรื่องเยอะ และเคยชินกับคติ
"ลูกค้าคือพระเจ้า" มากไปหรือเปล่า?
หรือผมเป็นคนใจดีเกินไปกันแน่..ส่วนนึงยอมรับว่า การตวาดใครไปมั่วซั่ว วันนี้เขาอาจนิ่งๆ แต่วันหน้าเขาอาจมาดักแก้แค้นก็ได้ ( เกิด พนง.พวกนี้ไปตามผัวมาดักต่อยผม ผมก็ซวยสิครับ บอกแล้วผมไม่สู้คน สู้ไปก็แพ้เขา ) แต่อีกส่วนนึง อาจจะเป็นเพราะผมทำงานระดับล่างมาก่อน ถึงจะเป็นภาคโรงงานไม่ใช่ภาคบริการก็ตาม เข้าใจดีว่าพนักงานระดับล่างพวกนี้โดนกดดันแค่ไหน เถียงอะไรก็ไม่ได้ ต้องครับๆ ค่ะๆ อย่างเดียวเท่านั้น พอวันนึงพ้นสภาพดังกล่าว ดีหน่อยมาอยู่ในส่วน Office จึงพยายามแบ่งเบาภาระพวกเขาเท่าที่จะทำได้
อีกอย่าง จะว่าผมโลกสวยก็ได้นะครับ พนักงานภาคบริการ บางส่วนรายได้ดีก็จริง แต่ก็แลกมากับสิ่งที่ขัดกับความเคยชินของคนทั่วไป เช่นต้องเจอลูกค้าแย่ๆ แต่เถียงไม่ได้บ้าง หรือวันหยุดเทศกาลก็ไม่ได้หยุดบ้าง หรือคนส่วนใหญ่หยุดวันอาทิตย์ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หยุดบ้าง ผมจึงมองว่างานแบบนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้
ยิ่งถ้างานแม่บ้าน งานเก็บขยะ กวาดถนน ( อย่าดุถูก พนง. ส่วนนี้ในสังกัด กทม. นะครับ เท่าที่เคยฟังมา รายได้ดีเลยแหละ ไม่รู้ อปท. อื่นจะเหมือน กทม. หรือเปล่า? ) รายได้ดีจริง แต่มันเป็นงานที่ 3D คือลำบาก ( Difficult ) , อันตราย ( Dangerous ) , สกปรก ( Dirty ) เชื่อว่าใครหลายๆ คน รวมทั้งผมคนนึงละ ต่อให้รายได้ดีแค่ไหน ก็คงไม่คิดจะไปทำ ดังนั้นผมถือว่าคนที่ไปทำ ต้องมีความอดทนพอสมควร ดังนั้นต้องให้เกียรติเขาบ้าง อะไรพอแบ่งเบาได้ก็ช่วยๆ กันไป
จากทั้งหมดนี้ ผมสงสัยมากมาย ตกลงผมใจดีเกินไป หรือคนสมัยนี้เรื่องเยอะเกินไปครับ?
ปล.ส่วน case เมเจอร์พระราม 3 ไม่ออกความเห็นนะครับ ยังไม่มีโอกาสดูคลิปเลย ( เครื่องผมเปิดวีดิโอนานๆ แล้วชอบดับ ) หรือถึงดู ก็อาจจะตัดสินอะไรไม่ได่ คนสมัยนี้เจ้าเล่ห์เยอะครับ อาจจะถ่ายเฉพาะมุมใดมุมหนึ่งแล้วเอามาเผยแพร่ ก็เป็นได้เช่นกัน
คนสมัยนี้ "เรื่องเยอะ" เกินไป? หรือผมเป็นคน "ใจดี" เกินไปกันแน่?
นั่งรถเมล์กลับบ้าน ได้ยินเสียงผู้ชายวัยกลางคน ทะเลาะกับกระเป๋ารถเมล์ ( ผู้หญิงวัยกลางคนเช่นกัน ) ด้วยความเป็นคนชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน พยายามเงี่ยหูฟัง จับใจความได้ว่า ลุงคนนี้ แกมีบัตรลดครึ่งราคา แต่ตอนจ่ายค่ารถเมล์ ป้ากระเป๋าแกก็ทอนเงินให้ตามปกตินี่แหละ
ปัญหาคือ เพราะถนนในเมืองไทยมันไม่เรียบ จังหวะที่ป้ากระเป๋าแกจะยื่นเงินทอนให้ลุงคนนี้ รถมันสะเทือนจากพื้นถนน ทำให้เงินทอนหล่นพื้น
ป้าแกก็ขอโทษ แต่ปัญหาคือลุงแกไม่จบ ตะโกนด่าป้าแกเป็นชุดๆ หาว่าป้าแก ( รวมทั้งพวก ขสมก. ทุกคน ) ไม่ชอบบัตรลดราคา และแกล้งทำเงินทอนหล่นพื้น ซึ่งที่นั่งลุงแกมันดันอยู่ด้านในของเบาะหลังสุด และคนก็แน่น ป้าแกไม่สามารถก้มไปเก็บให้ได้ ลุงแกก็บ่นๆๆๆ อยู่นั่นแหละ ป้าแกก็เถียงกลับ ( แต่ไม่ได้ใช้คำหยาบคาย )
เถียงกันไปมาแบบนั้น ผมชักรำคาญ เลยนั่งบ่นกับตัวเอง "โอย! มนุษยโลก มันจะเรื่องเยอะอะไรนักหนา" ซึ่งมันดันเป็นจังหวะที่ป้าแกเดินมาถึงผมพอดี ทีนี้แกเลยบ่นให้ผมฟังใหญ่เลย ผมก็ขอให้แกหยุดเถอะ ปล่อยลุงนั่นบ่นไปคนเดียว เดี๋ยวเขาก็ลงแล้ว
ป้าแกก็บ่นให้ผมฟังต่อนะ ว่าตลอดชีวิตไม่เคยด่าใครแรงๆ มาก่อน แล้วทำไมวันนี้ถึงมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ( ส่วนลุงแกยังบ่นไม่หยุดที่เบาะหลังท้ายรถ ) ผมก็พยายามพูดให้แกใจเย็นลง
"เอาน่ะ ถ้าลุงแกเป็นข้าราชการจริง สงสัยในที่ทำงานคงโดนข่มโดนกด เลยต้องมาหาที่ระบายข้างนอก" ( ผมพูดแบบนี้เพราะป้าแกบอกว่าลุงคนนั้นอวดตัวว่าเป็นข้าราชการเก่า )
สักพักลุงแกก็ถึงป้าย แล้วก็เดินเลยที่นั่งผมลงไป ( ดีนะที่แกไม่ได้ิยินสิ่งที่ผมบ่น กลัวมีเรื่องนะครับ ถึงลุงแกจะอายุเยอะ แต่ยังเดินไปมาคล่องพอสมควร แถมรถเมล์ก็แคบ ประตูก็ปิด ผมจะตายไหม? ฝึกวิชาน่ะฝึกมาเพื่อหนี ไม่สู้คนครับสู้ไปก็แพ้เขา )
------------------------------------
ที่เล่า case นี้ให้ฟัง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ หมู่นี้ผมชักรู้สึกว่าคนเราจะ "เรื่องเยอะ" มากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า? เห็นพนักงานบริการทั้งหลายเป็นเบ๊ เป็นทาสกันหรือ? อย่างกรณีของรถเมล์ ผมสังเกตเห็นบ่อยมาก คนรอที่ป้าย ไม่ได้จับตามองว่ารถสายที่ตัวเองจะไปมาถึงหรือยัง เพราะเอาแต่ Chat มือถือ พอรถมาจอดก็ไม่รู้้เรื่อง แต่พอคนอื่นขึ้นมาหมด รถจะออกแล้ว ดันเพิ่งรู้สึกตัว จะวิ่งตามรถ แต่รถก็ไม่จอดแล้ว
Case แบบนี้ัทั้งคนขับ ทั้งกระเป๋าบ่นให้ฟังหลายครั้ง ว่าคนพวกนี้แหละชอบไปร้องเรียน
อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยเจอพนักงานแย่ๆ หรือเปล่า? อย่างในหลายกรณี เวลาผมไปร้านสะดวกซื้อ บางทีพนักงานเล่นกันอยู่ไม่ได้มองลูกค้า ผมจะแกล้งยืนแปบนึงนะ ถ้าไม่รู้สึกตัว ถึงจะเรียกด้วยคำพูด "โทษนะครับ" ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะหันมา แล้วมักจะขอโทษผมนะ แน่นอนบางทีก็เตือนๆ ไปบ้างอย่างสุภาพ ว่าดูร้านด้วย ถ้าเจอคนอื่นที่เป็นพวกขี้โวยวายมันจะเป็นเรื่อง เขาก็รับคำ ก็คุยสุภาพดี ไม่มีปัญหาอะไร
หรือร้านอาหารในห้าง บางทีผมไปกับคนอื่นๆ เอาแล้ว ได้ช้าบ้าง ของขาดบ้าง ผมจะขอไปถาม ไปเจรจาก่อนเลย ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานก็คุยดี แล้วก็ถ้าทักท้วงไป เขาก็รีบทำมาให้นะครับ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอีก ที่ต้องขอไปเจรจาเบื้องต้นก่อน เพราะบางทีคนที่ไปด้วยกันมักจะทนไม่ได้แล้วก็ไปออกอาการโวยวายหรือร้องเรียนกับต้นสังกัดทันที โดยที่ยังไม่ได้มีการเจรจาทักท้วงเบื้องต้นก่อน
หลังๆ นี่ชักลามมาถึงแม่บ้านหรือพนักงานเก็บขยะ กทม. นอกเหนือจากการพยายามเหยียบๆ ก้นบุหรี่จากบรรดาคนมักง่ายที่สูบแล้วทิ้งลงพื้นเพื่อให้ไฟดับแล้ว เวลากินกาแฟเย็นเสร็จ ถ้าบริเวณนั้นมีท่อระบายน้ำหรือคลอง ผมจะเปิดฝาแล้วเทน้ำแข็งลงท่อหรือสาดลงคลองให้หมด ให้เหลือแต่แก้วเปล่าๆ กับหลอดแล้วค่อยเอาไปทิ้งในถังขยะ เพราะผมเป็นห่วง พนง. เก็บขยะและกวาดถนนของ กทม. ว่าถ้าทิ้งแก้วมีน้ำแข็ง แล้วน้ำแข็งละลาย มันจะไปนอนก้นถุงขยะ และมวลน้ำพวกนี้ มันหนักกว่าขยะทั่วไปเสียอีก ถุงขยะอาจจะขาดได้ซึ่งมันจะลำบากคนพวกนี้ที่ต้องมาค่อยๆ เก็บ ( แน่นอนบางครั้งถ้าไม่มีท่อน้ำหรือคลอง ผมก็ไม่ได้ทำแบบนี้ แต่จะพยายามทำเท่าที่โอกาสจะอำนวย )
---------------------------------
ไม่ได้จะอวดอ้างความดีหรอกครับ ( ถ้าไม่มี case วันนี้ ผมคงไม่มาตั้งกระทู้นี้ ) เพียงแต่ผมสงสัยว่าคนสมัยนี้เรื่องเยอะ และเคยชินกับคติ "ลูกค้าคือพระเจ้า" มากไปหรือเปล่า?
หรือผมเป็นคนใจดีเกินไปกันแน่..ส่วนนึงยอมรับว่า การตวาดใครไปมั่วซั่ว วันนี้เขาอาจนิ่งๆ แต่วันหน้าเขาอาจมาดักแก้แค้นก็ได้ ( เกิด พนง.พวกนี้ไปตามผัวมาดักต่อยผม ผมก็ซวยสิครับ บอกแล้วผมไม่สู้คน สู้ไปก็แพ้เขา ) แต่อีกส่วนนึง อาจจะเป็นเพราะผมทำงานระดับล่างมาก่อน ถึงจะเป็นภาคโรงงานไม่ใช่ภาคบริการก็ตาม เข้าใจดีว่าพนักงานระดับล่างพวกนี้โดนกดดันแค่ไหน เถียงอะไรก็ไม่ได้ ต้องครับๆ ค่ะๆ อย่างเดียวเท่านั้น พอวันนึงพ้นสภาพดังกล่าว ดีหน่อยมาอยู่ในส่วน Office จึงพยายามแบ่งเบาภาระพวกเขาเท่าที่จะทำได้
อีกอย่าง จะว่าผมโลกสวยก็ได้นะครับ พนักงานภาคบริการ บางส่วนรายได้ดีก็จริง แต่ก็แลกมากับสิ่งที่ขัดกับความเคยชินของคนทั่วไป เช่นต้องเจอลูกค้าแย่ๆ แต่เถียงไม่ได้บ้าง หรือวันหยุดเทศกาลก็ไม่ได้หยุดบ้าง หรือคนส่วนใหญ่หยุดวันอาทิตย์ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หยุดบ้าง ผมจึงมองว่างานแบบนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้
ยิ่งถ้างานแม่บ้าน งานเก็บขยะ กวาดถนน ( อย่าดุถูก พนง. ส่วนนี้ในสังกัด กทม. นะครับ เท่าที่เคยฟังมา รายได้ดีเลยแหละ ไม่รู้ อปท. อื่นจะเหมือน กทม. หรือเปล่า? ) รายได้ดีจริง แต่มันเป็นงานที่ 3D คือลำบาก ( Difficult ) , อันตราย ( Dangerous ) , สกปรก ( Dirty ) เชื่อว่าใครหลายๆ คน รวมทั้งผมคนนึงละ ต่อให้รายได้ดีแค่ไหน ก็คงไม่คิดจะไปทำ ดังนั้นผมถือว่าคนที่ไปทำ ต้องมีความอดทนพอสมควร ดังนั้นต้องให้เกียรติเขาบ้าง อะไรพอแบ่งเบาได้ก็ช่วยๆ กันไป
จากทั้งหมดนี้ ผมสงสัยมากมาย ตกลงผมใจดีเกินไป หรือคนสมัยนี้เรื่องเยอะเกินไปครับ?
ปล.ส่วน case เมเจอร์พระราม 3 ไม่ออกความเห็นนะครับ ยังไม่มีโอกาสดูคลิปเลย ( เครื่องผมเปิดวีดิโอนานๆ แล้วชอบดับ ) หรือถึงดู ก็อาจจะตัดสินอะไรไม่ได่ คนสมัยนี้เจ้าเล่ห์เยอะครับ อาจจะถ่ายเฉพาะมุมใดมุมหนึ่งแล้วเอามาเผยแพร่ ก็เป็นได้เช่นกัน