รถเข็นน่ะไม่สะดุดตาผมหรอก แม้แต่หม้อดินใบใหญ่สองใบที่วางอยู่บนนั้นก็เช่นกัน
ด้วยว่าพอจะคาดเดาได้ว่า ขนมไทยในนั้นคืออะไร...
แต่ที่สะดุดตาผม กลับเป็นเด็กชายตัวเด็กๆ ที่ออกแรงช่วยแม่ค้าเข็นอย่างเต็มที่
แขนเล็กๆ เกร็งจนเห็นริ้วกล้ามเนื้อ เหงื่อเกาะพราวไปตามไรผม ต้นคอ...
มันสะดุดตาเสียจนผมไม่อาจปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆได้
เราประหลาดใจพอกันแหล่ะ เพราะผู้ขาย ก็คงไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน ว่าผม... ที่ลักษณะท่าทางรวมถึงการเเต่งตัวจะเรียกพวกเค้าไว้
และผมเองก็ประหลาดใจ ที่เรียกพวกเค้าไว้ ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังจะออกไปรื่นรมย์กับสังคมรุ่งริ่งอยู่เดี๋ยวนั้น
ผมอยู่่ริมถนนแถวบ้านครับ กำลังเลือกแท็กซี่คันที่ไม่พกปืน ถ้าผมเผลอไปอ่อกใส่รถพี่เค้าเข้า รถเข็นคันนี้ก็มาถึงซะก่อน
"ถุงเท่าไหร่ครับ" ผมยิ้มตอบรอยยิ้มกว้างๆสะอาดๆของผู้ขายคู่นั้น และหุบยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากหนุ่มน้อย "สิบบาทครับ"
สิบบาท.... ผมอยู่ในความเงียบ ในขณะที่แม่ค้าตักขนมใส่ถุง...
ถุงนั้นไม่เล็กเลย ค่าถุงเท่าไหร่นะ ค่ายางมัดล่ะ ไหนจะถุงหูหิ้วอีก แล้วทั้งสองหม้อ มันจะขายได้สักกี่ถุงกัน
"เอาเพิ่มอีกห้าถุง" ผมหลุดออกไป แต่หนุ่มน้อยยิ้มกว้าง กะวีกะวาดช่วยแม่หยิบจับนู่นนี่
ในขณะที่ผมยังนึกไม่ออกว่า จะทำอะไรกับห้าถุงที่เพิ่มมา รู้แต่ว่า หกสิบบาทนี้คุ้มแน่ๆ ถ้าเทียบกับการใช้เงินของผมในหลายๆวันที่ผ่านมา
ขนมถุงละสิบบาท มันอาจจะมีกำไรสัก.. อืมม.. สามบาท ถ้าพวกเค้าต้องการเงินสัก.. สามร้อยบาท ก็ต้องขายร้อยถุง
ผมซื้อไปหกสิบ อาจจะมีกำไรราวยี่สิบ ร้อน ฝุ่น เหนื่อย... แต่เมื่อคืน ผมจ่ายค่าเหล้าเป็นพันๆ โดยไม่ได้คิดอะไรเลย...
เอาล่ะ... นี่ไม่ใช่เรื่องของความสงสาร และมันไม่ใช่เรื่องของการเชิดชูวีรกรรมกตัญญู คุณอย่าเข้าใจผิด...
ในความเห็นของผม.. นี่เป็นเรื่องของการ"สำนึกรู้"อย่างแท้จริง
ท่ามกลางสังคมบัดซบ ที่มอมเมาเยาชนของเราอย่างบ้าคลั่ง เกมส์ออนไลน์ เวปลามก การพนัน ยาเสพติด เซ็กส์
และค่านิยมที่ปั้นปลูกว่า จงละอาย ถ้าเจ้าไม่ได้ถือไอโฟน แต่อย่าอาย ถ้าขายตัว(เพราะดีกว่าเสียฟรีๆ)
หรืออาย ถ้ามีแม่เป็นแม่ค้าขายขนมปลากริมรถเข็น....
"ทอนสี่สิบบาทครับ" น้องยิ้มกว้าง ผมก็ยิ้ม.. และรับเงินทอนจากน้องอย่างสุภาพ เหมือนตอนที่ผมรับเงินจากลูกค้า
เพราะผมรู้สึกว่า..น้องเค้าก็มีเกียรติพอที่จะได้รับมันจากผมเหมือนกัน...
"หนึ่งร้อยสามสิบแปดบาทครับ" แท็กซี่ยิ้มโชว์ฟันหลอ ดึงผมขึ้นจากหลุมความคิดดำมืดของตัวเอง...
ผมมองดูเหรียญสิบบาทในมือสองเหรียญกับแบ็งค์สีเขียวยู่ๆ.... ก่อนจะดึงแบ็งค์ร้อยขึ้นมาแนบมันอีกใบก่อนส่งให้
โชเฟอร์แท็กซี่ ทำเป็นเอามือตบแปะๆไปตามกระเป๋าพลางมองหน้าผมเสมือนหนึ่งจะบอกว่า ไม่มีเงินทอน
ผมถอนหายใจยาว ก่อนจะควานค้นเหรียญก้นกระเป๋าออกมานับให้ได้แปดบาทจนครบ...
รอยยิ้มบนปากแท็กซี่หายไปพร้อมๆกับตอนที่ส่งเหรียญสิบมาคืนผม
ไม่รู้สิ... ผมไม่รู้จริงๆว่า...วันนี้ ทำไมเงินทอนสองบาทนี่.. มันถึงสำคัญอะไรกับผมขนาดนี้........
"ทอนสี่สิบบาทครับ........."
ด้วยว่าพอจะคาดเดาได้ว่า ขนมไทยในนั้นคืออะไร...
แต่ที่สะดุดตาผม กลับเป็นเด็กชายตัวเด็กๆ ที่ออกแรงช่วยแม่ค้าเข็นอย่างเต็มที่
แขนเล็กๆ เกร็งจนเห็นริ้วกล้ามเนื้อ เหงื่อเกาะพราวไปตามไรผม ต้นคอ...
มันสะดุดตาเสียจนผมไม่อาจปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆได้
เราประหลาดใจพอกันแหล่ะ เพราะผู้ขาย ก็คงไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน ว่าผม... ที่ลักษณะท่าทางรวมถึงการเเต่งตัวจะเรียกพวกเค้าไว้
และผมเองก็ประหลาดใจ ที่เรียกพวกเค้าไว้ ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังจะออกไปรื่นรมย์กับสังคมรุ่งริ่งอยู่เดี๋ยวนั้น
ผมอยู่่ริมถนนแถวบ้านครับ กำลังเลือกแท็กซี่คันที่ไม่พกปืน ถ้าผมเผลอไปอ่อกใส่รถพี่เค้าเข้า รถเข็นคันนี้ก็มาถึงซะก่อน
"ถุงเท่าไหร่ครับ" ผมยิ้มตอบรอยยิ้มกว้างๆสะอาดๆของผู้ขายคู่นั้น และหุบยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากหนุ่มน้อย "สิบบาทครับ"
สิบบาท.... ผมอยู่ในความเงียบ ในขณะที่แม่ค้าตักขนมใส่ถุง...
ถุงนั้นไม่เล็กเลย ค่าถุงเท่าไหร่นะ ค่ายางมัดล่ะ ไหนจะถุงหูหิ้วอีก แล้วทั้งสองหม้อ มันจะขายได้สักกี่ถุงกัน
"เอาเพิ่มอีกห้าถุง" ผมหลุดออกไป แต่หนุ่มน้อยยิ้มกว้าง กะวีกะวาดช่วยแม่หยิบจับนู่นนี่
ในขณะที่ผมยังนึกไม่ออกว่า จะทำอะไรกับห้าถุงที่เพิ่มมา รู้แต่ว่า หกสิบบาทนี้คุ้มแน่ๆ ถ้าเทียบกับการใช้เงินของผมในหลายๆวันที่ผ่านมา
ขนมถุงละสิบบาท มันอาจจะมีกำไรสัก.. อืมม.. สามบาท ถ้าพวกเค้าต้องการเงินสัก.. สามร้อยบาท ก็ต้องขายร้อยถุง
ผมซื้อไปหกสิบ อาจจะมีกำไรราวยี่สิบ ร้อน ฝุ่น เหนื่อย... แต่เมื่อคืน ผมจ่ายค่าเหล้าเป็นพันๆ โดยไม่ได้คิดอะไรเลย...
เอาล่ะ... นี่ไม่ใช่เรื่องของความสงสาร และมันไม่ใช่เรื่องของการเชิดชูวีรกรรมกตัญญู คุณอย่าเข้าใจผิด...
ในความเห็นของผม.. นี่เป็นเรื่องของการ"สำนึกรู้"อย่างแท้จริง
ท่ามกลางสังคมบัดซบ ที่มอมเมาเยาชนของเราอย่างบ้าคลั่ง เกมส์ออนไลน์ เวปลามก การพนัน ยาเสพติด เซ็กส์
และค่านิยมที่ปั้นปลูกว่า จงละอาย ถ้าเจ้าไม่ได้ถือไอโฟน แต่อย่าอาย ถ้าขายตัว(เพราะดีกว่าเสียฟรีๆ)
หรืออาย ถ้ามีแม่เป็นแม่ค้าขายขนมปลากริมรถเข็น....
"ทอนสี่สิบบาทครับ" น้องยิ้มกว้าง ผมก็ยิ้ม.. และรับเงินทอนจากน้องอย่างสุภาพ เหมือนตอนที่ผมรับเงินจากลูกค้า
เพราะผมรู้สึกว่า..น้องเค้าก็มีเกียรติพอที่จะได้รับมันจากผมเหมือนกัน...
"หนึ่งร้อยสามสิบแปดบาทครับ" แท็กซี่ยิ้มโชว์ฟันหลอ ดึงผมขึ้นจากหลุมความคิดดำมืดของตัวเอง...
ผมมองดูเหรียญสิบบาทในมือสองเหรียญกับแบ็งค์สีเขียวยู่ๆ.... ก่อนจะดึงแบ็งค์ร้อยขึ้นมาแนบมันอีกใบก่อนส่งให้
โชเฟอร์แท็กซี่ ทำเป็นเอามือตบแปะๆไปตามกระเป๋าพลางมองหน้าผมเสมือนหนึ่งจะบอกว่า ไม่มีเงินทอน
ผมถอนหายใจยาว ก่อนจะควานค้นเหรียญก้นกระเป๋าออกมานับให้ได้แปดบาทจนครบ...
รอยยิ้มบนปากแท็กซี่หายไปพร้อมๆกับตอนที่ส่งเหรียญสิบมาคืนผม
ไม่รู้สิ... ผมไม่รู้จริงๆว่า...วันนี้ ทำไมเงินทอนสองบาทนี่.. มันถึงสำคัญอะไรกับผมขนาดนี้........