เส้นขนานสองหัวใจ บทที่ ๑๕

กระทู้สนทนา
บทนำ - ตอนล่าสุด http://my.dek-d.com/thezircon/writer/view.php?id=893020

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

15

    งานเลี้ยงขอบคุณพนักงานและตัวแทนจำหน่ายของบริษัทผลิตกระจกรายใหญ่ซึ่งประกอบการมาแล้วกว่ายี่สิบปี ถูกจัดขึ้น ณ ห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ มีผู้มาร่วมงานทั้งสิ้นกว่าห้าร้อยคน

    โต๊ะกลมซึ่งปูด้วยผ้าขาว มีกระจกวางอาหารแบบหมุนได้ทั่วถึงถูกจัดเรียงเป็นทิวแถว จิรายุนั่งร่วมโต๊ะหน้าสุดกับมารดา พี่ชาย และหุ้นส่วนใหญ่ ขณะแสงไฟในห้องจัดเลี้ยงทุกดวงหรี่ลง สปอตไลท์ฉายยังเวทีก่อนพิธีกรจะเชิญบิดาเขาขึ้นไปกล่าวขอบคุณผู้มาร่วมงาน

    ชายหนุ่มลอบถอนใจอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ถูกโรคกับงานพิธีการต่างๆ อยู่แล้ว แต่หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบบังคับให้ไม่อาจลุกไปไหน หากมือซุกซนก็แอบกดโทรศัพท์ส่งข้อความถึงคนที่ตนคิดถึง ไม่เจอ ไม่ได้พูดคุยมาทั้งวัน

    ‘เบื่อมากกก คร่อก...’

    แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีข้อความตอบกลับมา เขาทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอ กระทั่งบิดาพูดจบตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เสียงปรบมือดังเกรียวขึ้นทั่วงาน ตนจึงปรบมือตาม

    “ไปห้องน้ำแป๊บนะเฮีย” เขากระซิบบอกคนนั่งข้าง

    จิรายุลุกออกไปโดยไม่รอให้พี่ชายรั้งไว้ ก่อนหยุดยืนคว้างกลางโถงโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวทยอยกลับเข้าที่พักเป็นระยะ เขาไม่ได้ต้องการเข้าห้องน้ำอย่างที่บอก แต่นึกอยากสูดอากาศหรือจิบบรั่นดีสักแก้ว ไม่ใช่ชาร้อนเช่นในงาน

    ชายหนุ่มจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตนเคยมานั่งดื่มที่บาร์บนชั้นสามของโรมแรมแห่งนี้ ว่าแล้วก็เปรี้ยวปาก ถ้าได้เครื่องดื่มแรงๆ สักแก้วในเวลาแบบนี้คงพอให้ครึ้มในอารมณ์ได้ไม่เลว ไม่รอช้า ขาก็พาเขาตามนักท่องเที่ยวขึ้นลิฟท์ไป

......................................

    บาร์และคลับเลาจน์ที่จิรายุเคยมาใช้บริการมีผู้คนบางตาจากราคาสูงลิ่ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติกระเป๋าหนัก เขาเดินผ่านชุดเก้าอี้โซฟาทรงโค้งเข้ามุม สีดำของมันตัดกับพรมสีเลือดหมู แล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์ไม้ขัดมัน เขาเลือกนั่งบนเก้าอี้ยกสูงถัดจากลูกค้าสตรีซึ่งนั่งดื่มอยู่ก่อนแล้วออกมาสองตัว

    ชายหนุ่มยกมือระดับไหล่พลางสั่งเครื่องดื่ม “แมนฮัตตัน”

    “มาการิต้า...” อีกเสียงผสานขึ้นมา

    จิรายุหันมองสตรีในเสื้อรัดรูปสีดำคอปาด เจ้าหล่อนหันมองเขาเช่นกัน ก่อนเปลือกตาซึ่งแต่งแต้มสีสันไว้สวยจะเบิกกว้างนิดหนึ่ง อย่างที่เจ้าของหมั่นฝึกหน้ากระจกจนมั่นใจแล้วว่าอากัปกิริยาเช่นนั้นจะไม่แสดงริ้วรอยบนใบหน้าตน

    “คุณ...” เธอกลอกตาไปข้างบน ทำท่านึกได้อย่างน่ามอง

    อันที่จริงเธอจำเขาได้แม่นยำ เขาคือผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่เธอใฝ่ฝันถึงตลอดหลายคืนที่ผ่านมา กระนั้นสาวิตรีก็เลือกที่จะรอโดยไม่เป็นฝ่ายติดต่อไป เธอทะนงพอตัวกับเรื่องพรรค์นี้ ไม่คิดเลยว่าการได้เจอเขาอีกครั้งในช่วงเวลาห่างออกไปเกือบเดือนจะทำให้หัวใจเธอวูบวาบรุนแรง

    “คุณสวย...หรือคุณสาวนะครับ” จิรายุแกล้งทาย จำสาวใหญ่ได้เช่นกัน

    ดวงตาซึ่งเขียนสีล้อมกรอบให้ดูโดดเด่นเปล่งประกายรับคำทักทายกึ่งป้อยอ

    “สาต่างหากค่ะ เอ เราเคยเจอกันที่ไหนนะคะ”

    อะไรหว่า คงยังไม่แก่จนหลงๆ ลืมๆ นา เขาคิดขันๆ ในใจก่อนให้คำตอบ

    “สุวรรณภูมิไงครับ ผมชื่อแบงค์ แต่ไม่ได้ทำงานที่แบงค์” ชายหนุ่มแนะนำตัวพลางยกแก้วขึ้น ‘เชียร์ส’

    “คุณนั่นเอง แหม โลกกลมจัง”

    สาวิตรีดีใจที่ตนมองคนไม่ผิด ตั้งแต่เสื้อผ้าธรรมดาทว่ายี่ห้อหรูซึ่งเขาสวมใส่ไปรอรับเพื่อนที่สนามบิน จนถึงบังเอิญเจอเขา ณ บาร์แห่งนี้ บ่งบอกรสนิยมอีกฝ่ายได้ดี

    “คุณสามาดื่มที่นี่บ่อยหรือฮะ” เขาชวนคุยมากกว่าจะสนใจใคร่รู้จริงๆ

    เวลาเบื่อๆ อย่างนี้ มีผู้หญิงสวยๆ มาให้พูดคุยกรุ้มกริ่มก็แก้เซ็งได้ไม่เลว

    “ไม่หรอกค่ะ พอดีเมื่อเย็นมีงานที่นี่ เสร็จแล้วเลยแวะหาอะไรดื่ม”

    “โชคดีของผม กำลังเบื่อๆ จากงานข้างล่างเลยแวบออกมาดื่ม ได้เจอคุณสาพอดี”

    จิรายุก้มมองนาฬิกาข้อมือ เขาออกมานานเกินไปแล้ว สมควรแก่เวลากลับลงไปร่วมงาน

    “คุณสาจะดื่มอีกนานไหมฮะ ถ้ายังไงเสร็จงานแล้วผมจะขึ้นมาดื่มเป็นเพื่อน”

    สาวิตรีซ่อน ‘ความเสียดาย’ ซึ่งฉายชัดในแววตาไว้ไม่มิด ครั้งนี้มันมากกว่าคราวเจอกันวันแรกนัก จนอาจเรียกได้ว่า ‘เสียใจ’

    “เชิญคุณแบงค์เถอะค่ะ เดี๋ยวสาก็กลับแล้ว” เธอแข็งใจตอบพร้อมฝืนยิ้ม

    “คุณสาขับรถมา...” ชายหนุ่มเอ่ยเชิงถาม

    สาวใหญ่มองเห็นโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังหยิบยื่นให้ เธอไม่โง่ขนาดจะสวมบทสาวมั่นตลอดเวลา บางทีผู้หญิงก็ควรต้องอ่อนให้บุรุษเพศได้แสดงบทบาทของตัวเอง

    “สามาแท็กซี่น่ะค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปส่งนะฮะ รอสักครู่ ผมจะปลีกตัวออกมาก่อนงานเลิกให้ได้” เขาขยิบตาทะเล้น

    เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเสน่ห์ของชายหนุ่มก็สุดรู้ ผิวของเธอจึงได้ร้อนผ่าวไปทั่วสรรพางค์กายเช่นนี้

    “ของคุณผู้หญิงรูดบัตรนี้นะ เดี๋ยวผมขึ้นมาเซ็น” เขาส่งบัตรเครดิตให้พนักงานหลังเคาน์เตอร์ ก่อนหันบอกสาวใหญ่เสียงอ่อย “เผื่อคุณสาเบื่อรอผม หนีกลับไปเสียก่อน”

    ทว่าแม้นานแค่ไหนจิรายุและสาวิตรีก็ยินดีรอ เพราะพวกเขารู้แก่ใจว่าจุดจบของวันนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ใด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่