เวลาเย็นๆ ของวันพุธอันสุดแสนจะเซ็ง กับการทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดมายาวๆ
ในช่วงเทศกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไป เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน มากันแบบเบาบาง มากันยังไม่มากนัก
เนื่องจากบางคนยังคงลายาวต่อเนื่องบ้าง หารถกลับไม่ได้บ้าง
รวมไปถึงเหตุผลอีกร้อยแปดที่แตกต่างออกไป ทำให้วันนี้งานประจำที่ทำอยู่ ค่อนข้าง น้อย
และสามารถเสร็จได้ภายในครึ่งวัน
ครึ่งบ่ายหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ ก็มานั่งพักผ่อน
เปิดเนตดูอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวในห้องทำงาน (ดูข่าวสารอะไรทั่วไปนะครับ)
สายตาชวนเสียเงินก็มองไปเห็นปฎิทินบนหัวโต๊ะ
“เห้ย วันนี้วันพุธนี่น่า หนังลดราคา!!”
นี่คือสิ่งที่ผมคิดออกเกี่ยวกับวันพุธนอกเหนือจากเรื่องห้ามตัดผมที่แม่กล่อมมาตั้งแต่เด็กๆ
ผมจึงเปิดเว็บไซท์ของเมเจอร์ ไปดูรอบหนังวันนี้ ว่ามีหนังอะไรน่าดูบ้าง
ครั้นจะโทรไปถามท่าน ผบ. ก็ติดธุระมาดูด้วยกันไม่ได้ เอาวะ ดูคนเดียวก็คนเดียว
หลังจากเปิดเว็บของเมเจอร์ ก็ไปสะดุดตากับหนังอนิเมชั่นชื่อเรียกยากๆชื่อหนึ่ง
“ The Croods ”
เดอะ ครู้ดส์ รึปล่าว รึจริงๆแล้วต้องเขียนว่า เดอะ ครู้ดซ์ หรือ เดอะ ครูท
ซึ่งผมดูธีมหนังแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ถ้ำ ผมก็ว่า
ทำไมไม่ตั้งชื่อเป็น The cave ไปซะเลย...
แต่ช่างมัน ชื่อหนังคงไม่สำคัญเท่าเนื้อหา
ประกอบกับทีมสร้างเดียวกันกับ UP คุณปู่บ้าเลือดที่เคยทำให้ผมซาบซึ้งมาครั้งหนึ่งแล้ว
จึงเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากเท่าไรนัก
หลังเลิกงานผมนั่งรถไปโรงหนังไกล้บ้าน เพื่อที่จะไปดูให้ทันรอบ 17:10
เผื่อเวลาเล็กน้อย ไปถึงตอน สี่โมงเย็นกว่าๆ
เมื่อเดินเข้าไปในหนังพร้อมกับน้ำเปล่า 1 ขวด
ประการแรกที่ทำให้รู้สึกโลกใจคือ.....
“อ่อ ~ ~ แอร์เย็นสบายดี ไม่เสีย ไม่มีปัญหา”
แต่พอเดินมาถึงที่นั่ง
อื้อหืออออออออ เด็กๆทั้งนั้นเลย...ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวเสียงดังอีกต่างหาก แต่ไม่เป็นไร หนังยังไม่เริ่ม
ไม่ว่ากันๆ ซักพักหนึ่งเมื่อหนังไกล้เริ่ม ผู้ปกครองของเด็กคนนั้น
(ซึ่งผมไม่มั่นใจว่าเป็นแม่หรือเปล่า...เพราะยังสวยปิ้งอยู่เลย..)
ก็ได้สั่งสอนลูกถึงเรื่องการดูหนังแบบไม่มีเสียง โชคดีที่เด็กคนนั้นเชื่อฟัง ผมจึงได้ดูหนังแบบสงบๆ
ผมนั่งลงบนเก้าอี้หลังจากที่เพลงสรรเสิญพระบารมีจบลง แล้วหนังก็เริ่มต้นขึ้น....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เนื้อเรื่องของหนังก็ประมาณว่า
การที่มีสิ่งมีชีวิตยุคหินชีวิตครอบครัวหนึ่ง ที่อาศัยแต่การหลบอยู่ในถ้ำ
มาตลอดระยะเวลาหลายปี กลัวความมืด ไม่กล้าออกข้างนอกเวลากลางคืน
ใช้ชีวิตตอนเช้า ล่าอาหาร กลางคืน หลบในถ้ำ วนเวียนเวียนวนเช่นนี้มานาน.....
แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของลูกสาววัยกำลังคึกคะนอง วัยกำลังอยากรู้อยากเห็น
จึงทำให้แม่นางท่านนี้ ชอบแหกกฎที่พ่อของตนตั้งไว้เสมอๆ จนวันหนึ่ง
ในตอนที่ตามแสงประหลาดๆนั้นเอง เขาก็ได้เจอกับหนุ่มขี้ก้างผอมแห้ง
ที่ไม่น่าจะแรงมีมากนัก ซึ่งรู้วิธีจุดไฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
สำหรับเด็กสาวผู้ไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ทั้งสองทำความรู้จักกันได้ไม่นาน
ก็ต้องแยกจากกันไป แต่ในขณะที่กำลังกลับถ้ำนั้นเอง บ้าน หรือถ้ำของครอบครัวนี้
ได้ถูกหินก้อนใหญ่ลงมาทำลาย จนไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้อีกแล้ว ครองครัวนี้ จึงจำเป็นต้อง ออกเดินทาง!!
แม้ว่าในการเดินทาง ระยะทางอาจไม่ไกลมากนัก แต่ด้วยความที่ขี้ระเวงต่อภัยอันตราย
รวมถึงยังไม่เคยเจอโลกและความน่ากลัวของช่วงกลางคืน จึงทำให้เด็กหนุ่มตัวผอมแห้งคนนั้น
ออกมาช่วยในการใช้สมองคิดหลายต่อหลายครั้ง
แต่กว่าจะถึงช่วงนั้น ทั้งครอบครัวก็ได้มีการผ่านอะไรมามากมาย
ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆของตัวเองและของสิ่งรอบตัวในดินแดนแห่งใหม่มากขึ้น
จนถึงช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจ จากมนุษย์ถ้ำ ผู้ไม่ค่อยได้ใช้สมองเลย กลับต้องมาคิด หาทางเอาตัวรอด
เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป การพัฒนาก็เกิดขึ้น 
สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรต่อไป
โลกเราจะถึงการอวสานหรือไม่ มนุษย์ถ้ำพวกนั้นจะมีโอกาสได้มีภาค 2 หรือเปล่า
ขอเชิญติดตามต่อ ในโรงภาพยนตร์ไกล้บ้านท่าน~~
ครับ หลังจากหนังจบ สิ่งที่ผมมักคิดทันทีหลังจากขึ้นเครดิต คือคำถามเดิมๆที่ผมมักถามตัวเอง
“ หนังให้อะไรกับเรา? ”
สำหรับเรื่องนี้ คำตอบคงไม่ยากนักจากคนที่ได้ดู
เพราะเนื้อเรื่องแสดงเห็นถึงประเด็นใหญ่ๆคือเรื่องของครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด ผู้เป็นพ่อ ยังคงพร้อมที่จะเป็นผู้นำครอบครัวเสมอ
ถึงอาจจะดูหัวโบราณไปบ้างในบางที แต่ก็ทำให้ครอบครัวรอดมาได้จนถึงถ้ำถล่ม
รวมไปถึงเรื่องของตัวลูก ในช่วงผลัดเปลี่ยนวัยสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้นกว่าเดิม
พอคนเราเติบโตขึ้นถึงจุดๆหนึ่ง ธรรมชาติจะสอนให้เราคิดเป็น ตามสภาพแวดล้อมและบริบทนั้นๆ
ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่าคนสองวัย มักนำมาซึ่งการทะเลาะกันเสมอ
เพราะแต่ละคน ต่างมีเหตุผลของตนด้วยกันทั้งนั้น...
สิ่งที่ผมประทับใจกับเรื่องนี้และอยากแนะนำให้หลายๆคนไปดู
ทั้งผู้ปกครองที่ชอบยึดติดกับอะไรเดิมๆ ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่ว่า ความคิดเดิมๆนั้น
อาจช่วยให้ท่านมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ แต่จริงๆแล้วทุกวันนี้ อะไรมันเปลี่ยนไป
ในยุคที่ส่งข้อความทาง Line ถึงปลายทางเร็วกว่าจดหมาย
ยุคที่อะไรๆมันไม่เหมือนเดิม ผู้คนเปลี่ยน วิถีชีวิตเปลี่ยน
ดังนั้น เพื่อความอยู่รอด เราจึงต้องมีการ พัฒนาขึ้นจากเดิม ( บ้าง )
รวมไปถึงบรรดาลูกๆ วัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนของผู้ปกครองเลย
การที่เป็นคนหัวดื้อ โดยใช้การอ้างไปว่า คิดเป็น คิดเองได้นั้น ในบางครั้งบางเรื่อง
เราต้องไม่ลืมว่า ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เขาอาจจะมีข้อคิดที่ดีๆ
ที่ให้เรานำไปต่อยอดประยุคใช้ในชีวิตของเราได้มากมาย และไม่มีพ่อแม่คนไหน ไม่รักลูกตัวเอง...
สุดท้ายที่ผมตกผลึกเป็นตะกอนความคิดได้นั้นก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใด ผมเชื่อว่า “ครอบครัว” สำคัญเสมอ
ผมดูเรื่องนี้จบแล้วแทบจะอยากกลับบ้านไปกอดป๋ากับม้าให้ชื่นใจเลยจริงๆ
ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากโรงหนังหาซื้อของกินพลางๆ รอรถกลับบ้าน
ผมก็เดินผ่านร้านขายแผ่นหนังคุณภาพราคาย่อมเยาบริเวณนั้น
ฉับพลันที่ผมเดินผ่าน สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหนังแผ่นที่มคำว่า NEW แปะอยู่
หน้าปกของหนังเรื่องนั้นเป็นภาพการ์ตูน ใต้ภาพมีคำภาษาอังกฤษเป็นชื่อเรื่องแปะอยู่ว่า
“The Croods”
ผมมองแผ่นนั้นอยู่พักหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนโดนมีดมาแทงที่หัวใจ
ผมรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย
ก่อนจะเดินไปซื้อลูกชิ้นปิ้งแล้วโบกรถกลับบ้านในทันที...
==========================================
ขออภัยนะครับ มือใหม่หัดรีวิว แล้วจะพัฒนาให้อ่านง่ายกว่านนี้นะครับ
ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ ^___^

-- The Croods อนิเมชั่นที่เป็นได้มากกว่าการ์ตูนตลก (ซ่อน spoil) ความรู้สึกหลังจากได้ดู --
เวลาเย็นๆ ของวันพุธอันสุดแสนจะเซ็ง กับการทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดมายาวๆ

ในช่วงเทศกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไป เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน มากันแบบเบาบาง มากันยังไม่มากนัก
เนื่องจากบางคนยังคงลายาวต่อเนื่องบ้าง หารถกลับไม่ได้บ้าง
รวมไปถึงเหตุผลอีกร้อยแปดที่แตกต่างออกไป ทำให้วันนี้งานประจำที่ทำอยู่ ค่อนข้าง น้อย
และสามารถเสร็จได้ภายในครึ่งวัน
ครึ่งบ่ายหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ ก็มานั่งพักผ่อน
เปิดเนตดูอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวในห้องทำงาน (ดูข่าวสารอะไรทั่วไปนะครับ)
สายตาชวนเสียเงินก็มองไปเห็นปฎิทินบนหัวโต๊ะ
“เห้ย วันนี้วันพุธนี่น่า หนังลดราคา!!”
นี่คือสิ่งที่ผมคิดออกเกี่ยวกับวันพุธนอกเหนือจากเรื่องห้ามตัดผมที่แม่กล่อมมาตั้งแต่เด็กๆ
ผมจึงเปิดเว็บไซท์ของเมเจอร์ ไปดูรอบหนังวันนี้ ว่ามีหนังอะไรน่าดูบ้าง
ครั้นจะโทรไปถามท่าน ผบ. ก็ติดธุระมาดูด้วยกันไม่ได้ เอาวะ ดูคนเดียวก็คนเดียว
หลังจากเปิดเว็บของเมเจอร์ ก็ไปสะดุดตากับหนังอนิเมชั่นชื่อเรียกยากๆชื่อหนึ่ง
“ The Croods ”
เดอะ ครู้ดส์ รึปล่าว รึจริงๆแล้วต้องเขียนว่า เดอะ ครู้ดซ์ หรือ เดอะ ครูท
ซึ่งผมดูธีมหนังแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ถ้ำ ผมก็ว่า
ทำไมไม่ตั้งชื่อเป็น The cave ไปซะเลย...
แต่ช่างมัน ชื่อหนังคงไม่สำคัญเท่าเนื้อหา
ประกอบกับทีมสร้างเดียวกันกับ UP คุณปู่บ้าเลือดที่เคยทำให้ผมซาบซึ้งมาครั้งหนึ่งแล้ว
จึงเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากเท่าไรนัก
หลังเลิกงานผมนั่งรถไปโรงหนังไกล้บ้าน เพื่อที่จะไปดูให้ทันรอบ 17:10
เผื่อเวลาเล็กน้อย ไปถึงตอน สี่โมงเย็นกว่าๆ
เมื่อเดินเข้าไปในหนังพร้อมกับน้ำเปล่า 1 ขวด
ประการแรกที่ทำให้รู้สึกโลกใจคือ.....
“อ่อ ~ ~ แอร์เย็นสบายดี ไม่เสีย ไม่มีปัญหา”
แต่พอเดินมาถึงที่นั่ง
อื้อหืออออออออ เด็กๆทั้งนั้นเลย...ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวเสียงดังอีกต่างหาก แต่ไม่เป็นไร หนังยังไม่เริ่ม
ไม่ว่ากันๆ ซักพักหนึ่งเมื่อหนังไกล้เริ่ม ผู้ปกครองของเด็กคนนั้น
(ซึ่งผมไม่มั่นใจว่าเป็นแม่หรือเปล่า...เพราะยังสวยปิ้งอยู่เลย..)
ก็ได้สั่งสอนลูกถึงเรื่องการดูหนังแบบไม่มีเสียง โชคดีที่เด็กคนนั้นเชื่อฟัง ผมจึงได้ดูหนังแบบสงบๆ
ผมนั่งลงบนเก้าอี้หลังจากที่เพลงสรรเสิญพระบารมีจบลง แล้วหนังก็เริ่มต้นขึ้น....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรต่อไป
โลกเราจะถึงการอวสานหรือไม่ มนุษย์ถ้ำพวกนั้นจะมีโอกาสได้มีภาค 2 หรือเปล่า
ขอเชิญติดตามต่อ ในโรงภาพยนตร์ไกล้บ้านท่าน~~
ครับ หลังจากหนังจบ สิ่งที่ผมมักคิดทันทีหลังจากขึ้นเครดิต คือคำถามเดิมๆที่ผมมักถามตัวเอง
“ หนังให้อะไรกับเรา? ”
สำหรับเรื่องนี้ คำตอบคงไม่ยากนักจากคนที่ได้ดู
เพราะเนื้อเรื่องแสดงเห็นถึงประเด็นใหญ่ๆคือเรื่องของครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด ผู้เป็นพ่อ ยังคงพร้อมที่จะเป็นผู้นำครอบครัวเสมอ
ถึงอาจจะดูหัวโบราณไปบ้างในบางที แต่ก็ทำให้ครอบครัวรอดมาได้จนถึงถ้ำถล่ม
รวมไปถึงเรื่องของตัวลูก ในช่วงผลัดเปลี่ยนวัยสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้นกว่าเดิม
พอคนเราเติบโตขึ้นถึงจุดๆหนึ่ง ธรรมชาติจะสอนให้เราคิดเป็น ตามสภาพแวดล้อมและบริบทนั้นๆ
ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่าคนสองวัย มักนำมาซึ่งการทะเลาะกันเสมอ
เพราะแต่ละคน ต่างมีเหตุผลของตนด้วยกันทั้งนั้น...
สิ่งที่ผมประทับใจกับเรื่องนี้และอยากแนะนำให้หลายๆคนไปดู
ทั้งผู้ปกครองที่ชอบยึดติดกับอะไรเดิมๆ ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่ว่า ความคิดเดิมๆนั้น
อาจช่วยให้ท่านมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ แต่จริงๆแล้วทุกวันนี้ อะไรมันเปลี่ยนไป
ในยุคที่ส่งข้อความทาง Line ถึงปลายทางเร็วกว่าจดหมาย
ยุคที่อะไรๆมันไม่เหมือนเดิม ผู้คนเปลี่ยน วิถีชีวิตเปลี่ยน
ดังนั้น เพื่อความอยู่รอด เราจึงต้องมีการ พัฒนาขึ้นจากเดิม ( บ้าง )
รวมไปถึงบรรดาลูกๆ วัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนของผู้ปกครองเลย
การที่เป็นคนหัวดื้อ โดยใช้การอ้างไปว่า คิดเป็น คิดเองได้นั้น ในบางครั้งบางเรื่อง
เราต้องไม่ลืมว่า ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เขาอาจจะมีข้อคิดที่ดีๆ
ที่ให้เรานำไปต่อยอดประยุคใช้ในชีวิตของเราได้มากมาย และไม่มีพ่อแม่คนไหน ไม่รักลูกตัวเอง...
สุดท้ายที่ผมตกผลึกเป็นตะกอนความคิดได้นั้นก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใด ผมเชื่อว่า “ครอบครัว” สำคัญเสมอ
ผมดูเรื่องนี้จบแล้วแทบจะอยากกลับบ้านไปกอดป๋ากับม้าให้ชื่นใจเลยจริงๆ
ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากโรงหนังหาซื้อของกินพลางๆ รอรถกลับบ้าน
ผมก็เดินผ่านร้านขายแผ่นหนังคุณภาพราคาย่อมเยาบริเวณนั้น
ฉับพลันที่ผมเดินผ่าน สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหนังแผ่นที่มคำว่า NEW แปะอยู่
หน้าปกของหนังเรื่องนั้นเป็นภาพการ์ตูน ใต้ภาพมีคำภาษาอังกฤษเป็นชื่อเรื่องแปะอยู่ว่า
“The Croods”
ผมมองแผ่นนั้นอยู่พักหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนโดนมีดมาแทงที่หัวใจ
ผมรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย
ก่อนจะเดินไปซื้อลูกชิ้นปิ้งแล้วโบกรถกลับบ้านในทันที...
==========================================
ขออภัยนะครับ มือใหม่หัดรีวิว แล้วจะพัฒนาให้อ่านง่ายกว่านนี้นะครับ
ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ ^___^