เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้หนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนระยะยาวขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ทางนาซาตัดสินใจเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรับมือกับดาวเคราะห์น้อยให้เร็วขึ้นกว่าเดิม หลังจากเกิดเหตุอุกกาบาตระเบิดเหนือท้องฟ้าเมืองเชลยาบินสก์ ในรัสเซีย เมื่อดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเตรียมรวมหลายโครงการเข้าด้วยโดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการจัดการกับดาวเคราะห์น้อยที่มีวงโคจรคุกคามต่อโลก
แผนปฏิบัติการ "กู้คืน" ดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวนั้น อาศัยแนวทางของกลุ่มศึกษาเฉพาะกิจของ "เค็ค อินสติติวท์ ฟอร์ สเปซ สตัดดีส์" ที่จัดทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยมีการปรับปรุงกำหนดเวลาเสียใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งเคยประกาศจะส่งมนุษย์ขึ้นไปสู่ดาวเคราะห์น้อยภายในปี 2025 นี้
ตามกำหนดเวลาที่ปรับปรุงใหม่นั้น นาซากำหนดจะสำรวจยานหุ่นยนต์ขึ้นไปร่อนลงบนดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 7-10 เมตร หนักราวๆ 500 ตัน ให้ได้ภายในปี 2017 หรือในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะกลายเป็นปฏิบัติการพื้นฐานสำหรับการทดสอบปฏิบัติการ "จับ" ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใกล้เคียงกันเพื่อนำมันใส่ "ถุง" แล้วลากออกไปปล่อยไว้ในวงโคจรที่มีความเสถียรและไม่มีเส้นทางคุกคามต่อความปลอดภัยของโลกในบริเวณใกล้ๆ กับวงโคจรของดวงจันทร์ ที่กำหนดจะบรรลุผลให้ได้ในปี 2019 ต่อไป ยานที่ใช้ในปฏิบัติการดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งจะลดระยะเวลาการเดินทางของยานไปสู่ดาวเคราะห์น้อยลงจากระยะเวลาหลายๆ เดือน ให้เหลือเพียงสองสามวันเท่านั้นได้
ตามการศึกษาของสถาบันเค็คนั้น โครงการดังกล่าวนี้จะใช้เงินประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ผู้นี้เชื่อว่างบประมาณจำนวนดังกล่าวสามารถตัดทอนลงได้กว่าครึ่งหรือลงมาเหลือราว 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่แตกเป็นงบประมาณรายปีอยู่ที่ราว 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี ถ้าหากนาซานำเอาโครงการจรวดส่งระบบใหม่ "สเปซ ล็อนช์ ซิสเต็ม" (เอสแอลเอส) ซึ่งเป็นระบบจรวดส่งสำหรับอวกาศยานที่น้ำหนักมาก ซึ่งนาซามีแผนพัฒนาอยู่แล้วในเวลานี้มาใช้ร่วมกับ ยาน "โอเรียน ครูว์ เอ็กซพลอเรชั่น" ที่มีกำหนดจะส่งมนุษย์ขึ้นไปวนรอบดวงจันทร์และกลับมายังโลกในปี 2021
ทั้งนี้ทางการสหรัฐอเมริกาเตรียมจัดสรรงบประมาณปี 2014 ไว้เพื่อโครงการกู้คืนดาวเคราะห์น้อยสู่วงโคจรที่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ 78 ล้านดอลลาร์ และจะกันอีก 27 ล้านดอลลาร์ สำหรับเป็นงบประมาณเพื่อการเร่งรัดกระบวนการในการสำรวจและจำแนกดาวเคราะห์น้อยที่เป็นภัยคุกคามต่อโลกให้เร็วขึ้น
น่าสังเกตว่า ดาวเคราะห์น้อยที่นาซาเตรียมส่งยานหุ่นยนต์ไปลงจอด ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 7-10 เมตรนั้น มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของอุกกาบาตเชลยาบินสก์โดยประมาณเท่านั้นเอง อุกกาบาตขนาดนี้ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อโลกแม้วงโคจรจะตรงเข้าหาโลกก็ตาม
กระนั้นการจัดการจับและนำมันไปยังวงโคจรใหม่ (ซึ่งง่ายกว่า) ก็จะช่วยให้นาซามีองค์ความรู้มหาศาลในการจัดการรับมือกับอุกกาบาตที่ใหญ่กว่าในอนาคตนั่นเอง
(ที่มา:มติชนรายวัน 16 เมษายน 2556)
เปิดแผนปฏิบัติการ′นาซา′ รับมือดาวเคราะห์น้อยคุกคามโลก
แผนปฏิบัติการ "กู้คืน" ดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวนั้น อาศัยแนวทางของกลุ่มศึกษาเฉพาะกิจของ "เค็ค อินสติติวท์ ฟอร์ สเปซ สตัดดีส์" ที่จัดทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยมีการปรับปรุงกำหนดเวลาเสียใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งเคยประกาศจะส่งมนุษย์ขึ้นไปสู่ดาวเคราะห์น้อยภายในปี 2025 นี้
ตามกำหนดเวลาที่ปรับปรุงใหม่นั้น นาซากำหนดจะสำรวจยานหุ่นยนต์ขึ้นไปร่อนลงบนดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 7-10 เมตร หนักราวๆ 500 ตัน ให้ได้ภายในปี 2017 หรือในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะกลายเป็นปฏิบัติการพื้นฐานสำหรับการทดสอบปฏิบัติการ "จับ" ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใกล้เคียงกันเพื่อนำมันใส่ "ถุง" แล้วลากออกไปปล่อยไว้ในวงโคจรที่มีความเสถียรและไม่มีเส้นทางคุกคามต่อความปลอดภัยของโลกในบริเวณใกล้ๆ กับวงโคจรของดวงจันทร์ ที่กำหนดจะบรรลุผลให้ได้ในปี 2019 ต่อไป ยานที่ใช้ในปฏิบัติการดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งจะลดระยะเวลาการเดินทางของยานไปสู่ดาวเคราะห์น้อยลงจากระยะเวลาหลายๆ เดือน ให้เหลือเพียงสองสามวันเท่านั้นได้
ตามการศึกษาของสถาบันเค็คนั้น โครงการดังกล่าวนี้จะใช้เงินประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ผู้นี้เชื่อว่างบประมาณจำนวนดังกล่าวสามารถตัดทอนลงได้กว่าครึ่งหรือลงมาเหลือราว 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่แตกเป็นงบประมาณรายปีอยู่ที่ราว 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี ถ้าหากนาซานำเอาโครงการจรวดส่งระบบใหม่ "สเปซ ล็อนช์ ซิสเต็ม" (เอสแอลเอส) ซึ่งเป็นระบบจรวดส่งสำหรับอวกาศยานที่น้ำหนักมาก ซึ่งนาซามีแผนพัฒนาอยู่แล้วในเวลานี้มาใช้ร่วมกับ ยาน "โอเรียน ครูว์ เอ็กซพลอเรชั่น" ที่มีกำหนดจะส่งมนุษย์ขึ้นไปวนรอบดวงจันทร์และกลับมายังโลกในปี 2021
ทั้งนี้ทางการสหรัฐอเมริกาเตรียมจัดสรรงบประมาณปี 2014 ไว้เพื่อโครงการกู้คืนดาวเคราะห์น้อยสู่วงโคจรที่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ 78 ล้านดอลลาร์ และจะกันอีก 27 ล้านดอลลาร์ สำหรับเป็นงบประมาณเพื่อการเร่งรัดกระบวนการในการสำรวจและจำแนกดาวเคราะห์น้อยที่เป็นภัยคุกคามต่อโลกให้เร็วขึ้น
น่าสังเกตว่า ดาวเคราะห์น้อยที่นาซาเตรียมส่งยานหุ่นยนต์ไปลงจอด ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 7-10 เมตรนั้น มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของอุกกาบาตเชลยาบินสก์โดยประมาณเท่านั้นเอง อุกกาบาตขนาดนี้ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อโลกแม้วงโคจรจะตรงเข้าหาโลกก็ตาม
กระนั้นการจัดการจับและนำมันไปยังวงโคจรใหม่ (ซึ่งง่ายกว่า) ก็จะช่วยให้นาซามีองค์ความรู้มหาศาลในการจัดการรับมือกับอุกกาบาตที่ใหญ่กว่าในอนาคตนั่นเอง
(ที่มา:มติชนรายวัน 16 เมษายน 2556)