เนื่องจากวันสงกรานต์หยุดยาวๆแบบนี้ เลยได้เวลาปั่นสะสมระยะทางไปเรื่อยๆเลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆนักปั่นกัน
ปกติเป็นพวกขาอ่อนครับ ปั่นที่ราวๆ 20 - 25 km/hr เท่านั้นเอง ระยะทำการเลยไม่ไกลมากแต่ละวันไปกลับไม่เกิน 40 km
พาหนะคู่ใจ trek 4300 ซื้อมาปั่นเพื่อชีวิตได้ 2 ปีแล้วไม่ได้เปลี่ยนอะไรแค่งอก บังโคลน,กระเป๋า, ไฟหน้า-หลัง, กระจกมองหลัง
, เปลี่ยนยางเล็ก เท่านั้นเอง
การปั่นในวันสงกรานต์นั้น สิ่งที่ต้องระวังคือ คนเล่นน้ำครับ เพราะ มีทุกรูปแบบจริงๆ เลยตัดปัญหาด้วยการ ออก 7 โมงเช้า
กลับประมาณ 9 โมงเช้า พวกท่านๆจะยังไม่ตื่นกัน แถมแก๊งค์เด็กแว๊นซ์ ที่มากเป็นพิเศษ อีก ขนาดระวังขนาดนี้แล้วยังไม่วาย
วันแรก 13/04/2556 ชวนพี่ สว.(สูงวัย) ที่หมู่บ้านไปปั่นด้วยกันหนึ่งท่าน ทริปนี้ ไปธรรมศาสตร์รังสิต เริ่มจากบริเวณเมืองเอก
แล้วไปทางถนนโลค่อลโร้ด ข้ามไปทางไปเวิร์คพ้อยต์ แล้วขึ้นทางข้ามไปเข้าฝั่งเชียงราก เข้าธรรมศาสตร์ ปั่นวนเล่นๆซักรอบ
แล้วกลับทางเดิม รวมระยะทาง 38.11 km ใช้เวลาสองชั่วโมงหกนาที ไม่รวมพักตามทางประมาณสิบห้านาที
จากจุดเริ่มต้นถึงร้านน้องก้อยข้างเวิร์คพ้อยต์ เสียดายช่วงสงกรานต์ร้านปิดเลยอดแวะกินน้ำแดงโซดา วันนี้เจอเพื่อนนักปั่น
มาสตาร์ทที่จุดนี้พอสมควร
เส้นทาง

จากร้านน้องก้อยตรงไปธรรมศาสตร์ ปั่นรอบมหาวิทยาลัยรอบนึงแล้วก็เดินทางกลับ

รูปบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้วจริงๆนะจ๊ะ
ปั่นมาตั้งสามสิบกว่ากิโลเมตรถึงหน้าหมู่บ้านอยู่แล้วเชียว แต่แล้ว สิ่งที่กลัวมันก็มาจนได้ครับท่าน
เด็กแว๊นซ์ครับ ผู้ชายสองคน อายุอานามน่าจะ สิบสองสิบสาม(รีบเป็นแว๊นซ์จริงพ่อคู๊ณ) ผมมองกระจกหลัง
เตรียมเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน ทิ้งระยะจากพี่ที่ตามมาประมาณห้าเมตร ส่วนพ่อเด็กแว๊นซ์ขี่มอไซค์ตามมาด้านหลังพี่เค้าอีกที
น่าจะห่างราวๆ สามสี่เมตร เราก็ให้สัญญาณมือเลี้ยวขวา ปั่นมาที่เลนกลาง แล้วก็เลี้ยว ฟังดูปกติดีใช่ไหมครับ
ตามสเต็ปเป๊ะ ทันใดนั่นก็มีเสียงบิดมอไซค์ขึ้นมา พร้อมๆกับ ผมรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมรถเอาเหวี่ยง แล้ว รถก็เสียหลัก
พร้อมๆกับเสียงมอไซค์แฉลบครับ ในใจตอนนั้นไม่ทันได้คิดอะไร ก็ไปนอนกองกับพื้นแล้วครับ หัวกระแทกพื้นไปหนึ่งดอก
แต่ดีที่ ใส่หมวกกันน๊อกพร้อมเสื้อแขนยาว วันนี้โชคดีใส่ซัพพอร์ตที่เข่าด้วย เลยลงไปนอนกองที่พื้นอย่างสวยงาม
ลุกขึ้นมาเจอเด็กแว๊นซ์ทำหน้าจ๋อยๆอยู่ เลยตวาดไปหนึ่งดอก(จริงๆพูดนิ่มๆ ธรรมดานี่แหละครับ คนเห็นเหตุการณ์
ยังงงกันอยู่ว่าทำไมใจดีจัง) "น้องครับ ไม่เห็นสัญญานเลี้ยวเหรอครับ คราวหลังระวังนะครับ มันอันตราย" เด็กแว๊นซ์ก็ครับๆ
อย่างเดียว ที่น่าตกใจคือ น้องแว๊นซ์ไม่มีหมวกกันน๊อกซักคน นี่ถ้าหัวน้องเค้าไปพิศวาสกะถนนเป็นอะไรขึ้นมา ตูคงซวยหนักกว่านี้สินะ
หลังจากดูแล้วว่าไม่มีอะไร รถเราไม่เสียหาย อะไรมาก เบาะฉีกนิดหน่อยโซ่หลุดออกมา จับยัดๆเข้าไปก็เรียบร้อย
เลยปล่อยน้องเค้าไปซะ เพราะดูแล้วไม่รู้จะเรียก ร้องอะไรได้เหมือนกัน
ร่องรอยความเสียหาย
สอบถามพี่ที่ตามมา กับชาวบ้านแถวนั้นที่เห็นเหตการณ์ได้ความว่า ไอ้ผมก็เลี้ยวปกตินี่แหละ แต่น้องแว๊นซ์
เค้าอยู่ดีๆก็แว๊นซ์แตก อยากโชว์สเต็ปซิ๊กแซ็กคือแซงรถพี่ที่อยู่ข้างหลังผม แล้ว ชะแว๊ปผ่านผมไปอีกที แบบเท่ๆ
แต่ ดันไม่ผ่าน (คุณไม่ได้ไปต่อ หยุดที่ จักรยานคันข้างหน้าเท่านี้แหละ) น้องเค้าเลยสอยล้อหลังผมแล้วกองกันอยุ่ตรงนั้น
โชคดีรับปีใหม่ไทยจริงๆตู

เช็ครถไม่มีปัญหา ร่างกายไม่เป็นอะไร สะโพกช้ำนิดหน่อย เลยแยกย้ายกันกับพี่เค้า
กลับเข้าบ้าน รายงานให้ ผบ.ทบ. ทราบตามระเบียบ แต่อย่านึกว่าเข็ดนะจ๊ะ ยังเหลือวันหยุดอีก สามวันนี่นา
วันที่สอง 14/04/2556 ตื่นขึ้นมายังระบมสะโพกนิดหน่อย แต่ไม่มีปัญหากับการปั่นของเรา วันนี้และวันที่เหลือ
เป็นโซโล่ทริปแล้วครับ วันนี้ตั้งเป้าไปทิศตรงกันข้าม ออกจากบริเวณเมืองเอกรังสิต ไปทางโลค่อลโร้ด เข้ากรุงเทพ ตรงไปยาวๆ
จนถึงบ้านกลางกรุง(หรือบ้านกลางเวียงหว่า) แล้ววกกลับ ระยะทาง 33.79 km เวลา หนึ่งชั่วโมงสามสิบสี่นาที ใช้เวลาค่อนข้างเร็ว
เพราะแวะพักหน้าตลาด บองมาเช่ แค่จุดเดียว
เส้นทาง
มาถึงไม่ถ่ายไม่ได้หรอก
วันนี้โดยรวมปั่นสบายๆครับ แม้จะหวาดระแวงน้องแว๊นซ์อยู่บ้างแต่กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ไม่มีอันตรายใดๆ เท่าที่สังเกตุโดยรวม เป็นไปได้ว่าคนเล่นน้ำและฉลองกันตั้งแต่เมื่อวาน
วันนี้เลยยังไม่ตื่น(ฮา) มีแต่คนรักการปั่นอย่างเราๆ ที่ตื่นมาปั่น พบเพื่อนๆนักปั่นตามทางประปราย
วันที่สาม 15/04/2556 ตื่นขึ้นมาตามเวลาเดิม แต่สังเกตุว่าวันนี้แดดมาแต่เช้าเลย
นั่งนิ่งๆ นึกๆดูว่าจะปั่นไปทางไหนดีหว่า เลยนึกขึ้นได้ว่า เมื่อต้นเดือนเราไปปั่นงาน เปิดตัว
ชมรมจักรยานของท่าอากาศยาน นี่นา เส้นทางที่ปั่นราวๆ 10 km ได้ แล้วค่อยมาเก็บตกแถวๆบ้าน
อีกนิดหน่อยน่าจะโอเค เลยได้เส้นทางปั่นดังนี้ครับ จุดสตาร์ทแถวๆเมืองเอกรังสิตเหมือนเดิม
ปั่นออก โลค่อลโร็ดเข้ากรุงเทพ แล้วยูเทิร์น หน้าการท่าอากาศยาน ปั่นเลี้ยวซ้ายหน้า สน.ดอนเมือง
ตรงไปทางเะชะตุงคะ จนสุดทางวนซ้ายมาทางสรงประภา แล้วออก มาทางถนนผ่านหน้าการท่าอากาศยานเหมือนเดิม
แต่แทนจะกลับเข้าบ้าน เลยทะลุเข้าไปเมืองเอกรังสิต ออกทางไปวัดนาวง แล้วตัดเข้าซ้ายทางไปหมู่บ้านนันนรินทร์
แล้ววนกลับเข้าบ้าน ระยะทางน้อยหน่อยวันนี้ 27.93 km ใช้เวลา หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบเอ็ดนาทีแวะพักถ่ายรูป
หน้าหมุ่บ้าน แกรนด์คาแนล ตอนขากลับหนเดียว
เส้นทาง ดูวนๆตลกๆหน่อยแต่ก็ปั่นเพลินใช้ได้ครับ

ผ่านมาตั้งหลายที ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย
วันนี้ก็ปลอดภัยเช่นเคยครับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ อ่า เหลือวันหยุดพรุ่งนี้อีกวันเดียวสินะ
ก่อนจะต้องกลับไปเผชิญการงานอันโหดร้ายยยย
วันที่สุดท้าย 16/04/2556 วันนี้นี่เองงัวเงียขึ้นมาตอนเช้ามืด ได้ยินเสียงฝนตก
คิดในใจ "เอาล่ะสิ สงสัยวันนี้จะเป็นหมันซะแล้ว" แต่พอรุ่งเช้าฝนท่านก็หยุด เป็นใจให้เราอีกวัน
แถมอากาศก็เย็นสบาย น่าปั่นเป็นที่สุด แต่!!! หลังฝน ย่อมมีแอ่งน้ำครับ อุปสรรค์สำคัญ
ของนักปั่นเลย แต่!!! (จะแต่ทำไมหลายหนนักฟระ) เราเสริมบังโคลนมาแล้วนี่จะกลัวอะไร
กะโคลนดีด ปั่นเบาๆ หลีกๆหน่อยก็โอเคแล้ว คิดได้ดังนั้นเลย จัดแจงแต่งกาย ออกไปปั่นสั่ง
ลาวันหยุดกันหน่อยยยยยยย วันนี้คิดไม่ออก กลับถิ่นเก่าครับ ธรรมศาสตร์นั่นเอง แต่เป็นธรรมศาสตร์
หลังฝนตก คงเขียวชอุ้มดีแน่ๆ เส้นทางเดิมครับ แต่พยายามปั่นอ้อมๆ เพิ่มระยะทางหน่อย
เส้นทาง

วันฝนตก คงเป็นเพราะ พญานาคท่านเห็นอากาศร้อน เลยบันดาลฝนมาดับร้อนเสียบ้าง

ต้นไม้เขียวขึ้นมาทันที

เกือบลืมมาตั้งหลายที เลนจักรยานที่นี่ทำดีมากครับกว้างขวาง และยังมีโครงการดีๆ
ให้นักศึกษาเช้าจักรยาน ปั่นในมหาวิทยาลัยได้วันละบาทเดียวเท่านั้น!
วันนี้สภาพเส้นทางเดิมๆ แต่ โหดขึ้นอีกนึดเพราะถนนบางส่วนยังมีน้ำขังอยู่
ก็ปั่นหลบๆ เอาบ้างแต่บางช่วงก็ ต้องลุย แต่ก็ราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ จนถึงบ้าน
โดยครบสามสิบสอง แต่ไอ้ดำ(ผมตั้งชื่อมันว่างี้ คู่กับไอ้แดง CBR250R อีกคัน)
เละครับ ต้องขัดสีฉวีวรรณกันน่าดูกว่าโคลนทราย จะออกไปเกือบหมด
เป็นอันจบทริป สี่วันอันตราย เอ้ย ไม่ใช่ ทริปปั่นวันสงกรานต์ของ ผมแต่เพียงเท่านี้ครับ
ระยะทางรวมที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจอยู่ แต่คิดเอาเองว่า คงต้องเริ่มปั่นให้ไกลขึ้นหน่อย
จะได้ไปร่วมทริปยาวๆ กับเขาได้บ้าง
สุดท้ายนี้ก็ขอให้เพื่อนๆนักปั่นทุกคน มีสุขภาพพลานามัย ที่ดี สุขภาพทางเศรษฐกิจที่ดี
ในปีใหม่ไทยที่มาถึงนี้นะครับทุกท่าน
วันสงกรานต์หยุดยาวๆ ไหนๆก็ไม่ได้ออกต่างจังหวัด ปั่นเก็บระยะไปเรื่อยๆ มินิทริปของผมเอง
ปกติเป็นพวกขาอ่อนครับ ปั่นที่ราวๆ 20 - 25 km/hr เท่านั้นเอง ระยะทำการเลยไม่ไกลมากแต่ละวันไปกลับไม่เกิน 40 km
พาหนะคู่ใจ trek 4300 ซื้อมาปั่นเพื่อชีวิตได้ 2 ปีแล้วไม่ได้เปลี่ยนอะไรแค่งอก บังโคลน,กระเป๋า, ไฟหน้า-หลัง, กระจกมองหลัง
, เปลี่ยนยางเล็ก เท่านั้นเอง
การปั่นในวันสงกรานต์นั้น สิ่งที่ต้องระวังคือ คนเล่นน้ำครับ เพราะ มีทุกรูปแบบจริงๆ เลยตัดปัญหาด้วยการ ออก 7 โมงเช้า
กลับประมาณ 9 โมงเช้า พวกท่านๆจะยังไม่ตื่นกัน แถมแก๊งค์เด็กแว๊นซ์ ที่มากเป็นพิเศษ อีก ขนาดระวังขนาดนี้แล้วยังไม่วาย
วันแรก 13/04/2556 ชวนพี่ สว.(สูงวัย) ที่หมู่บ้านไปปั่นด้วยกันหนึ่งท่าน ทริปนี้ ไปธรรมศาสตร์รังสิต เริ่มจากบริเวณเมืองเอก
แล้วไปทางถนนโลค่อลโร้ด ข้ามไปทางไปเวิร์คพ้อยต์ แล้วขึ้นทางข้ามไปเข้าฝั่งเชียงราก เข้าธรรมศาสตร์ ปั่นวนเล่นๆซักรอบ
แล้วกลับทางเดิม รวมระยะทาง 38.11 km ใช้เวลาสองชั่วโมงหกนาที ไม่รวมพักตามทางประมาณสิบห้านาที
จากจุดเริ่มต้นถึงร้านน้องก้อยข้างเวิร์คพ้อยต์ เสียดายช่วงสงกรานต์ร้านปิดเลยอดแวะกินน้ำแดงโซดา วันนี้เจอเพื่อนนักปั่น
มาสตาร์ทที่จุดนี้พอสมควร
เส้นทาง
จากร้านน้องก้อยตรงไปธรรมศาสตร์ ปั่นรอบมหาวิทยาลัยรอบนึงแล้วก็เดินทางกลับ
รูปบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้วจริงๆนะจ๊ะ
ปั่นมาตั้งสามสิบกว่ากิโลเมตรถึงหน้าหมู่บ้านอยู่แล้วเชียว แต่แล้ว สิ่งที่กลัวมันก็มาจนได้ครับท่าน
เด็กแว๊นซ์ครับ ผู้ชายสองคน อายุอานามน่าจะ สิบสองสิบสาม(รีบเป็นแว๊นซ์จริงพ่อคู๊ณ) ผมมองกระจกหลัง
เตรียมเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน ทิ้งระยะจากพี่ที่ตามมาประมาณห้าเมตร ส่วนพ่อเด็กแว๊นซ์ขี่มอไซค์ตามมาด้านหลังพี่เค้าอีกที
น่าจะห่างราวๆ สามสี่เมตร เราก็ให้สัญญาณมือเลี้ยวขวา ปั่นมาที่เลนกลาง แล้วก็เลี้ยว ฟังดูปกติดีใช่ไหมครับ
ตามสเต็ปเป๊ะ ทันใดนั่นก็มีเสียงบิดมอไซค์ขึ้นมา พร้อมๆกับ ผมรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมรถเอาเหวี่ยง แล้ว รถก็เสียหลัก
พร้อมๆกับเสียงมอไซค์แฉลบครับ ในใจตอนนั้นไม่ทันได้คิดอะไร ก็ไปนอนกองกับพื้นแล้วครับ หัวกระแทกพื้นไปหนึ่งดอก
แต่ดีที่ ใส่หมวกกันน๊อกพร้อมเสื้อแขนยาว วันนี้โชคดีใส่ซัพพอร์ตที่เข่าด้วย เลยลงไปนอนกองที่พื้นอย่างสวยงาม
ลุกขึ้นมาเจอเด็กแว๊นซ์ทำหน้าจ๋อยๆอยู่ เลยตวาดไปหนึ่งดอก(จริงๆพูดนิ่มๆ ธรรมดานี่แหละครับ คนเห็นเหตุการณ์
ยังงงกันอยู่ว่าทำไมใจดีจัง) "น้องครับ ไม่เห็นสัญญานเลี้ยวเหรอครับ คราวหลังระวังนะครับ มันอันตราย" เด็กแว๊นซ์ก็ครับๆ
อย่างเดียว ที่น่าตกใจคือ น้องแว๊นซ์ไม่มีหมวกกันน๊อกซักคน นี่ถ้าหัวน้องเค้าไปพิศวาสกะถนนเป็นอะไรขึ้นมา ตูคงซวยหนักกว่านี้สินะ
หลังจากดูแล้วว่าไม่มีอะไร รถเราไม่เสียหาย อะไรมาก เบาะฉีกนิดหน่อยโซ่หลุดออกมา จับยัดๆเข้าไปก็เรียบร้อย
เลยปล่อยน้องเค้าไปซะ เพราะดูแล้วไม่รู้จะเรียก ร้องอะไรได้เหมือนกัน
ร่องรอยความเสียหาย
สอบถามพี่ที่ตามมา กับชาวบ้านแถวนั้นที่เห็นเหตการณ์ได้ความว่า ไอ้ผมก็เลี้ยวปกตินี่แหละ แต่น้องแว๊นซ์
เค้าอยู่ดีๆก็แว๊นซ์แตก อยากโชว์สเต็ปซิ๊กแซ็กคือแซงรถพี่ที่อยู่ข้างหลังผม แล้ว ชะแว๊ปผ่านผมไปอีกที แบบเท่ๆ
แต่ ดันไม่ผ่าน (คุณไม่ได้ไปต่อ หยุดที่ จักรยานคันข้างหน้าเท่านี้แหละ) น้องเค้าเลยสอยล้อหลังผมแล้วกองกันอยุ่ตรงนั้น
โชคดีรับปีใหม่ไทยจริงๆตู
กลับเข้าบ้าน รายงานให้ ผบ.ทบ. ทราบตามระเบียบ แต่อย่านึกว่าเข็ดนะจ๊ะ ยังเหลือวันหยุดอีก สามวันนี่นา
วันที่สอง 14/04/2556 ตื่นขึ้นมายังระบมสะโพกนิดหน่อย แต่ไม่มีปัญหากับการปั่นของเรา วันนี้และวันที่เหลือ
เป็นโซโล่ทริปแล้วครับ วันนี้ตั้งเป้าไปทิศตรงกันข้าม ออกจากบริเวณเมืองเอกรังสิต ไปทางโลค่อลโร้ด เข้ากรุงเทพ ตรงไปยาวๆ
จนถึงบ้านกลางกรุง(หรือบ้านกลางเวียงหว่า) แล้ววกกลับ ระยะทาง 33.79 km เวลา หนึ่งชั่วโมงสามสิบสี่นาที ใช้เวลาค่อนข้างเร็ว
เพราะแวะพักหน้าตลาด บองมาเช่ แค่จุดเดียว
เส้นทาง
มาถึงไม่ถ่ายไม่ได้หรอก
วันนี้โดยรวมปั่นสบายๆครับ แม้จะหวาดระแวงน้องแว๊นซ์อยู่บ้างแต่กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ไม่มีอันตรายใดๆ เท่าที่สังเกตุโดยรวม เป็นไปได้ว่าคนเล่นน้ำและฉลองกันตั้งแต่เมื่อวาน
วันนี้เลยยังไม่ตื่น(ฮา) มีแต่คนรักการปั่นอย่างเราๆ ที่ตื่นมาปั่น พบเพื่อนๆนักปั่นตามทางประปราย
วันที่สาม 15/04/2556 ตื่นขึ้นมาตามเวลาเดิม แต่สังเกตุว่าวันนี้แดดมาแต่เช้าเลย
นั่งนิ่งๆ นึกๆดูว่าจะปั่นไปทางไหนดีหว่า เลยนึกขึ้นได้ว่า เมื่อต้นเดือนเราไปปั่นงาน เปิดตัว
ชมรมจักรยานของท่าอากาศยาน นี่นา เส้นทางที่ปั่นราวๆ 10 km ได้ แล้วค่อยมาเก็บตกแถวๆบ้าน
อีกนิดหน่อยน่าจะโอเค เลยได้เส้นทางปั่นดังนี้ครับ จุดสตาร์ทแถวๆเมืองเอกรังสิตเหมือนเดิม
ปั่นออก โลค่อลโร็ดเข้ากรุงเทพ แล้วยูเทิร์น หน้าการท่าอากาศยาน ปั่นเลี้ยวซ้ายหน้า สน.ดอนเมือง
ตรงไปทางเะชะตุงคะ จนสุดทางวนซ้ายมาทางสรงประภา แล้วออก มาทางถนนผ่านหน้าการท่าอากาศยานเหมือนเดิม
แต่แทนจะกลับเข้าบ้าน เลยทะลุเข้าไปเมืองเอกรังสิต ออกทางไปวัดนาวง แล้วตัดเข้าซ้ายทางไปหมู่บ้านนันนรินทร์
แล้ววนกลับเข้าบ้าน ระยะทางน้อยหน่อยวันนี้ 27.93 km ใช้เวลา หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบเอ็ดนาทีแวะพักถ่ายรูป
หน้าหมุ่บ้าน แกรนด์คาแนล ตอนขากลับหนเดียว
เส้นทาง ดูวนๆตลกๆหน่อยแต่ก็ปั่นเพลินใช้ได้ครับ
ผ่านมาตั้งหลายที ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย
วันนี้ก็ปลอดภัยเช่นเคยครับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ อ่า เหลือวันหยุดพรุ่งนี้อีกวันเดียวสินะ
ก่อนจะต้องกลับไปเผชิญการงานอันโหดร้ายยยย
วันที่สุดท้าย 16/04/2556 วันนี้นี่เองงัวเงียขึ้นมาตอนเช้ามืด ได้ยินเสียงฝนตก
คิดในใจ "เอาล่ะสิ สงสัยวันนี้จะเป็นหมันซะแล้ว" แต่พอรุ่งเช้าฝนท่านก็หยุด เป็นใจให้เราอีกวัน
แถมอากาศก็เย็นสบาย น่าปั่นเป็นที่สุด แต่!!! หลังฝน ย่อมมีแอ่งน้ำครับ อุปสรรค์สำคัญ
ของนักปั่นเลย แต่!!! (จะแต่ทำไมหลายหนนักฟระ) เราเสริมบังโคลนมาแล้วนี่จะกลัวอะไร
กะโคลนดีด ปั่นเบาๆ หลีกๆหน่อยก็โอเคแล้ว คิดได้ดังนั้นเลย จัดแจงแต่งกาย ออกไปปั่นสั่ง
ลาวันหยุดกันหน่อยยยยยยย วันนี้คิดไม่ออก กลับถิ่นเก่าครับ ธรรมศาสตร์นั่นเอง แต่เป็นธรรมศาสตร์
หลังฝนตก คงเขียวชอุ้มดีแน่ๆ เส้นทางเดิมครับ แต่พยายามปั่นอ้อมๆ เพิ่มระยะทางหน่อย
เส้นทาง
วันฝนตก คงเป็นเพราะ พญานาคท่านเห็นอากาศร้อน เลยบันดาลฝนมาดับร้อนเสียบ้าง
ต้นไม้เขียวขึ้นมาทันที
เกือบลืมมาตั้งหลายที เลนจักรยานที่นี่ทำดีมากครับกว้างขวาง และยังมีโครงการดีๆ
ให้นักศึกษาเช้าจักรยาน ปั่นในมหาวิทยาลัยได้วันละบาทเดียวเท่านั้น!
วันนี้สภาพเส้นทางเดิมๆ แต่ โหดขึ้นอีกนึดเพราะถนนบางส่วนยังมีน้ำขังอยู่
ก็ปั่นหลบๆ เอาบ้างแต่บางช่วงก็ ต้องลุย แต่ก็ราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ จนถึงบ้าน
โดยครบสามสิบสอง แต่ไอ้ดำ(ผมตั้งชื่อมันว่างี้ คู่กับไอ้แดง CBR250R อีกคัน)
เละครับ ต้องขัดสีฉวีวรรณกันน่าดูกว่าโคลนทราย จะออกไปเกือบหมด
เป็นอันจบทริป สี่วันอันตราย เอ้ย ไม่ใช่ ทริปปั่นวันสงกรานต์ของ ผมแต่เพียงเท่านี้ครับ
ระยะทางรวมที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจอยู่ แต่คิดเอาเองว่า คงต้องเริ่มปั่นให้ไกลขึ้นหน่อย
จะได้ไปร่วมทริปยาวๆ กับเขาได้บ้าง
สุดท้ายนี้ก็ขอให้เพื่อนๆนักปั่นทุกคน มีสุขภาพพลานามัย ที่ดี สุขภาพทางเศรษฐกิจที่ดี
ในปีใหม่ไทยที่มาถึงนี้นะครับทุกท่าน