ที่ผ่านมาเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า 3จีบนคลื่นเดิมมันไม่สะดวก มีปัญหากับแบรนวิธที่ไม่เพียงพอ
และการคิดบริการก็อิงกับค่าโทร เช่นคิดเป็นนาทีหรือเป็นจำนวนข้อมูล มันจึงกลายเป็นเสมือน3จีรุ่นทดลองใช้ไป
จากปัจจุบัน ทางกสทช ได้ออกใบอนุญาติ และให้ใช้คลื่น3จีในการดำเนินธุรกิจ
ทำให้เพิ่มจำนวนแบรนวิธมากขึ้น ทำให้ลดปัญหาความไม่เพียงพอไปได้ประมาณหนึ่ง
แต่การที่ทางผู้คุมกฏเกณและผู้ให้บริการ ยังคงคิดค่าบริการตามรูบแบบเดิมมันคงไม่เวิรค์
มันก็จะทำให้3จี เป็นได้แค่การทดลองใช้เช่นเดิม
คุณให้จำนวนข้อมูลที่ดาวน์โหลดได้แค่เพียง 1-3Gbs. บนความเร็วเด็มสปีดของ 3จี
ผู้ใช้จะใช้ได้ไม่เกิน 1ชั่วโมงก็หมดเกลี้ยงแล้วที่เหลือ คุณก็ให้ใช้เอดจ์ที่ความเร็ว 64-384Kbps.
ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับ 3จี ก็จะมีผู้ใช้บริการที่ทดลองใช้แล้วเจอแบบนี้ในที่สุดก็เลิกใช้(นอกจากลูกค้าชั้นพรีเมี่ยม) หรือใช้เป็นครั้งคราว ซึ่งไม่ใช่คอนเซพของการใข้งานอินเทอเนตที่ควรที่จะเป็น always on always connect. กลับทุกเครืองมือถือที่ลงทะเบียนเปิดใช้งาน
เพื่อการได้ใช้งานคลื่นความถีและเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูง
การเชื่อมต่อระหว่างมือถือกับสถานีฐาน ควรจะเป็นแบบสวิทชิ่ง
เนื่องจากผู้ใช้มือถือเพื่อเชื่อมต่ออินเตอเนตส่วนใหญ่(ส่วนมากๆ) ไม่ได้เปิดเวบๆเปิดๆตลอดเวลา หรือแม้แต่การดูยูทูปก็ไม่ได้โหลดข้อมูลตลอดเวลาเช่นกัน การสวิทเพื่อให้เครื่องที่ต้องการโหลดข้อใด้ใช้ช่องสัญญาณในการโหลดข้อมูล
หรือทำการสวิทช์เพื่อลิมิตความเร็วกับทุกเครื่องก็สามารถทำได้
การคิดบริการที่ถูกไม่ควรมาจำกัดปริมาณข้อมูล หรือคิดตามจำนวนข้อมูล
แต่ควรตามความเร็วในการรับส่งข้อมูล คล้ายเนตบ้าน(adsl)
เช่นอาจจะ 1-3 Mbps.(สำหรับลูกค้าทั่วไป) 5Mbps. 10Mbps.(สำหรับลูกค้าระดับกลาง) 20Mbps. fullspeed(สำหรับลูกค้าพรีเมี่ยม)
ส่วนเรื่องราคาก็เอาไปคิดเป็นการบ้านเอง
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ทางผู้ให้บริการและผุ้คุมกฏเกณจะนำไปคิดเปลี่ยนวิธีเรียกเก็บค่าบริการให้ยุติธรรมกับทุกคน
ก็จะทำให้การใช้งานโครงข่ายและคลื่น3จี ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและทั่วถึง
ส่วนที่ว่ากลัวคนจะไปใช้ voip กันหมด ก็เทรนด์มันก็จะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเมื่อ 4จีมา ยังงัยก็เลี่ยงไม่ได้
การหารายได้ต้องหาจาก เทรนด์ของ3จี 4จี ถ้ายังติดยึดอยู่กับ voice ก็จะลำบาก
ถ้าค่ายผู้ให้บริการไม่คิดที่จะทำ ทางผู้คุมกฏก็น่าจะเริ่มคิดที่จะทำได้แล้ว
ถึงผู้ให้บริการหลัก3จีทุกค่ายและกสทช
และการคิดบริการก็อิงกับค่าโทร เช่นคิดเป็นนาทีหรือเป็นจำนวนข้อมูล มันจึงกลายเป็นเสมือน3จีรุ่นทดลองใช้ไป
จากปัจจุบัน ทางกสทช ได้ออกใบอนุญาติ และให้ใช้คลื่น3จีในการดำเนินธุรกิจ
ทำให้เพิ่มจำนวนแบรนวิธมากขึ้น ทำให้ลดปัญหาความไม่เพียงพอไปได้ประมาณหนึ่ง
แต่การที่ทางผู้คุมกฏเกณและผู้ให้บริการ ยังคงคิดค่าบริการตามรูบแบบเดิมมันคงไม่เวิรค์
มันก็จะทำให้3จี เป็นได้แค่การทดลองใช้เช่นเดิม
คุณให้จำนวนข้อมูลที่ดาวน์โหลดได้แค่เพียง 1-3Gbs. บนความเร็วเด็มสปีดของ 3จี
ผู้ใช้จะใช้ได้ไม่เกิน 1ชั่วโมงก็หมดเกลี้ยงแล้วที่เหลือ คุณก็ให้ใช้เอดจ์ที่ความเร็ว 64-384Kbps.
ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับ 3จี ก็จะมีผู้ใช้บริการที่ทดลองใช้แล้วเจอแบบนี้ในที่สุดก็เลิกใช้(นอกจากลูกค้าชั้นพรีเมี่ยม) หรือใช้เป็นครั้งคราว ซึ่งไม่ใช่คอนเซพของการใข้งานอินเทอเนตที่ควรที่จะเป็น always on always connect. กลับทุกเครืองมือถือที่ลงทะเบียนเปิดใช้งาน
เพื่อการได้ใช้งานคลื่นความถีและเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูง
การเชื่อมต่อระหว่างมือถือกับสถานีฐาน ควรจะเป็นแบบสวิทชิ่ง
เนื่องจากผู้ใช้มือถือเพื่อเชื่อมต่ออินเตอเนตส่วนใหญ่(ส่วนมากๆ) ไม่ได้เปิดเวบๆเปิดๆตลอดเวลา หรือแม้แต่การดูยูทูปก็ไม่ได้โหลดข้อมูลตลอดเวลาเช่นกัน การสวิทเพื่อให้เครื่องที่ต้องการโหลดข้อใด้ใช้ช่องสัญญาณในการโหลดข้อมูล
หรือทำการสวิทช์เพื่อลิมิตความเร็วกับทุกเครื่องก็สามารถทำได้
การคิดบริการที่ถูกไม่ควรมาจำกัดปริมาณข้อมูล หรือคิดตามจำนวนข้อมูล
แต่ควรตามความเร็วในการรับส่งข้อมูล คล้ายเนตบ้าน(adsl)
เช่นอาจจะ 1-3 Mbps.(สำหรับลูกค้าทั่วไป) 5Mbps. 10Mbps.(สำหรับลูกค้าระดับกลาง) 20Mbps. fullspeed(สำหรับลูกค้าพรีเมี่ยม)
ส่วนเรื่องราคาก็เอาไปคิดเป็นการบ้านเอง
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ทางผู้ให้บริการและผุ้คุมกฏเกณจะนำไปคิดเปลี่ยนวิธีเรียกเก็บค่าบริการให้ยุติธรรมกับทุกคน
ก็จะทำให้การใช้งานโครงข่ายและคลื่น3จี ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและทั่วถึง
ส่วนที่ว่ากลัวคนจะไปใช้ voip กันหมด ก็เทรนด์มันก็จะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเมื่อ 4จีมา ยังงัยก็เลี่ยงไม่ได้
การหารายได้ต้องหาจาก เทรนด์ของ3จี 4จี ถ้ายังติดยึดอยู่กับ voice ก็จะลำบาก
ถ้าค่ายผู้ให้บริการไม่คิดที่จะทำ ทางผู้คุมกฏก็น่าจะเริ่มคิดที่จะทำได้แล้ว