ไดัรับความกรุณาจากเพื่อนสามีที่เป็นตำรวจ
พาไปกราบพระวันสงกรานต์
เริ่มจากกราบหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี

หลวงพ่อกบ เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ให้ความเคารพ และเลื่อมใสศรัทธา
ชีวประวัติของท่านไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจน เป็นแต่เพียงการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า
ท่านธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ชายป่าด้านเขาสาริกาโดยที่ไม่มีใครทราบวาท่านมาจากไหน ท่านมีชื่อว่าอะไร
และท่านเป็นคนจังหวัดใดจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบประวัติที่แท้จริงของท่าน

หลวงพ่อกบ จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสาริกา ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก
ครั้งหนึ่งช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.ใดไม่ชัดเจน มีกฐินจากกรุงเทพฯ มาทอดที่วัดภายหลังเสร็จสิ้น
จากพิธีถวายกฐิน ญาติโยมจากกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องค้างแรมที่วัด
หลวงพ่อท่านเมตตาให้ค้างแรมในกุฏิ คืนนั้นหลายคนนอนไม่หลับ
เพราะไม่ได้ทานข้าวเย็น เนื่องจากที่วัดจัดให้มีไม่พอ เวลาผ่านไปประมาณ 3 ทุ่ม
ก็บังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส ก็เกิดฝนตกหนัก
มีเสียงร้องของกบดังไปทั่ว มองลงไปที่ลานหน้ากุฏิ เต็มไปด้วยกบตัวใหญ่ๆ กระโดดไปมา
“ พวกเอ็งหิวไหมว๊ะ ” เสียงเอ่ยถามของหลวงพ่อ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ” หิวขอรับ ”
“ ถ้างั้นเอ็งรอเดี๋ยว กูจะลงไปแทงกบมาให้พวกเอ็งทำต้มยำกิน ”
ว่าแล้วท่านก็คว้าฉมวกลงกุฏิไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นหลวงพ่อกำลังใช้ฉมวกแทงกบตัวแล้วตัวเล่า
ศรัทธาของพวกเขาเริ่มเสื่อมคลาย แต่ด้วยความหิว
คืนนั้นต้มยำกบหม้อใหญ่ก็ถูกกินจนเกือบหมดเช้าวันรุ่งขึ้น มีคนหนึ่งสงสัยว่า
ต้มยำกบที่เขากินเมื่อคืนเป็นกบจริงๆ หรือเปล่า เขาจึงเข้าไปดูในโรงครัว
เมื่อเปิดฝาหม้อดู เขาก็ ตกตลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยว่า
สิ่งที่เห็นอยู่ในหม้อหาใช่กบไม่ แต่เป็นยอดกระถิน และใบมะขามอยู่เกือบครึ่งค่อนหม้อ
เหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าต่อๆ กันมาว่า หลวงพ่อท่านสร้างปาฏิหาริย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นกบ
จนกลายมาเป็นที่มาของนามท่าน “ หลวงพ่อกบ ”

ปกติหลวงพ่อกบ จะบำเพ็ญเพียรภาวนาในท่านั่ง ยองๆ
เป็นเวลายาวนานติดต่อกัน คราวละ 7 – 15 วัน โดยที่ท่านไม่ลุกไปไหนเลย ไม่ฉันอาหาร น้ำ
หรือแม้แต่การถ่ายหนักเบา ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเข้าใจกันว่า
ปฏิปทาอันเหลือเชื่อของท่านเกิดขึ้นได้ เพราะท่านสามารถถอดจิตออกจากกายได้
ทำให้กายไม่รับรู้ต่อสภาพความหิว และความเจ็บปวดใดๆ
- นั่งท่ายองๆ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือทำกิจวัตรใดๆ และนอนตะแคงขวาเป็นประจำ
- นุ่งสบงเก่าๆ ผืนเดียว ไม่ห่อจีวร ที่คอแขวนลูกกระพรวน
- อยู่แต่ในวัดไม่เคยเดินออกไปไหนเลย
- ใช้น้ำชา และต้มเครื่องเทศเป็นยารักษาโรค ชื่อเสียงของท่านถูกกล่าวขานปากต่อปาก
ผู้คนจำนวนมากมารับการรักษาจากท่าน
- มีผู้คนจากจังหวัดต่างๆ มานมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อกบ
พวกเขาเหล่านั้นรู้จักหลวงพ่อได้อย่างไร ? ทั้งๆ ที่หลวงพ่ออยู่แต่ในวัด
และชาวบ้านเขาสาลิกาก็ไม่เคยออกไปแจกซองกฐิน หรือซองผ้าป่าที่ไหนเลย
ถนนหนทางเข้าวัดในขณะนั้นก็ยังไม่มี
เมื่อสอบถามดูพวกเขาเหล่านั้นพูดทำนองเดียวกันว่า
ได้พบเห็นหลวงพ่อกบไปบิณฑบาตที่บ้านตน
ด้วยความศรัทธาจึงพากันติดตามถามหา จนมาพบท่าน
- บ่อยครั้งมีผู้พบเห็นท่านในเวลาเดียวกันถึง 2 แห่ง
เชื่อกันว่า ท่านสามารถถอดกายทิพย์ท่อง เที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้
หลวงพ่อกบ ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2496

ในวันนั้นหลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาที่วัด และรับเป็นประธานในงานเผาสรีระของท่าน
หลวงพ่อโอภาสีทราบได้อย่างไร ? ชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า
" ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกท่าน” เพราะหนทางไกล การคมนาคมสมัยนั้นลำบากมาก
ในเรื่องนี้เข้าใจกันว่า หลวงพ่อโอภาสี ท่านคงทราบได้ด้วยฌานเช่นเดียวกัน
เรือหน้ากุฏิ

วัดเขาสาริกา
มีศาลาที่พักกว้างขวาง หลายหลัง มีระเบียงเชื่อมต่อถึงกันได้
สำหรับผู้จะไปปฏิบัติธรรมค่ะ
ข้อมูลและภาพจากเว็บ
gejisiam.com
sitluangporchua.com
board.palungjit.com
*** ไหว้พระ วันสงกรานต์ ***
พาไปกราบพระวันสงกรานต์
เริ่มจากกราบหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี
หลวงพ่อกบ เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ให้ความเคารพ และเลื่อมใสศรัทธา
ชีวประวัติของท่านไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจน เป็นแต่เพียงการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า
ท่านธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ชายป่าด้านเขาสาริกาโดยที่ไม่มีใครทราบวาท่านมาจากไหน ท่านมีชื่อว่าอะไร
และท่านเป็นคนจังหวัดใดจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบประวัติที่แท้จริงของท่าน
หลวงพ่อกบ จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสาริกา ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก
ครั้งหนึ่งช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.ใดไม่ชัดเจน มีกฐินจากกรุงเทพฯ มาทอดที่วัดภายหลังเสร็จสิ้น
จากพิธีถวายกฐิน ญาติโยมจากกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องค้างแรมที่วัด
หลวงพ่อท่านเมตตาให้ค้างแรมในกุฏิ คืนนั้นหลายคนนอนไม่หลับ
เพราะไม่ได้ทานข้าวเย็น เนื่องจากที่วัดจัดให้มีไม่พอ เวลาผ่านไปประมาณ 3 ทุ่ม
ก็บังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส ก็เกิดฝนตกหนัก
มีเสียงร้องของกบดังไปทั่ว มองลงไปที่ลานหน้ากุฏิ เต็มไปด้วยกบตัวใหญ่ๆ กระโดดไปมา
“ พวกเอ็งหิวไหมว๊ะ ” เสียงเอ่ยถามของหลวงพ่อ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ” หิวขอรับ ”
“ ถ้างั้นเอ็งรอเดี๋ยว กูจะลงไปแทงกบมาให้พวกเอ็งทำต้มยำกิน ”
ว่าแล้วท่านก็คว้าฉมวกลงกุฏิไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นหลวงพ่อกำลังใช้ฉมวกแทงกบตัวแล้วตัวเล่า
ศรัทธาของพวกเขาเริ่มเสื่อมคลาย แต่ด้วยความหิว
คืนนั้นต้มยำกบหม้อใหญ่ก็ถูกกินจนเกือบหมดเช้าวันรุ่งขึ้น มีคนหนึ่งสงสัยว่า
ต้มยำกบที่เขากินเมื่อคืนเป็นกบจริงๆ หรือเปล่า เขาจึงเข้าไปดูในโรงครัว
เมื่อเปิดฝาหม้อดู เขาก็ ตกตลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยว่า
สิ่งที่เห็นอยู่ในหม้อหาใช่กบไม่ แต่เป็นยอดกระถิน และใบมะขามอยู่เกือบครึ่งค่อนหม้อ
เหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าต่อๆ กันมาว่า หลวงพ่อท่านสร้างปาฏิหาริย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นกบ
จนกลายมาเป็นที่มาของนามท่าน “ หลวงพ่อกบ ”
ปกติหลวงพ่อกบ จะบำเพ็ญเพียรภาวนาในท่านั่ง ยองๆ
เป็นเวลายาวนานติดต่อกัน คราวละ 7 – 15 วัน โดยที่ท่านไม่ลุกไปไหนเลย ไม่ฉันอาหาร น้ำ
หรือแม้แต่การถ่ายหนักเบา ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเข้าใจกันว่า
ปฏิปทาอันเหลือเชื่อของท่านเกิดขึ้นได้ เพราะท่านสามารถถอดจิตออกจากกายได้
ทำให้กายไม่รับรู้ต่อสภาพความหิว และความเจ็บปวดใดๆ
- นั่งท่ายองๆ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือทำกิจวัตรใดๆ และนอนตะแคงขวาเป็นประจำ
- นุ่งสบงเก่าๆ ผืนเดียว ไม่ห่อจีวร ที่คอแขวนลูกกระพรวน
- อยู่แต่ในวัดไม่เคยเดินออกไปไหนเลย
- ใช้น้ำชา และต้มเครื่องเทศเป็นยารักษาโรค ชื่อเสียงของท่านถูกกล่าวขานปากต่อปาก
ผู้คนจำนวนมากมารับการรักษาจากท่าน
- มีผู้คนจากจังหวัดต่างๆ มานมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อกบ
พวกเขาเหล่านั้นรู้จักหลวงพ่อได้อย่างไร ? ทั้งๆ ที่หลวงพ่ออยู่แต่ในวัด
และชาวบ้านเขาสาลิกาก็ไม่เคยออกไปแจกซองกฐิน หรือซองผ้าป่าที่ไหนเลย
ถนนหนทางเข้าวัดในขณะนั้นก็ยังไม่มี
เมื่อสอบถามดูพวกเขาเหล่านั้นพูดทำนองเดียวกันว่า
ได้พบเห็นหลวงพ่อกบไปบิณฑบาตที่บ้านตน
ด้วยความศรัทธาจึงพากันติดตามถามหา จนมาพบท่าน
- บ่อยครั้งมีผู้พบเห็นท่านในเวลาเดียวกันถึง 2 แห่ง
เชื่อกันว่า ท่านสามารถถอดกายทิพย์ท่อง เที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้
หลวงพ่อกบ ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2496
ในวันนั้นหลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาที่วัด และรับเป็นประธานในงานเผาสรีระของท่าน
หลวงพ่อโอภาสีทราบได้อย่างไร ? ชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า
" ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกท่าน” เพราะหนทางไกล การคมนาคมสมัยนั้นลำบากมาก
ในเรื่องนี้เข้าใจกันว่า หลวงพ่อโอภาสี ท่านคงทราบได้ด้วยฌานเช่นเดียวกัน
เรือหน้ากุฏิ
วัดเขาสาริกา
มีศาลาที่พักกว้างขวาง หลายหลัง มีระเบียงเชื่อมต่อถึงกันได้
สำหรับผู้จะไปปฏิบัติธรรมค่ะ
ข้อมูลและภาพจากเว็บ
gejisiam.com
sitluangporchua.com
board.palungjit.com