ความเป็นมาและจะเป็นไปของทุกสังคมเป็นไปด้วยคนไม่กี่คนหรือคนทั้งประเทศครับ
เนื่องด้วยมีแนวคิดโจมตีจากฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยมุ่งไปที่คนๆเดียว เลยเกิดคำถามว่า
แท้จริงแล้วความเปลี่ยนแปลงที่เป็นมาหรือเป็นไปในอนาคตเป็นไปด้วยคนไม่กี่คนหรือประชาชนทั้งประเทศครับ
แนวคิดต่อต้านประชาธิปไตยก็เลยมุ่งกำจัดคนๆเดียวแต่คาดผิด
ประชาธิปไตยไม่ใช่ของคนๆเดียวแต่เป็นของประชาชนทั้งประเทศ
ได้การทำรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549 โค่นรัฐบาลจากพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
แล้วสถาปนารัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549
แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ปรากฏว่าประชาชนทั้งประเทศก็ยังเลือกพรรคของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
ก็เลยใช้อิทธพลต่างๆดำเนินการโค่นล้มรัฐบาลของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
ด้วยข้อกล่าวหาว่าทำกับข้าวออกโทรทัศน์เป็นความผิดร้ายแรง
สนับสนุนกลุ่มของตัวเองเป็นรัฐบาล
เมื่อประชาชนมาขอให้ยุบสภาก็สั่งฆ่าประชาชนและจับเข้าคุกเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 - 2553
ประชาชนมาทวงอำนาจอธิปไตยก็มองว่าเป็นเพราะคนไม่กี่คนจ้างมา
และในที่สุดบางคนในพรรคที่ไม่เอาประชาธิปไตยก็เริ่มมองเห็นความจริงว่าประชาชนทั้งประเทศนั่นเองที่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคม
ทฤษฎีรัฐศาสตร์สมัยใหม่ที่ศึกษาพลังงานของประชาชนแทนที่จะมองอะไรอย่างเป็นมนุษยศาสตร์(คิดเอาเองว่าอย่างโน้นอย่างนี้)
ปล. ความจริงคนหลายๆคนมีส่วนสำคัญต่อความเปลี่ยนแปลง แต่โดยรวมแล้วเป็นผลรวมของกระแสอิทธิพลอำนาจแนวคิดของประชาชนทุกคนในสังคมนั้นๆ (ผมคิดเช่นนี้ครับ)
ความเป็นมาและจะเป็นไปของทุกสังคมเป็นไปด้วยคนไม่กี่คนหรือคนทั้งประเทศครับ
เนื่องด้วยมีแนวคิดโจมตีจากฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยมุ่งไปที่คนๆเดียว เลยเกิดคำถามว่า
แท้จริงแล้วความเปลี่ยนแปลงที่เป็นมาหรือเป็นไปในอนาคตเป็นไปด้วยคนไม่กี่คนหรือประชาชนทั้งประเทศครับ
แนวคิดต่อต้านประชาธิปไตยก็เลยมุ่งกำจัดคนๆเดียวแต่คาดผิด
ประชาธิปไตยไม่ใช่ของคนๆเดียวแต่เป็นของประชาชนทั้งประเทศ
ได้การทำรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549 โค่นรัฐบาลจากพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
แล้วสถาปนารัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549
แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ปรากฏว่าประชาชนทั้งประเทศก็ยังเลือกพรรคของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
ก็เลยใช้อิทธพลต่างๆดำเนินการโค่นล้มรัฐบาลของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน
ด้วยข้อกล่าวหาว่าทำกับข้าวออกโทรทัศน์เป็นความผิดร้ายแรง
สนับสนุนกลุ่มของตัวเองเป็นรัฐบาล
เมื่อประชาชนมาขอให้ยุบสภาก็สั่งฆ่าประชาชนและจับเข้าคุกเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 - 2553
ประชาชนมาทวงอำนาจอธิปไตยก็มองว่าเป็นเพราะคนไม่กี่คนจ้างมา
และในที่สุดบางคนในพรรคที่ไม่เอาประชาธิปไตยก็เริ่มมองเห็นความจริงว่าประชาชนทั้งประเทศนั่นเองที่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคม
ทฤษฎีรัฐศาสตร์สมัยใหม่ที่ศึกษาพลังงานของประชาชนแทนที่จะมองอะไรอย่างเป็นมนุษยศาสตร์(คิดเอาเองว่าอย่างโน้นอย่างนี้)
ปล. ความจริงคนหลายๆคนมีส่วนสำคัญต่อความเปลี่ยนแปลง แต่โดยรวมแล้วเป็นผลรวมของกระแสอิทธิพลอำนาจแนวคิดของประชาชนทุกคนในสังคมนั้นๆ (ผมคิดเช่นนี้ครับ)