ทั้งๆ ที่มีเวลาบริหารประเทศได้อย่างไร้อุปสรรคขัดขวางจากม็อบก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง
เหมือนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่ผลงานเกือบ 2 ปีของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกจากจะไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันมีแต่การสร้างภาพเอาตัวรอดไปวันๆ
แล้ว ยังสร้างปัญหาจุดชนวนวิกฤติในบ้านเมืองมากขึ้นทุกขณะท่ามกลางความอัดอั้นของประชาชน
ที่เริ่มทนไม่ได้กับการบริหารที่ล้มเหลว ลุแก่อำนาจอาศัยพวกมากลากไป และที่สำคัญคือตั้งหน้าตั้ง
ตาก่อหนี้ให้ประเทศมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเปิดช่องทางให้มีการโกงบ้านกินเมือง
อย่างมโหฬาร รวมทั้งวางแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสถาปนาระบอบทักษิณยึดครองประเทศอย่าง
เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล ตั้งหน้า
ตั้งตามุ่งแต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท
เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อน
เฉพาะหน้าของประชาชนโดยปล่อยให้เผชิญกับภาวะค่าครองชีพที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับ
นโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ว่าจะ “กระชากค่าครองชีพ ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้” ขณะที่
ประชาชนอีกค่อนประเทศต้องทุกข์แสนสาหัสจากวิกฤติภัยแล้ง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญหวังยึดครองประเทศและการก่อหนี้ 2 ล้านล้านบาท ที่ส่อเจตนาโกงบ้านกิน
เมืองครั้งมโหฬารถือเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่นอกจากถูกต่อต้านจากผู้คนในบ้านเมืองจำนวนไม่
น้อยแล้วยังถูกจับตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังปล้นแผ่นดินสร้างความ
หายนะล่มจมอย่างย่ามใจมากขึ้นทุกขณะจนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติทั้งทางด้านการเมือง
และเศรษฐกิจ
สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญระบอบทักษิณเร่งเดินหน้าแผนรวบรัดหักดิบโดยอาศัยพวกมากเพื่อแก้
รัฐธรรมนูญในประเด็นสำคัญที่สุดคือมาตรา 68 อันเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการร้องเรียนต่อ
ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงในกรณีที่พบการกระทำอันเป็นการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วกำหนดให้ประชาชนต้องยื่นคำร้องผ่านอัยการ
สูงสุดเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพฤติการณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุดถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่าเป็นหน่วย
งานทาสรับใช้ระบอบทักษิณ การกำหนดให้อัยการสูงสุดมีอำนาจสิทธิขาดรับเรื่องร้องเรียนเท่ากับ
กำจัดศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นทางหลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉันว่าร่างแก้ไข
รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพวกเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 68 ดังนั้นเมื่อกำจัดศาลรัฐธรรมนูญ
พ้นทางเท่ากับเปิดทางให้การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ซึ่งค้างอยู่ในวาระที่ 3 เป็นไปอย่าง
สะดวกราบรื่นอันจะปูทางไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ร่างทรงเพื่อมารื้อรัฐธรรมนูญ
ฉบับปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับโดยมีเป้าหมายแอบแฝงสำคัญคือมุ่งลบล้างโทษความผิดทั้งหมด
ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และทำให้ได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืนตลอดจน
ปูทางไปสู่แผนการสถาปนาระบอบทักษิณให้สามารถผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ด
ขาดอย่างไร้อุปสรรคขัดขวางซึ่งไม่ต่างอะไรจากการรัฐประหารประเทศโดยอาศัยระบบเผด็จการรัฐสภา
ส่วนประเด็นรองก็คือการแก้ไขมาตรา 190 เพื่อเปิดทางให้ระบอบทักษิณสามารถทำข้อตกลงกับ
ประเทศต่างๆ โดยนำทรัพยากรของประเทศแลกกับผลประโยชน์ทับซ้อนที่ตัวเองจะได้รับการแก้ไข
ที่มาของวุฒิสภาให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้ระบอบทักษิณสถาปนา “สภาทาส”
หรือ “สภาผัวเมีย”เหมือนในอดีตเพื่อยึดครองวุฒิสภาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งนี้วุฒิสภามีอำนาจ
สำคัญในการถอดถอนนักการเมืองและแต่งตั้งตัวแทนในองค์กรอิสระต่างๆ อาทิ คณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหาก
ระบอบทักษิณยึดวุฒิสภาได้สำเร็จเท่ากับผูกขาดอำนาจอยู่ในกำมือจนไร้ระบบตรวจสอบถ่วงดุลอีก
ต่อไปอย่างสิ้นเชิง และการแก้ไขมาตรา 237 ยกเลิกโทษยุบพรรคการเมืองกรณีซื้อเสียงหรือทำผิด
กฎหมายเลือกตั้งในกรณีอื่นๆ ซึ่งจะทำให้การเมืองถอยหลังเข้าคลองสู่ยุคธุรกิจการเมืองเฟื่องฟูโดย
พรรคการเมืองไม่เกรงกลัวการถูกลงโทษด้วยยาแรง
ในเรื่อง พ.ร.บ.ก่อหนี้เงินต้น 2 ล้านล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ยอีก 3 ล้านล้านบาท ที่ลูกหลานต้องแบกรับ
ภาระอีกชั่วลูกชั่วหลานไม่น้อยกว่า 50 ปี และส่อเจตนาทุจริตมโหฬารสะท้อนการลุแก่อำนาจของรัฐบาล
โดยไม่สนใจว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณอีก 4 ฉบับ ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มอดีตส.ส.ร.
ปี 2550 ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีทั้ง
ชุดในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่กลุ่มสส.ฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา(สว.)
สรรหากลุ่มหนึ่งเตรียมยื่นเรื่องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าพ.ร.บ.
เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้ยังจุดชนวนสุมไฟก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ลุก
โชนรุนแรงยิ่งขึ้นจากผลพวงการจัดฉากปาหี่สร้างภาพพูดคุยสันติภาพกับแกนนำรุ่นเก่ากลุ่มบีอาร์เอ็นโค
ออดิเนทที่ล้วนชราภาพและไร้บทบาทอย่างแท้จริงที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลก็คือถูกตอบโต้อย่างรุนแรง
จากขบวนการโจรก่อการร้ายที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการตัวจริงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ด้วยการลอบวางระเบิด
และสังหารเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงและประชาชนเฉลี่ยวันละศพตลอดช่วง 1 เดือน ของการพูดคุยสันติภาพ
ระหว่างตัวแทนรัฐบาลนำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตรเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และ
แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นฯรุ่นเก่านำโดย นายฮัสซัน ตอยิบ
ขณะที่ปัญหาปราสาทพระวิหารเป็นระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่งสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า
“กายไทยใจเขมร” โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการตัดสินของศาลโลกในปลายปีนี้ให้พื้นที่ 4.6 ตาราง
กิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นดินแดนไทยต้องตกเป็นของกัมพูชา คาดว่าจะมีกลุ่มพลังคนไทย
จำนวนไม่น้อยที่ออกมาแสดงพลังประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่เพราะที่ผ่านมารัฐบาลส่อพฤติกรรมยอมอ่อน
ข้อให้กัมพูชาอย่างออกหน้าออกตาเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทับซ้อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะได้จาก
ฝ่ายกัมพูชา
เพราะฉะนั้นตราบใดที่รัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้ยังถูกชักใยบงการเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ปัญหา
ของรัฐบาลก็จะยิ่งสั่งสมพอกพูนมากขี้นเรื่อยๆ เป็นระเบิดเวลาทางการเมืองที่รอถึงจุดระเบิดซึ่งนั่นหมาย
ถึงสัญญาณอันตรายสำหรับการดำรงอยู่ของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้
ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/creative/48315
อ่านที่ อลงกรณ์ พลบุตร ห่วงใยปชป. แล้วมาอ่านคอลัมน์นี้ใน "แนวหน้า" ก็ดูว่า ปชป.
มีอาการน่าเป็นห่วงจริง ๆ เพราะอ่าน ทุกคอลัมน์ ก็ยังวนเวียนซ้ำซากกับการโจมตี
ในประเด็นเดิมๆ ตลอดมา ... รัฐบาลหุ่นเชิด รัฐบาลผีโม่แป้ง ... กายไทยใจเขมร ..
ทุกรัฐบาล..ที่มาจาก ไทยรักไทย ก็ถูกโจมตีด้วยสำนวนนี้ และก็ทำให้ปชป.แพ้เลือกตั้ง
มาตลอด ...แต่ปชป. ก็ไม่เคยเปลี่ยนท่าที ...
ปฏิรูปพรรค ...ความฝันของประชาธปัตย์ ... จะทำได้ไหม ???

รัฐบาลปูสั่งสมปัญหา รอเวลาจุดระเบิด ...ผ่าประเด็นร้อน....แนวหน้าออนไลน์
เหมือนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่ผลงานเกือบ 2 ปีของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นอกจากจะไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันมีแต่การสร้างภาพเอาตัวรอดไปวันๆ
แล้ว ยังสร้างปัญหาจุดชนวนวิกฤติในบ้านเมืองมากขึ้นทุกขณะท่ามกลางความอัดอั้นของประชาชน
ที่เริ่มทนไม่ได้กับการบริหารที่ล้มเหลว ลุแก่อำนาจอาศัยพวกมากลากไป และที่สำคัญคือตั้งหน้าตั้ง
ตาก่อหนี้ให้ประเทศมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเปิดช่องทางให้มีการโกงบ้านกินเมือง
อย่างมโหฬาร รวมทั้งวางแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสถาปนาระบอบทักษิณยึดครองประเทศอย่าง
เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล ตั้งหน้า
ตั้งตามุ่งแต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท
เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับปัญหาความเดือดร้อน
เฉพาะหน้าของประชาชนโดยปล่อยให้เผชิญกับภาวะค่าครองชีพที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับ
นโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ว่าจะ “กระชากค่าครองชีพ ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้” ขณะที่
ประชาชนอีกค่อนประเทศต้องทุกข์แสนสาหัสจากวิกฤติภัยแล้ง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญหวังยึดครองประเทศและการก่อหนี้ 2 ล้านล้านบาท ที่ส่อเจตนาโกงบ้านกิน
เมืองครั้งมโหฬารถือเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่นอกจากถูกต่อต้านจากผู้คนในบ้านเมืองจำนวนไม่
น้อยแล้วยังถูกจับตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังปล้นแผ่นดินสร้างความ
หายนะล่มจมอย่างย่ามใจมากขึ้นทุกขณะจนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติทั้งทางด้านการเมือง
และเศรษฐกิจ
สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญระบอบทักษิณเร่งเดินหน้าแผนรวบรัดหักดิบโดยอาศัยพวกมากเพื่อแก้
รัฐธรรมนูญในประเด็นสำคัญที่สุดคือมาตรา 68 อันเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการร้องเรียนต่อ
ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงในกรณีที่พบการกระทำอันเป็นการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วกำหนดให้ประชาชนต้องยื่นคำร้องผ่านอัยการ
สูงสุดเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพฤติการณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุดถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่าเป็นหน่วย
งานทาสรับใช้ระบอบทักษิณ การกำหนดให้อัยการสูงสุดมีอำนาจสิทธิขาดรับเรื่องร้องเรียนเท่ากับ
กำจัดศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นทางหลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉันว่าร่างแก้ไข
รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพวกเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 68 ดังนั้นเมื่อกำจัดศาลรัฐธรรมนูญ
พ้นทางเท่ากับเปิดทางให้การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ซึ่งค้างอยู่ในวาระที่ 3 เป็นไปอย่าง
สะดวกราบรื่นอันจะปูทางไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ร่างทรงเพื่อมารื้อรัฐธรรมนูญ
ฉบับปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับโดยมีเป้าหมายแอบแฝงสำคัญคือมุ่งลบล้างโทษความผิดทั้งหมด
ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และทำให้ได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืนตลอดจน
ปูทางไปสู่แผนการสถาปนาระบอบทักษิณให้สามารถผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ด
ขาดอย่างไร้อุปสรรคขัดขวางซึ่งไม่ต่างอะไรจากการรัฐประหารประเทศโดยอาศัยระบบเผด็จการรัฐสภา
ส่วนประเด็นรองก็คือการแก้ไขมาตรา 190 เพื่อเปิดทางให้ระบอบทักษิณสามารถทำข้อตกลงกับ
ประเทศต่างๆ โดยนำทรัพยากรของประเทศแลกกับผลประโยชน์ทับซ้อนที่ตัวเองจะได้รับการแก้ไข
ที่มาของวุฒิสภาให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้ระบอบทักษิณสถาปนา “สภาทาส”
หรือ “สภาผัวเมีย”เหมือนในอดีตเพื่อยึดครองวุฒิสภาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งนี้วุฒิสภามีอำนาจ
สำคัญในการถอดถอนนักการเมืองและแต่งตั้งตัวแทนในองค์กรอิสระต่างๆ อาทิ คณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหาก
ระบอบทักษิณยึดวุฒิสภาได้สำเร็จเท่ากับผูกขาดอำนาจอยู่ในกำมือจนไร้ระบบตรวจสอบถ่วงดุลอีก
ต่อไปอย่างสิ้นเชิง และการแก้ไขมาตรา 237 ยกเลิกโทษยุบพรรคการเมืองกรณีซื้อเสียงหรือทำผิด
กฎหมายเลือกตั้งในกรณีอื่นๆ ซึ่งจะทำให้การเมืองถอยหลังเข้าคลองสู่ยุคธุรกิจการเมืองเฟื่องฟูโดย
พรรคการเมืองไม่เกรงกลัวการถูกลงโทษด้วยยาแรง
ในเรื่อง พ.ร.บ.ก่อหนี้เงินต้น 2 ล้านล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ยอีก 3 ล้านล้านบาท ที่ลูกหลานต้องแบกรับ
ภาระอีกชั่วลูกชั่วหลานไม่น้อยกว่า 50 ปี และส่อเจตนาทุจริตมโหฬารสะท้อนการลุแก่อำนาจของรัฐบาล
โดยไม่สนใจว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณอีก 4 ฉบับ ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มอดีตส.ส.ร.
ปี 2550 ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีทั้ง
ชุดในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่กลุ่มสส.ฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา(สว.)
สรรหากลุ่มหนึ่งเตรียมยื่นเรื่องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าพ.ร.บ.
เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้ยังจุดชนวนสุมไฟก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ลุก
โชนรุนแรงยิ่งขึ้นจากผลพวงการจัดฉากปาหี่สร้างภาพพูดคุยสันติภาพกับแกนนำรุ่นเก่ากลุ่มบีอาร์เอ็นโค
ออดิเนทที่ล้วนชราภาพและไร้บทบาทอย่างแท้จริงที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผลก็คือถูกตอบโต้อย่างรุนแรง
จากขบวนการโจรก่อการร้ายที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการตัวจริงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ด้วยการลอบวางระเบิด
และสังหารเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงและประชาชนเฉลี่ยวันละศพตลอดช่วง 1 เดือน ของการพูดคุยสันติภาพ
ระหว่างตัวแทนรัฐบาลนำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตรเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และ
แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นฯรุ่นเก่านำโดย นายฮัสซัน ตอยิบ
ขณะที่ปัญหาปราสาทพระวิหารเป็นระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่งสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า
“กายไทยใจเขมร” โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการตัดสินของศาลโลกในปลายปีนี้ให้พื้นที่ 4.6 ตาราง
กิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นดินแดนไทยต้องตกเป็นของกัมพูชา คาดว่าจะมีกลุ่มพลังคนไทย
จำนวนไม่น้อยที่ออกมาแสดงพลังประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่เพราะที่ผ่านมารัฐบาลส่อพฤติกรรมยอมอ่อน
ข้อให้กัมพูชาอย่างออกหน้าออกตาเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทับซ้อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะได้จาก
ฝ่ายกัมพูชา
เพราะฉะนั้นตราบใดที่รัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้ยังถูกชักใยบงการเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ปัญหา
ของรัฐบาลก็จะยิ่งสั่งสมพอกพูนมากขี้นเรื่อยๆ เป็นระเบิดเวลาทางการเมืองที่รอถึงจุดระเบิดซึ่งนั่นหมาย
ถึงสัญญาณอันตรายสำหรับการดำรงอยู่ของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้
ทีมข่าวการเมือง
http://www.naewna.com/creative/48315
อ่านที่ อลงกรณ์ พลบุตร ห่วงใยปชป. แล้วมาอ่านคอลัมน์นี้ใน "แนวหน้า" ก็ดูว่า ปชป.
มีอาการน่าเป็นห่วงจริง ๆ เพราะอ่าน ทุกคอลัมน์ ก็ยังวนเวียนซ้ำซากกับการโจมตี
ในประเด็นเดิมๆ ตลอดมา ... รัฐบาลหุ่นเชิด รัฐบาลผีโม่แป้ง ... กายไทยใจเขมร ..
ทุกรัฐบาล..ที่มาจาก ไทยรักไทย ก็ถูกโจมตีด้วยสำนวนนี้ และก็ทำให้ปชป.แพ้เลือกตั้ง
มาตลอด ...แต่ปชป. ก็ไม่เคยเปลี่ยนท่าที ...
ปฏิรูปพรรค ...ความฝันของประชาธปัตย์ ... จะทำได้ไหม ???