กำลังเพลินเรื่องยานัตถุ์ พอดีครูตุ๊สนใจถามเรื่องยาน้ำมหาหิงค์ เลยนำเรื่องราวของอีกหมอหนึ่ง มาผสมโรงด้วยครับ
หมอคนนั้นชื่อว่า หมอเหล็ง หรือ ร.อ.เหล็ง ศรีจันทร์
หมอเหล็งท่านนี้ เป็นชาวฝั่งธนฯ ต.สมเด็จเจ้าพระยา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๕ เรียนหนังสือเบื้องต้นที่วัดประยูรวงศาวาส เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี เข้าเรียนวิชาแพทย์ที่โรงเรียนราชแพทย์วิทยาลัยในศิริราชพยาบาล
หลังจากสำเร็จวิชาแพทย์แล้ว ไปเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ก่อนไปสังกัดเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนนายร้อยทหารบก ช่วงระหว่างนี้ ได้สมัครเข้าเรียนวิชาทหาร เป็นนักเรียนสำรองนายร้อย จนสอบไล่ได้เป็นนายร้อยตรี สังกัดฝ่ายพลรบทหารราบ ทำหน้าที่แพทย์ ได้เลื่อนยศมาเป็นลำดับ จนปี พ.ศ.๒๔๕๓ ได้รับพระราชทานยศเป็น ร.อ.ขุนทวยหาญพิทักษ์ มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพยาบาล โรงเรียนนายร้อยทหารบก ขณะเดียวกัน ยังทำหน้าที่เป็นหมอประจำพระองค์ สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ และ หม่อมคัทริน พระชายา อีกด้วย
หมอเหล็งเป็นผู้สนใจต่อการศึกษา ชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะการเมืองและความเจริญของนานาประเทศ เมื่อน้องชาย ร.ต.เหรียญ ศรีจันทร์ และคณะ มาชักชวนให้เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงลัทธิการปกครอง ท่านจึงเข้าร่วมด้วย แต่การก่อการครั้งนั้นไม่ประสบผล ถูกจับได้เสียก่อน จึงต้องพระราชอาญาจำคุกตลอดชีวิต และถูกถอดออกจากบรรดาศักดิ์
ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงเข้าอุปสมบทที่วัดสุทัศน์เทพวราราม แล้วออกมาดำเนินอาชีพเป็นแพทย์อีกครั้งหนึ่ง โดยตั้งร้านขายยาชื่อ "โยคีสถาน" ที่ตึกวิมานนรรัตน์ (คือตึกโรงหนังแคปปิตอล หรือต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น เจริญกรุงเธียเตอร์ ที่คลองถม) ก่อนจะย้ายมาเปิดที่ประตูสามยอด โดยใช้ชื่อใหม่ว่า "ห้างขายยาศรีจันทร์"
ช่วงเวลานี้เอง หมอเหล็งได้เขียนตำราทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยขึ้นหลายเล่ม เช่น "ตำราวัฒนายุ" ที่แนะแนวการปฏิบัติให้อายุยืน ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ "ตำราสิเนหา" ว่าด้วยวิทยาศาสตร์แห่งความรัก และ "ตำราฝึกหัดเด็ก" เป็นต้น
ปัจจุบัน ห้างขายยาศรีจันทร์ ได้ขายกิจการไปแล้ว ที่เหลืออยู่ คือ ผงหอมศรีจันทร์
ซึ่งทุกวันนี้ได้โด่งดังในรูปลักษณ์ใหม่ ภายใต้กิจการของของ บริษัท ศรีสหจันทร์โอสถ จำกัด ซึ่งซื้อกิจการของห้างขายยาศรีจันทร์มาผนวกกับห้างเดิมของตน คือ ห้างขายยาสหโอสถ นั่นเอง
..........................
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ เล็ก - ประไพ วิริยะพันธุ์
http://www.lek-prapai.org มา ณ โอกาสนี้
เก็บตก ภาพเก่าเล่าเรื่อง
กำลังเพลินเรื่องยานัตถุ์ พอดีครูตุ๊สนใจถามเรื่องยาน้ำมหาหิงค์ เลยนำเรื่องราวของอีกหมอหนึ่ง มาผสมโรงด้วยครับ
หมอคนนั้นชื่อว่า หมอเหล็ง หรือ ร.อ.เหล็ง ศรีจันทร์
หมอเหล็งท่านนี้ เป็นชาวฝั่งธนฯ ต.สมเด็จเจ้าพระยา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๕ เรียนหนังสือเบื้องต้นที่วัดประยูรวงศาวาส เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี เข้าเรียนวิชาแพทย์ที่โรงเรียนราชแพทย์วิทยาลัยในศิริราชพยาบาล
หลังจากสำเร็จวิชาแพทย์แล้ว ไปเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ก่อนไปสังกัดเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนนายร้อยทหารบก ช่วงระหว่างนี้ ได้สมัครเข้าเรียนวิชาทหาร เป็นนักเรียนสำรองนายร้อย จนสอบไล่ได้เป็นนายร้อยตรี สังกัดฝ่ายพลรบทหารราบ ทำหน้าที่แพทย์ ได้เลื่อนยศมาเป็นลำดับ จนปี พ.ศ.๒๔๕๓ ได้รับพระราชทานยศเป็น ร.อ.ขุนทวยหาญพิทักษ์ มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพยาบาล โรงเรียนนายร้อยทหารบก ขณะเดียวกัน ยังทำหน้าที่เป็นหมอประจำพระองค์ สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ และ หม่อมคัทริน พระชายา อีกด้วย
หมอเหล็งเป็นผู้สนใจต่อการศึกษา ชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะการเมืองและความเจริญของนานาประเทศ เมื่อน้องชาย ร.ต.เหรียญ ศรีจันทร์ และคณะ มาชักชวนให้เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงลัทธิการปกครอง ท่านจึงเข้าร่วมด้วย แต่การก่อการครั้งนั้นไม่ประสบผล ถูกจับได้เสียก่อน จึงต้องพระราชอาญาจำคุกตลอดชีวิต และถูกถอดออกจากบรรดาศักดิ์
ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงเข้าอุปสมบทที่วัดสุทัศน์เทพวราราม แล้วออกมาดำเนินอาชีพเป็นแพทย์อีกครั้งหนึ่ง โดยตั้งร้านขายยาชื่อ "โยคีสถาน" ที่ตึกวิมานนรรัตน์ (คือตึกโรงหนังแคปปิตอล หรือต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น เจริญกรุงเธียเตอร์ ที่คลองถม) ก่อนจะย้ายมาเปิดที่ประตูสามยอด โดยใช้ชื่อใหม่ว่า "ห้างขายยาศรีจันทร์"
ช่วงเวลานี้เอง หมอเหล็งได้เขียนตำราทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยขึ้นหลายเล่ม เช่น "ตำราวัฒนายุ" ที่แนะแนวการปฏิบัติให้อายุยืน ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ "ตำราสิเนหา" ว่าด้วยวิทยาศาสตร์แห่งความรัก และ "ตำราฝึกหัดเด็ก" เป็นต้น
ปัจจุบัน ห้างขายยาศรีจันทร์ ได้ขายกิจการไปแล้ว ที่เหลืออยู่ คือ ผงหอมศรีจันทร์
ซึ่งทุกวันนี้ได้โด่งดังในรูปลักษณ์ใหม่ ภายใต้กิจการของของ บริษัท ศรีสหจันทร์โอสถ จำกัด ซึ่งซื้อกิจการของห้างขายยาศรีจันทร์มาผนวกกับห้างเดิมของตน คือ ห้างขายยาสหโอสถ นั่นเอง
..........................
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ เล็ก - ประไพ วิริยะพันธุ์ http://www.lek-prapai.org มา ณ โอกาสนี้