รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยอมรับแล้วว่า ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงไม่คุ้มกับการลงทุน
ส่วนค่าโดยสารจะคิดเพียงให้คุ้มค่าเดินรถเท่านั้น
นั่นหมายความว่า เงินลงทุน เช่น สาย กทม.-เชียงใหม่ กว่า 380,000 ล้าน
จะใช้คืนได้จากรายได้อื่น ที่เป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจตามเส้นทางที่รถไฟผ่าน
ดังนั้นเราต้องไปดูว่าเมืองที่รถไฟผ่าน
รัฐบาลมีแผนการอะไรบ้างที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต คำตอบคือยังไม่มีครับ
ถ้าจะปล่อยให้เอกชนลงทุนตามสภาพเอง
วันนี้รัฐบาลมีอะไรที่สร้างความมั่นใจต่ออนาตคให้เอกชนบ้าง คำตอบคือยังไม่มีครับ
รัฐบาลกำลังใช้สถานะอาจารย์ ของรัฐมนตรีชัชชาติมาอธิบายความถูกต้องเหมาะสมของแผนการลงทุน 2 ล้านล้าน
แต่จากคำอธิบายของท่าน ยิ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อม ต่อการลงทุนขนาดมหาศาลนี้
ยิ่งฟังคำอธิบายของท่าน ยิ่งยืนยัน คำสรุปที่ผมกล่าวไปแล้วในสภาผู้แทน คือ
"การลงทุน 2 ล้านล้านนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็นความบ้าบิ่นของรัฐบาล"
ผมอดเห็นใจ และเป็นห่วงอาจารย์ชัชชาติไม่ได้จริง ๆ
แต่ที่ผมเห็นใจและเป็นห่วงมากกว่า
"คือประเทศไทยและประชาชนไทยครับ"
จาก กนก วงษ์ตระหง่าน (Kanok Wongtrangan) ส.ส.ระบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์
http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=510830262309415&id=109167605809018
****************************************************************************************************
ในเรื่องนี้ จขกท. ได้นำเรื่องไปถามหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์
หัวหน้าวินฯ อธิบายว่า พรรคประชาธิปัตย์จะรอให้มีความพร้อมและคุ้มค่ากับการลงทุน
ถามว่า
แล้วเมื่อไร จะลงมือสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง 10 ปี หรือ 20 ปี ถัดจากนี้
หัวหน้าวินฯ เล่าว่า ที่บ้านของหัวหน้าอยู่ที่ จ.เพชรบุรี
ต้นตาลที่มีในปัจจุบัน คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ปลูกไว้ และคนรุ่นลูกรุ่นหลานจึงได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากต้นตาล หากคนรุ่นก่อนไม่ปลูกต้นตาล คนรุ่นต่อมาจะมีน้ำตาลกินหรือเปล่า
หัวหน้าวินฯ เล่าว่า เมื่อประมาณ 30 ก่อน เคยมีข่าวว่าเอกชนขอสัมปทานก่อสร้างและพัฒนา
"สนามบินอู่ตะเภา" แต่รัฐบาลในอดีตไม่ยินยอม เพราะเกรงว่า จะถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตและโกงกิน ทั้งนี้ หากให้เอกชนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบันประเทศไทยจะมีสนามบินดี ๆ ใช้งานอีก 1 แห่ง
และเมื่อ 20 ปี ก่อนเคยมีข่าวว่าประเทศเยอรมันจะขอทำโครงการ
"ก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯ" แต่มีบางคนขัดขวาง เพราะเห็นว่ายังไม่เหมาะสม และยังไม่ถึงเวลา หากประเทศไทยก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในเวลานั้น ค่าก่อสร้างจะถูกกว่าปัจจุบันมาก
และเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ใน
"การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ" มีบางคนเห็นว่ายังไม่เหมาะสม ยังถมทรายและบดอัดดินไม่เพียงพอ ยังไม่สมควรก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะจะทำให้รันเวย์ทรุดได้ แต่นายกฯ ทักษิณ ได้ผลักดันโครงการนี้จนแล้วเสร็จ และสนามบินสุวรรณภูมิได้เป็นสนามบินดีเด่นอันดับต้น ๆ ของโลก หากวันนี้สนามบินสุวรรณภูมิยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
"สนามบินดอนเมือง" ก็ไม่สามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้แน่นอน และประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสที่จะเป็นฮับของอาเซียน และสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งก่อสร้างมาได้ไม่ถึง 10 ปี ปัจจุบันไม่สามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเทียวได้แล้ว จนรัฐบาลต้องย้ายสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์ มาไว้ที่สนามบินดอนเมืองแทน
หัวหน้าวินฯ ชี้แจงว่า "หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เริ่มลงมือก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในวันนี้ ในอนาคตจะลำบาก เพราะประเทศไทยพัฒนาไปเร็วมากในปัจจุบัน
การเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานจะยากขึ้น"
เพราะคนไทยฉลาดขึ้นและสามารถก่อม๊อบประท้วงได้ง่ายๆ
และที่ดินมีราคาแพงขึ้นทุกวัน หากไม่ทำการก่อสร้างโครงการดังกล่าวในเวลานี้ อนาคตค่าเวนคืนที่ดินจะมีราคามหาศาลจนไม่สามารถก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้แน่นอน
และจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาส เหมือนหลายโครงการในอดีตที่ผ่านมา
หัวหน้าวินฯ ยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี เคยเห็นรัฐบาลมีโครงการพัฒนาโครงการใหญ่ ๆ บ้างไหม
เพราะประเทศไทย
มีแต่คนที่คิดว่า หากทำโครงการฯ ใดๆ ก็กลัวว่าจะมีการทุจริต
ดังนั้น รัฐบาลที่ผ่านมาในอดีต ไม่ลงมือทำอะไร กินแต่บุญเก่า และทำโครงการง่าย ๆ เช่น
แจกเช็คช่วยชาติคนละ 2,000.- บาท หรือจัดให้มีการฝีกอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ อบรมอาทิตย์ละ 5 วัน แต่อบรมจริง 2-3 วัน แล้วก็รับเงินไป
หรือโครงการมิยาซาวา เช่น การจ้างคนดายหญ้าริมถนนมิตรภาพ จากสระบุรีไปถึงโคราช เมื่อดายหญ้าไปถึงปลายทาง หญ้าต้นทางก็โตพอที่ต้องตัดอีกครั้ง ซึ่งไม่เกิดประโยชน์เพียงพอในการใช้เงิน หรือโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนจำนวน 396 โรง ซึ่งเหลือแต่ตอม่อ ให้ตำรวจดูต่างหน้า
แต่พรรคเพื่อไทยไม่กลัวที่จะทำโครงการพัฒนาประเทศ ไม่กลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าจะมีการทุจริต และได้ทำการผลักดันโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่
"เชื่อว่าอีก 7 - 8 ปี คนไทยจะได้ใช้หรือคนรุ่นลูกรุ่นหลานก็จะได้ใช้(รถไฟฟ้าความเร็วสูง)แน่นอน หัวหน้าวินฯ พูดอย่างมั่นใจ
ปล. และขอถามว่า
"สมาชิกในโต๊ะราชดำเนิน เชื่อคำพูดของใคร ระหว่าง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์หรือหัวหน้าวินรถมอเตอร์ไซค์"?????
กนก วงศ์ตระหง่าน โพสต์ FB แฉชัชชาติยอมรับ กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ค่ารถไฟความเร็วสูง ไม่คุ้มการลงทุน
นั่นหมายความว่า เงินลงทุน เช่น สาย กทม.-เชียงใหม่ กว่า 380,000 ล้าน
จะใช้คืนได้จากรายได้อื่น ที่เป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจตามเส้นทางที่รถไฟผ่าน
ดังนั้นเราต้องไปดูว่าเมืองที่รถไฟผ่าน รัฐบาลมีแผนการอะไรบ้างที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต คำตอบคือยังไม่มีครับ
ถ้าจะปล่อยให้เอกชนลงทุนตามสภาพเอง วันนี้รัฐบาลมีอะไรที่สร้างความมั่นใจต่ออนาตคให้เอกชนบ้าง คำตอบคือยังไม่มีครับ
รัฐบาลกำลังใช้สถานะอาจารย์ ของรัฐมนตรีชัชชาติมาอธิบายความถูกต้องเหมาะสมของแผนการลงทุน 2 ล้านล้าน
แต่จากคำอธิบายของท่าน ยิ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อม ต่อการลงทุนขนาดมหาศาลนี้
ยิ่งฟังคำอธิบายของท่าน ยิ่งยืนยัน คำสรุปที่ผมกล่าวไปแล้วในสภาผู้แทน คือ
"การลงทุน 2 ล้านล้านนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็นความบ้าบิ่นของรัฐบาล"
ผมอดเห็นใจ และเป็นห่วงอาจารย์ชัชชาติไม่ได้จริง ๆ
แต่ที่ผมเห็นใจและเป็นห่วงมากกว่า "คือประเทศไทยและประชาชนไทยครับ"
จาก กนก วงษ์ตระหง่าน (Kanok Wongtrangan) ส.ส.ระบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์
http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=510830262309415&id=109167605809018
****************************************************************************************************
ในเรื่องนี้ จขกท. ได้นำเรื่องไปถามหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์
หัวหน้าวินฯ อธิบายว่า พรรคประชาธิปัตย์จะรอให้มีความพร้อมและคุ้มค่ากับการลงทุน
ถามว่า แล้วเมื่อไร จะลงมือสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง 10 ปี หรือ 20 ปี ถัดจากนี้
หัวหน้าวินฯ เล่าว่า ที่บ้านของหัวหน้าอยู่ที่ จ.เพชรบุรี ต้นตาลที่มีในปัจจุบัน คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ปลูกไว้ และคนรุ่นลูกรุ่นหลานจึงได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากต้นตาล หากคนรุ่นก่อนไม่ปลูกต้นตาล คนรุ่นต่อมาจะมีน้ำตาลกินหรือเปล่า
หัวหน้าวินฯ เล่าว่า เมื่อประมาณ 30 ก่อน เคยมีข่าวว่าเอกชนขอสัมปทานก่อสร้างและพัฒนา "สนามบินอู่ตะเภา" แต่รัฐบาลในอดีตไม่ยินยอม เพราะเกรงว่า จะถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตและโกงกิน ทั้งนี้ หากให้เอกชนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบันประเทศไทยจะมีสนามบินดี ๆ ใช้งานอีก 1 แห่ง
และเมื่อ 20 ปี ก่อนเคยมีข่าวว่าประเทศเยอรมันจะขอทำโครงการ"ก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯ" แต่มีบางคนขัดขวาง เพราะเห็นว่ายังไม่เหมาะสม และยังไม่ถึงเวลา หากประเทศไทยก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในเวลานั้น ค่าก่อสร้างจะถูกกว่าปัจจุบันมาก
และเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ใน"การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ" มีบางคนเห็นว่ายังไม่เหมาะสม ยังถมทรายและบดอัดดินไม่เพียงพอ ยังไม่สมควรก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะจะทำให้รันเวย์ทรุดได้ แต่นายกฯ ทักษิณ ได้ผลักดันโครงการนี้จนแล้วเสร็จ และสนามบินสุวรรณภูมิได้เป็นสนามบินดีเด่นอันดับต้น ๆ ของโลก หากวันนี้สนามบินสุวรรณภูมิยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ "สนามบินดอนเมือง" ก็ไม่สามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวได้แน่นอน และประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสที่จะเป็นฮับของอาเซียน และสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งก่อสร้างมาได้ไม่ถึง 10 ปี ปัจจุบันไม่สามารถรองรับผู้โดยสารและนักท่องเทียวได้แล้ว จนรัฐบาลต้องย้ายสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์ มาไว้ที่สนามบินดอนเมืองแทน
หัวหน้าวินฯ ชี้แจงว่า "หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เริ่มลงมือก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในวันนี้ ในอนาคตจะลำบาก เพราะประเทศไทยพัฒนาไปเร็วมากในปัจจุบัน การเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานจะยากขึ้น"
เพราะคนไทยฉลาดขึ้นและสามารถก่อม๊อบประท้วงได้ง่ายๆ และที่ดินมีราคาแพงขึ้นทุกวัน หากไม่ทำการก่อสร้างโครงการดังกล่าวในเวลานี้ อนาคตค่าเวนคืนที่ดินจะมีราคามหาศาลจนไม่สามารถก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้แน่นอน
และจะทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาส เหมือนหลายโครงการในอดีตที่ผ่านมา
หัวหน้าวินฯ ยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี เคยเห็นรัฐบาลมีโครงการพัฒนาโครงการใหญ่ ๆ บ้างไหม
เพราะประเทศไทย มีแต่คนที่คิดว่า หากทำโครงการฯ ใดๆ ก็กลัวว่าจะมีการทุจริต
ดังนั้น รัฐบาลที่ผ่านมาในอดีต ไม่ลงมือทำอะไร กินแต่บุญเก่า และทำโครงการง่าย ๆ เช่น แจกเช็คช่วยชาติคนละ 2,000.- บาท หรือจัดให้มีการฝีกอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ อบรมอาทิตย์ละ 5 วัน แต่อบรมจริง 2-3 วัน แล้วก็รับเงินไป
หรือโครงการมิยาซาวา เช่น การจ้างคนดายหญ้าริมถนนมิตรภาพ จากสระบุรีไปถึงโคราช เมื่อดายหญ้าไปถึงปลายทาง หญ้าต้นทางก็โตพอที่ต้องตัดอีกครั้ง ซึ่งไม่เกิดประโยชน์เพียงพอในการใช้เงิน หรือโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนจำนวน 396 โรง ซึ่งเหลือแต่ตอม่อ ให้ตำรวจดูต่างหน้า
แต่พรรคเพื่อไทยไม่กลัวที่จะทำโครงการพัฒนาประเทศ ไม่กลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าจะมีการทุจริต และได้ทำการผลักดันโครงการดังกล่าวอย่างเต็มที่
"เชื่อว่าอีก 7 - 8 ปี คนไทยจะได้ใช้หรือคนรุ่นลูกรุ่นหลานก็จะได้ใช้(รถไฟฟ้าความเร็วสูง)แน่นอน หัวหน้าวินฯ พูดอย่างมั่นใจ
ปล. และขอถามว่า "สมาชิกในโต๊ะราชดำเนิน เชื่อคำพูดของใคร ระหว่าง สส. ของพรรคประชาธิปัตย์หรือหัวหน้าวินรถมอเตอร์ไซค์"?????