สำหรับหลายๆ ท่านที่กำลังเริ่มต้นลงทุนในหุ้นใหม่ๆ นั้น ผมเชื่อแน่ว่า ช่วงแรกๆ ต้องเจอกับปัญหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นกันบ้างแน่นอน
อ่านหนังสือหุ้นมาบ้าง อ่านเว็บหุ้นมาก็แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวิเคราะห์หุ้นที่ตรงใหนดี? วันนี้ผมมีแนวทาง และแนวคิดแบบง่ายๆ สำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มาฝาก เพื่อจะได้นำไปต่อยอดกันต่อไปครับ
แนวทางที่ว่านั้นก็คือ ดู 3 อย่าง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของตัวหุ้น
(หลายท่านอาจสงสัยว่า ตกลงแล้ว เราจะมาวิเคราะห์เพื่อ ดูหุ้น หรือว่า ดูหมอ กันแน่!! ขอฟันธงว่า วิเคราะห์หุ้นนะคร้าบ!! แต่เอาให้จำง่ายๆ จะได้เอาไปต่อยอดต่อไปนะครับ )
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาแยกดูรายละเอียดของการวิเคราะห์หุ้นเบื้องต้นในแต่ละตัวดีกว่าครับ
วิเคราะห์หุ้นโดยดูจากข้อมูลในอดีต
ในส่วนนี้เราจะเน้นดูในอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร ดูดีหรือไม่ เช่น ดูค่า PE ROE ROA D/E เป็นต้น (รายละเอียดแต่ล่ะตัวเป็นอย่างไร ไว้เราค่อยมาเจาะลึกกันอีกทีนะครับ เพราะค่อนข้างยาวเหมือนกัน )
ซึ่งอัตราส่วนทางการเงินพวกนี้จะเป็นตัวบอกผลงานของตัวหุ้น ผลงานของตัวบริษัทในอดีตว่า ผู้บริหารทีฝีมือดี มีการดำเนินงานมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หรือเติบโตมาตลอดหรือไม่ จะเป็นการเสริมความมั่นใจว่าเราถือหุ้นได้ถูกตัว
ถ้าเราดูแค่ข้อมูลพวกนี้อย่างเดียว จะไม่ต่างจากการขับรถโดยดูแต่กระจกมองหลัง ซึ่งไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าไม่จบลงที่ชนท้ายคันหน้าก็ กองอยู่ข้างทาง ดังนั้นเราควรจะไปวิเคราะห์เพิ่มกันต่อในข้อถัดไปด้วยนะครับ
วิเคราะห์หุ้นโดยดูจากข้อมูลในปัจจุบัน
ส่วนนี้จะเป็นการดูงบการเงิน ว่ามีเงินสดอยู่เท่าไหร่ มีหนี้สินเท่าไหร่ เป็นต้น
ตัวนี้จะมีประโยชน์ในการสร้างความมั่นใจให้เราว่า หุ้นของบริษัทนี้ ตัวบริษัทนี้มีความแข่งแกร่งเพียงใด มีความพร้อมต่อการลงทุนเพิ่ม หรือการขยายโครงการในอนาคตที่ทางบริษัทออกมาคุย(โม้)ไว้หรือไม่ ถ้าบอกจะขยายธุรกิจแต่ในบัญชีมีหนี้สินพะรุงพะรังแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ถ้าเราดูแต่อดีตผลงานดีมาก แถมปัจจุบันการเงินก็มั่นคง แต่ไม่ได้วิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต เราอาจจะได้หุ้นแกร่งแต่อยู่ในช่วงถดถอยก็ได้(หากแนวโน้มตลาดไม่โต) ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นราคาหุ้นก็จะไม่ไปไหน บางทีถือกันจนเหนื่อย
วิเคราะห์หุ้นโดยดูแนวโน้มในอนาคต
อันนี้จะเน้นไปที่การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ และดูแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ในธุรกิจที่บริษัทที่เราสนใจลงทุนอยู่ ซึ่งมันจะบอกได้ว่า บริษัทจัดอยู่ในประเภทไหน โตช้า ปานกลาง หรือโตเร็ว
■การดูแนวโน้มตลาดนั้น เราก็ลองวิเคราะห์หาข้อมูลดูว่า ตลาดในธุรกิจที่บริษัทที่เราสนใจ(จะซื้อหุ้น)ลงทุนอยู่ มีแน้วโน้มเติบโตไปเรื่อยๆ หรือไม่ หรือว่าตลาดอิ่มตัวแล้ว ถ้าตลาดมีแน้วโน้มโตได้อีก แบบนี้ หุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดนั้นๆ ก็น่าจะสามารถโตได้เช่นกัน
■ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น เราต้องไปดูแน้วโน้มใหญ่ๆ (Mega Trends) ว่าเป็นไปในแนวทางไหน เช่น คนรุ่นใหม่ใช้อินเตอร์เนตเพิ่มขึ้น คนชอบความสะดวกและเข้าร้านสะดวกซื้อมากขึ้น สังคมบ้านเรามีผู้สูงอายุมากขึ้น รถยนต์เพิ่มมากขึ้นจากโครงการรถคันแรก เป็นต้นครับ
จากนั้น เราก็ดูว่าบริษัทได้ออกแบบธุรกิจ เพื่อรองรับกับพฤติกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงของ ผู้บริโภคในระยะยาวหรือไม่ ถ้าบริษัทจับเทรนได้ หุ้นของก็จะเติบโตได้เร็ว และแน่นอนว่ามันจะทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้อีกมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
สรุปการวิเคราะห์หุ้น
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การเล่นหุ้น ลงทุนหุ้น เป็นเรื่องของการมองไปข้างหน้า การดูแนวโน้มในอนาคตจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ต้องวิเคราะห์ในส่วนอื่นนะครับ เพราะการวิเคราะห์อดีตและปัจจุบันของหุ้นแต่ล่ะตัว เป็นการเตรียมตัวเราให้พร้อมที่จะคว้าโอกาศที่จะมาถึง เพราะหากเกิดแน้วโน้มใหม่ๆ เกิดขึ้น คนที่มีข้อมูลพร้อม และรู้จักธุรกิจ หรือบริษัทเป็นอย่างดีเท่านั้น ที่จะเป็นคนแรกๆ ที่คว้าโอกาสงามๆ นั้นไป
ลองคิดดูนะครับว่า สมมติว่า ตลาดรถยนต์ ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์กำลังจะบูมอย่างมาก ใครจะเป็นคนคว้าโอกาสซื้อหุ้นดีดี ได้ก่อน ระหว่างคนที่รู้จักธุรกิจนี้ดี และอ่านแงะ แกะงบการเงินมาแล้วทุกบริษัท กับคนที่รู้แค่ว่าตลาดนี้กำลังจะบูม
ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมวันๆ Warren Buffett ถึงเอาแต่อ่านรายงานประจำปี
ปล. เครดิตบทความโดย Stock Tip
แนวคิดง่ายๆ ในการวิเคราะห์หุ้น
อ่านหนังสือหุ้นมาบ้าง อ่านเว็บหุ้นมาก็แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวิเคราะห์หุ้นที่ตรงใหนดี? วันนี้ผมมีแนวทาง และแนวคิดแบบง่ายๆ สำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มาฝาก เพื่อจะได้นำไปต่อยอดกันต่อไปครับ
แนวทางที่ว่านั้นก็คือ ดู 3 อย่าง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของตัวหุ้น
(หลายท่านอาจสงสัยว่า ตกลงแล้ว เราจะมาวิเคราะห์เพื่อ ดูหุ้น หรือว่า ดูหมอ กันแน่!! ขอฟันธงว่า วิเคราะห์หุ้นนะคร้าบ!! แต่เอาให้จำง่ายๆ จะได้เอาไปต่อยอดต่อไปนะครับ )
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาแยกดูรายละเอียดของการวิเคราะห์หุ้นเบื้องต้นในแต่ละตัวดีกว่าครับ
วิเคราะห์หุ้นโดยดูจากข้อมูลในอดีต
ในส่วนนี้เราจะเน้นดูในอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร ดูดีหรือไม่ เช่น ดูค่า PE ROE ROA D/E เป็นต้น (รายละเอียดแต่ล่ะตัวเป็นอย่างไร ไว้เราค่อยมาเจาะลึกกันอีกทีนะครับ เพราะค่อนข้างยาวเหมือนกัน )
ซึ่งอัตราส่วนทางการเงินพวกนี้จะเป็นตัวบอกผลงานของตัวหุ้น ผลงานของตัวบริษัทในอดีตว่า ผู้บริหารทีฝีมือดี มีการดำเนินงานมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หรือเติบโตมาตลอดหรือไม่ จะเป็นการเสริมความมั่นใจว่าเราถือหุ้นได้ถูกตัว
ถ้าเราดูแค่ข้อมูลพวกนี้อย่างเดียว จะไม่ต่างจากการขับรถโดยดูแต่กระจกมองหลัง ซึ่งไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าไม่จบลงที่ชนท้ายคันหน้าก็ กองอยู่ข้างทาง ดังนั้นเราควรจะไปวิเคราะห์เพิ่มกันต่อในข้อถัดไปด้วยนะครับ
วิเคราะห์หุ้นโดยดูจากข้อมูลในปัจจุบัน
ส่วนนี้จะเป็นการดูงบการเงิน ว่ามีเงินสดอยู่เท่าไหร่ มีหนี้สินเท่าไหร่ เป็นต้น
ตัวนี้จะมีประโยชน์ในการสร้างความมั่นใจให้เราว่า หุ้นของบริษัทนี้ ตัวบริษัทนี้มีความแข่งแกร่งเพียงใด มีความพร้อมต่อการลงทุนเพิ่ม หรือการขยายโครงการในอนาคตที่ทางบริษัทออกมาคุย(โม้)ไว้หรือไม่ ถ้าบอกจะขยายธุรกิจแต่ในบัญชีมีหนี้สินพะรุงพะรังแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ถ้าเราดูแต่อดีตผลงานดีมาก แถมปัจจุบันการเงินก็มั่นคง แต่ไม่ได้วิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต เราอาจจะได้หุ้นแกร่งแต่อยู่ในช่วงถดถอยก็ได้(หากแนวโน้มตลาดไม่โต) ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นราคาหุ้นก็จะไม่ไปไหน บางทีถือกันจนเหนื่อย
วิเคราะห์หุ้นโดยดูแนวโน้มในอนาคต
อันนี้จะเน้นไปที่การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ และดูแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ในธุรกิจที่บริษัทที่เราสนใจลงทุนอยู่ ซึ่งมันจะบอกได้ว่า บริษัทจัดอยู่ในประเภทไหน โตช้า ปานกลาง หรือโตเร็ว
■การดูแนวโน้มตลาดนั้น เราก็ลองวิเคราะห์หาข้อมูลดูว่า ตลาดในธุรกิจที่บริษัทที่เราสนใจ(จะซื้อหุ้น)ลงทุนอยู่ มีแน้วโน้มเติบโตไปเรื่อยๆ หรือไม่ หรือว่าตลาดอิ่มตัวแล้ว ถ้าตลาดมีแน้วโน้มโตได้อีก แบบนี้ หุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดนั้นๆ ก็น่าจะสามารถโตได้เช่นกัน
■ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น เราต้องไปดูแน้วโน้มใหญ่ๆ (Mega Trends) ว่าเป็นไปในแนวทางไหน เช่น คนรุ่นใหม่ใช้อินเตอร์เนตเพิ่มขึ้น คนชอบความสะดวกและเข้าร้านสะดวกซื้อมากขึ้น สังคมบ้านเรามีผู้สูงอายุมากขึ้น รถยนต์เพิ่มมากขึ้นจากโครงการรถคันแรก เป็นต้นครับ
จากนั้น เราก็ดูว่าบริษัทได้ออกแบบธุรกิจ เพื่อรองรับกับพฤติกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงของ ผู้บริโภคในระยะยาวหรือไม่ ถ้าบริษัทจับเทรนได้ หุ้นของก็จะเติบโตได้เร็ว และแน่นอนว่ามันจะทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้อีกมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
สรุปการวิเคราะห์หุ้น
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การเล่นหุ้น ลงทุนหุ้น เป็นเรื่องของการมองไปข้างหน้า การดูแนวโน้มในอนาคตจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ต้องวิเคราะห์ในส่วนอื่นนะครับ เพราะการวิเคราะห์อดีตและปัจจุบันของหุ้นแต่ล่ะตัว เป็นการเตรียมตัวเราให้พร้อมที่จะคว้าโอกาศที่จะมาถึง เพราะหากเกิดแน้วโน้มใหม่ๆ เกิดขึ้น คนที่มีข้อมูลพร้อม และรู้จักธุรกิจ หรือบริษัทเป็นอย่างดีเท่านั้น ที่จะเป็นคนแรกๆ ที่คว้าโอกาสงามๆ นั้นไป
ลองคิดดูนะครับว่า สมมติว่า ตลาดรถยนต์ ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์กำลังจะบูมอย่างมาก ใครจะเป็นคนคว้าโอกาสซื้อหุ้นดีดี ได้ก่อน ระหว่างคนที่รู้จักธุรกิจนี้ดี และอ่านแงะ แกะงบการเงินมาแล้วทุกบริษัท กับคนที่รู้แค่ว่าตลาดนี้กำลังจะบูม
ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมวันๆ Warren Buffett ถึงเอาแต่อ่านรายงานประจำปี
ปล. เครดิตบทความโดย Stock Tip